แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
การที่เรานั่งอยู่ตรงนี้ขณะนี้ ถ้าใคร่ครวญให้ดีก็ถือว่า เรายังมีโชค อย่างน้อย 2 ประการก็คือ หนึ่ง มีอาหารกิน หลายคนไม่มีอาหารกิน หรือว่าขาดแคลนอาหาร มีกินก็จริงแต่ว่าน้อย ไม่พอเพียง อย่างพวกเราวันนี้ นอกจากอาหารพอเพียงแล้วยังมีคุณภาพดีด้วย โชคดีอย่างที่สองก็คือว่า นอกจากมีอาหารกินแล้ว เรายังกินอาหารได้
คนจำนวนไม่น้อย แม้จะมีอาหารดีๆอยู่ข้างหน้า แต่ว่ากินไม่ได้เพราะเบื่ออาหาร หรือเพราะกินไม่ลง อาจจะเป็นเพราะว่ามีความเศร้าโศก มีความเครียด มีความกลุ้มอกกลุ้มใจ ก็ทำให้กินอาหารไม่ลง บางคนฟันฟางก็ไม่ดี อยากกินแต่ว่าเคี้ยวอาหารไม่ค่อยได้ บางคนชอบกินเนื้อ ชอบกินสเต็กไก่ย่างแต่ว่ากินไม่ได้เพราะว่าฟันโยกเยก อันนี้คนแก่จำนวนมากเป็นอย่างนั้น หรืออาจจะเจ็บป่วยถึงขั้นต้องใส่ท่อ พอใส่ท่อแล้วก็กินอาหารไม่ได้ ต้องรับอาหารทางสายยางหรือไม่ก็รับได้แต่น้ำเกลือ
แต่ว่าพวกเรา ยังไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฟันฟางก็ยังดีอยู่ ยังแข็งแรง เพราะฉะนั้น การที่เรายังกินอาหารได้ก็ถือว่าโชคดี
แต่อย่าไปคิดว่ากินอาหารได้แบบนี้ไปได้เรื่อยๆ มันก็จะมีบางช่วงบางจังหวะหรือบางระยะของชีวิตที่เรากินอาหารไม่ได้อย่างตอนนี้
การกินอาหารจะว่าไปมันก็เหมือนกับเป็นเรื่องที่ง่าย เพราะว่าเรากินมาตั้งแต่เล็ก กินมาตั้งแต่เด็ก แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่ามันต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาศัยความพร้อมของร่างกาย และก็ความพร้อมของสถานการณ์ เช่น หากเกิดมีพายุ แผ่นดินไหว ก็ไม่สามารถที่จะกินอาหารได้หรือไม่มีจะกินด้วยซ้ำ
หลายสิ่งหลายอย่างที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ที่จริงแล้ว ต้องถือว่าเป็นโชคที่เราทำได้ เพราะว่ากว่าเราจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ มันต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่างที่เรานึกไม่ถึงเลย เช่น การเดิน เราก็เดินมาได้ตั้งแต่เล็กแล้วเราก็เดินได้แม้กระทั่งในเวลาหลับ ก็คือละเมอ เราดูเหมือนว่าจะเป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่เกิด แต่ที่จริงไม่ใช่ เราต้องอาศัยหลายอย่าง อาศัยปอด อาศัยหัวใจ อาศัยสมอง อาศัยกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นประสาท ถ้าปอดไม่ดี หัวใจไม่ค่อยแข็งแรง การเดินก็กลายเป็นเรื่องยากมาก คนเฒ่าคนแก่รู้ดี
ตอนหนุ่มตอนสาว การเดินเป็นเรื่องง่ายมาก แต่ว่าตอนนี้การเดินเป็นเรื่องยากมาก เพราะว่าปอดไม่ดี หัวใจไม่ดี บางทีสมองก็ไม่ดี เส้นเลือดอุดตัน สมองเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต เดินไม่ได้เสียแล้ว หรือแม้เป็นคนปกติ ไม่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต แต่เราเดินได้เพราะอาศัยปอด อาศัยหัวใจ อาศัยกระดูก อาศัยเส้นประสาท อาศัยกล้ามเนื้อ และพวกนี้มันจะทำงานได้ดีต้องอาศัยเลือด อาศัยออกซิเจน อาศัยแร่ธาตุและวิตามิน โปรตีน สารพัดเลย ถ้าหากว่าแร่ธาตุบางตัวขาดหายไปหรือมีน้อย มันก็เดินไม่ค่อยได้ บางทีก็เดินตุปัดตุเป๋เพราะว่าสมองขาดสารพวกนี้ มันก็สั่งการไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน
จะว่าไปแล้ว การที่เราเดินได้ต้องอาศัยปัจจัยนับสิบนับร้อย กลไกต่างๆในร่างกายนับร้อยอย่าง มันช่วยกันประสานอย่างราบรื่นกลมกลืนทำให้เราเดินได้ เดินตรงไม่เอียง ถ้าหากว่าตัวใดตัวหนึ่งขาดหายไป โปรตีนบางอย่างหายไป ไม่ต้องพูดถึงหัวใจ ปอด แค่แร่ธาตุบางอย่างหายไป การเดินกลายเป็นเรื่องลำบาก เดินไม่ตรงทางหรือเดินไม่ได้เลย เหมือนกับรถยนต์จะวิ่งได้ต้องอาศัยชิ้นส่วนนับร้อยหรือบางทีหลายร้อย กว่าที่รถจะวิ่งได้ ถ้าหากว่าชิ้นส่วนบางตัวหายไป เอาแค่หัวเทียนดับ หัวเทียนบอดหรือสายไฟฟ้าขาด รถก็วิ่งไม่ได้ถึงแม้จะดูแข็งแรงดูใหม่เอี่ยม
การเดินก็เหมือนกันหรือยิ่งกว่านั้น ต้องใช้เหตุปัจจัยต่างๆสนับสนุนนับร้อยหรืออาจจะนับพัน ขาดตัวใดตัวหนึ่งไปเป็นเรื่องเลย แต่เราไม่ค่อยตระหนักว่า การที่เราเดินได้ จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อนมากในร่างกายของเรา เรามองข้ามการที่เราเดินได้
และเมื่อมาถึงวันที่เดินไม่ได้ เดินลำบากเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตนอนติดเตียง หรือเพราะว่าแร่ธาตุบางอย่างมันขาดหายไป โปรตีนบางอย่างมันเพี้ยนไป หรือว่าเอาแค่ว่าแก่ชรา ปอดหัวใจไม่ดี กล้ามเนื้อเหี่ยว เดินไม่ค่อยได้เมื่ออายุ 80-90 การเดินที่เราคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ ตั้งแต่เด็กจนเฒ่า ที่จริงไม่ใช่ธรรมดาเลย
เพราะฉะนั้น จึงบอกได้ว่า การที่เราเดินได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมาก คนเฒ่าคนแก่ตอนที่เป็นหนุ่มเป็นสาวไม่อยากเดินไปไหนก็นั่งรถขี่มอเตอร์ไซค์ แต่พอแก่ตัวเดินลำบากกลับอยากเดิน จะเดินเข้าห้องน้ำ ลูกหลานพยาบาลก็อยากจะช่วยประคับประคอง เจ้าตัวไม่ยอมบอกว่าฉันจะเดินเอง ฉันจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่ลูกหลานก็กลัวว่าจะหกล้ม แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอม จะเดินให้ได้ เพราะว่าการเดินหมายถึงยังมีความสามารถ ยังมีความอิสระอยู่ในระดับหนึ่ง ตอนเดินได้ไม่อยากเดิน แต่พอเดินไม่ได้ อยากจะเดิน เพราะว่านึกเสียดายความสามารถในการเดิน
ทุกอย่างเลย แม้กระทั่งการนั่ง ที่เรานั่งอยู่ตรงนี้ได้ ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องที่อัตโนมัติ การที่เราจะนั่งได้เราก็ต้องอาศัยเหตุปัจจัยหลายอย่าง เพราะฉะนั้น การที่เรานั่งได้ก็ถือว่าเป็นโชค คราวนี้เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราก็รู้ว่า การที่เราจะมีโชคอย่างนี้ไปตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้นาน พอถึงวันที่เราป่วย ถึงวันที่เราแก่ชรา เราจะทำอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว กินก็ลำบาก เดินก็ลำบาก นั่งก็ลำบาก
เพราะฉะนั้น ขณะที่เราทำได้อยู่ ก็ให้เรารู้สึกว่าเราโชคดี ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เรายังทำได้ทุกอย่างในตอนนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอ ต้องมีความระมัดระวังด้วย ดูแลรักษาให้ดี เพื่อไม่ให้อาการที่ว่าเกิดขึ้นเร็ววัน ไม่ใช่ว่าใช้ร่างกายแบบสมบุกสมบัน ไม่ดูแล คิดว่าร่างกายของเราจะทำอย่างที่เคยทำไปได้ตลอด อันนี้เรียกว่าประมาทมาก มันจะทำอย่างนี้ไปได้อีกไม่นานหรอก เพราะฉะนั้น ก็ต้องรักษาดูแล
แล้วพอถึงเวลาที่มันเสื่อม กินลำบาก เดินลำบากอย่าว่าแต่วิ่งเลย เราก็จะได้ไม่ทุกข์มาก เพราะว่าเรายอมรับได้ เราเตรียมใจไว้แล้วว่า เราจะมีโชคแบบนี้ไปได้อีกไม่นาน รู้ตัวล่วงหน้า พอถึงเวลาเสื่อม เราก็ทำใจได้ ยอมรับได้ ไม่โวยวาย ไม่ตีโพยตีพายและก็ขอบคุณร่างกาย ที่ช่วยเรา รับใช้เรามาตลอด ถึงตอนนี้เขาอยากจะพัก เราก็ต้องดูแลเอาใจใส่ ประคับประคองเขาไป ถ้าทำอย่างนี้ได้ ทำให้ไม่เป็นทุกข์มาก
ในขณะเดียวกัน ขณะที่ทำอะไรได้อยู่ ร่างกายเป็นปกติ อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องที่วิเศษมาก มันไม่ใช่ง่ายเลยที่ร่างกายเราจะเป็นอย่างนี้ได้ กินอาหารได้ เดินได้ วิ่งได้ นั่งได้ หรือแม้แต่นอนได้ มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยเหตุปัจจัยมากมาย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ง่าย ถ้ามันยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่โชคดี และก็จำเป็นที่เราจะต้องดูแลสภาวะนี้ให้ดีที่สุด จนกว่ามันจะเสื่อมไป แล้วเราก็ไม่ทุกข์อะไรเพราะเราได้เตรียมใจไว้แล้ว
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วัดป่าสุคะโต วันที่ 27 กรกฎาคม 2564