แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีผู้กำกับหนังชาวบราซิลคนหนึ่ง เมื่อสัก 20 กว่าปีก่อน เขากำลังจะสร้างหนังอยู่เรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ก็มีเด็กเป็นดารานำ แต่ก็หานักแสดงที่ถูกใจไม่ได้ คัดเลือกแล้วก็ไม่ได้ถูกใจสักที
วันหนึ่งเขาไปทำงานแถวใกล้ๆสถานีรถไฟ ก็มีเด็กคนหนึ่งอายุประมาณ 10 ขวบ เดินตามเขา แล้วก็ถามว่าคุณครับขัดรองเท้าไหมครับ เป็นเด็กขัดรองเท้า ดูสารรูปแล้วก็ยากจน แต่ผู้กำกับคนนี้รองเท้ายังใหม่เอี่ยมอยู่เลย ก็เลยปฏิเสธไป เด็กคนนี้ก็ไม่ลดละเดินตามเขาไป แล้วก็บอกเขาไปว่า คุณครับวันนี้ข้าวยังไม่ตกถึงท้องผมสักเม็ด ขอยืมเงินไปซื้อข้าวได้ไหมครับ และผมสัญญาว่าจะหาเงินมาคืนในอาทิตย์นี้
ผู้กำกับคนนี้ได้ฟังได้ยินคำขอแบบนี้มาเยอะแล้ว เพราะว่าแถวนั้นมีเด็กเร่ร่อนเด็กยากจนเยอะ แต่เขาคิดว่าเงินที่เด็กอยากได้ มันก็ไม่มากเท่าไร ก็ควักเงินให้ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ราว 10 บาท 20 บาท แล้วเขาก็ไปทำธุระต่อ ผ่านไปครึ่งเดือน บังเอิญเขามีธุระอยู่แถวนั้น พอเดินใกล้สถานี ก็มีเสียงเด็กคนหนึ่งตะโกนเรียก คุณครับๆ รอผมหน่อย เขาก็หยุด ปรากฏว่าเป็นเด็กคนที่เคยมาขอยืมเงินเขา
ที่จริงตอนนั้น เขาลืมไปแล้วเรื่องเด็กคนนี้ เพราะไม่คิดว่าจะได้เงินคืนตามที่เด็กสัญญา ทีแรกเขานึกว่าเด็กจะมาขอเงินเขาอีก ที่จริงไม่ใช่ เด็กบอกว่าผมมารอคุณตรงนี้มาหลายวันแล้ว เพราะว่าจะเอาเงินมาคืนให้ เด็กดีใจที่ได้เจอผู้กำกับคนนี้ เพราะว่าจะได้คืนเงินสักที รอมาหลายวันแล้ว
ผู้กำกับก็แปลกใจว่าเด็กทำตามสัญญา ก็เกิดความประทับใจเด็กคนนี้ แล้วพอเพ่งพินิจดูสารรูปของเด็กคนนี้ มันก็ตรงกับตัวละครที่เขาอยากจะถ่ายทอดเป็นหนัง ก็เลยชวนเด็กคนนี้ บอกว่าพรุ่งนี้หนูลองไปทดสอบหน้ากล้องที่บริษัทผมหน่อย บางทีหนูมีโอกาสจะดีใจครั้งใหญ่ในชีวิต เด็กก็ดีใจ
วันรุ่งขึ้น ผู้กำกับไปที่บริษัท ปรากฏว่ามีเด็กกลุ่มใหญ่หลายคนอยู่ที่หน้าบริษัท เขาก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กคนนี้แหละมาหาเขา แล้วก็บอกว่า ผมมีเพื่อนที่เป็นเด็กเร่ร่อนหลายคนเลย คนเหล่านี้ก็ไม่มีพ่อไม่มีแม่เหมือนผม ผมอยากให้เขามีโอกาสดีๆ มีโอกาสดีใจเหมือนผมบ้าง ผมก็เลยชวนมาหมดเลย
ผู้กำกับคนนี้ก็ประทับใจเด็กคนนี้มาก เด็กมีโอกาสที่จะเป็นดาราแล้ว แต่ไม่คิดหวงโอกาสนี้ไว้คนเดียว อยากให้เพื่อนๆได้มีโอกาสด้วย เด็กก็คงรู้ว่า ถ้าคนอื่นได้รับเลือกเป็นดารา เขาก็หมดสิทธิ์ เพราะว่าเขาคัดเลือกเอาคนเดียวเท่านั้น แต่เด็กคนนี้ไม่ได้นึกถึงแต่ตัวเอง นึกถึงเพื่อนๆด้วย เขาก็เลยประทับใจเด็กคนนี้
แต่ไหนๆเด็กมากันเยอะแยะ งั้นก็ให้ทุกคนได้มีโอกาสไปทดสอบหน้ากล้อง เขาคัดเลือกได้หลายคนที่เหมาะกับหนังเรื่องนี้ เด็กคนที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ในการคัดเลือกของกองถ่ายเลย แต่พอมาถึงมือผู้กำกับคนนี้ ผู้กำกับคนนี้เห็นว่า เด็กคนนี้แม้จะสู้เด็กคนอื่นไม่ได้ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เขามี เขามีเมตตามีน้ำใจ
ผู้กำกับก็เลยเขียนความเห็นไปที่กองถ่าย แล้วก็บอกว่า ความมีเมตตาของเด็กคนนี้ผ่านการทดสอบ หมายความว่าผู้กำกับจะเอาคนนี้แหละ แม้กองถ่ายจะเลือกคนอื่น แต่ผู้กำกับจะเอาคนนี้ เพราะสิ่งที่เขามีคือความมีเมตตามีน้ำใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วไม่ต้องทดสอบอะไรอีก ปรากฏว่าเด็กคนนี้ก็ได้รับเลือกเป็นนักแสดงในหนังเรื่องนี้ แล้วเด็กก็ตีบทแตก
หนังเรื่องนี้ กลายเป็นหนังที่มีชื่อเสียงมาก ได้รับรางวัลมากมายทั่วโลก หนังเรื่องนี้คือ Central Station ก็คือหมายถึงสถานีรถไฟ ซึ่งมีเด็กเร่ร่อนหรือเด็กยากจนอยู่เย่อะ เด็กคนนี้ตอนหลังก็มีชื่อเสียง แล้วก็กลายเป็นดาราชื่อดัง ผ่านมาเกือบ 30 ปีแล้ว ตอนนี้เขาก็เป็นประธานบริษัทสร้างหนังที่มีชื่อ แต่ประเด็นสำคัญก็คือเรื่องราวของเด็กคนนี้ ความมีน้ำใจของเด็กคนนี้น่าประทับใจมาก
เด็กคนนี้นอกจากมีความซื่อสัตย์แล้ว ยืมเงินใครแล้วก็ไม่คิดจะเม้มเอาไว้ รับปากจะคืน ก็หาทางคืนให้ได้จะต้องรอกี่วัน ก็ยอม และที่สำคัญเด็กเป็นคนที่มีน้ำใจ มีโอกาสที่จะเป็นดารา แต่ก็ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเอง อยากให้คนอื่นมีโอกาสด้วย ทั้งที่ถ้าคนอื่นได้เป็นดาราแล้ว ตัวเองก็อด
อันนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ แล้วก็ชี้ให้เห็นว่า เด็กตัวเล็กๆเขาก็มีคุณธรรม แม้เขาจะยากจน แม้จะเป็นเด็กเร่ร่อน ไม่มีพ่อแม่ แต่ว่าเขาก็มีความใฝ่ดี มีความดีที่สามารถจะเป็นแบบอย่างให้กับคนอื่นได้ คนเหล่านี้ เด็กแบบนี้เขาก็สอนธรรมให้กับเราได้ ในเรื่องของความซื่อสัตย์ ในเรื่องของความเสียสละ
และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งพอเราฟังเรื่องราวของเด็กแบบนี้ เราก็เกิดความรู้สึกมีความสุข เรื่องดีๆ การทำความดีหรือความเสียสละ ความมีน้ำใจ ของคนแม้จะเป็นเด็กเล็กๆ พอเราได้ฟังแล้วเราก็จะรู้สึก ชุ่มชื่นใจ ความดีของคนเหมือนกับน้ำใสเย็นชโลมใจ ได้ฟังแล้วก็เกิดความสุข เกิดความประทับใจ
เรื่องแบบนี้ก็สำคัญโดยเฉพาะในช่วงนี้ มีข่าวคราวที่ชวนให้สลดหดหู่ บางทีก็คับแค้น บางทีก็ห่อเหี่ยว ข่าวแต่ละชิ้นๆทาง LINE ก็ดี Social Media ก็ดี ทางเว็บไซต์ก็ดี มันทำให้คนรู้สึกแย่ แต่ถ้าหากว่าเรารับรู้หรือจมอยู่กับเรื่องราวแบบนี้อย่างเดียว มันจะทำให้เราสิ้นเรื่ยวสิ้นแรง ทำให้จิตใจแห้งผาก
บางทีถ้าเราหันมาไปรับรู้เรื่องราวดีๆ ความเสียสละ ความมีน้ำใจของผู้คน โดยเฉพาะในยามนี้ซึ่งผู้คนเดือดร้อนกันมาก แต่ก็มีคนเสียสละอุทิศตัวยอมเสี่ยงอันตรายมากมายซึ่งมีอยู่เยอะ แล้วพอเราฟังเรื่องราวแบบนี้ ก็จะทำให้เรามีกำลังใจ มีความชุ่มชื่นใจ แล้วมันก็ช่วยถ่วงดุล ไม่ให้เรารับรู้แต่เรื่องร้ายๆ
ในสถานการณ์แบบนี้ก็มีเรื่องดีๆเยอะเพียงแต่ว่าเราไม่ค่อยได้รับรู้เท่าไร ลองเปิดใจรับรู้เรื่องแบบนี้บ้าง ก็จะทำให้เรามีกำลังใจ แล้วก็ช่วยหล่อเลี้ยงใจให้เรามีความสุข หรือว่ามีกำลังที่จะทำความดีเพื่อผู้อื่น หรืออย่างน้อยก็ไม่หดหู่ห่อเหี่ยวท่ามกลางข่าวสารที่ชวนให้เป็นทุกข์ พยายามเปิดใจรับสิ่งเหล่านี้บ้าง ซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อย แล้วก็ทำให้เรามีกำลังใจในการที่จะใช้ชีวิตในแต่ละวัน
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วัดป่าสุคะโต วันที่ 31 กรกฎาคม 2564