แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตอนนี้การเก็บตัวอยู่บ้าน ไม่ออกไปไหนมาไหน เป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด เพราะว่าช่วงนี้โรคโควิดมันก็ระบาดไปทั่ว เชื้อโคโรนาไวรัสกระจายไปแทบทุกหนทุกแห่งเลยก็ว่าได้ ถ้าออกไปข้างนอกก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อได้ง่าย เพราะฉะนั้นอย่างที่เราทราบ มีคำแนะนำที่เน้นย้ำให้เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่ออกไปไหนมาไหนโดยไม่จำเป็น แม้ว่าจะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม เพราะแม้จะฉีดวัคซีน 2 เข็มก็ไม่ได้มีหลักประกันป้องกันการติดเชื้อ เพราะติดเชื้อแล้วก็ไม่มียาหรือวิธีรักษาที่ได้ผลหรือมีประสิทธิภาพอย่างที่ไว้ใจได้
เหมือนกับโรคหลายชนิดที่ทุกวันนี้ไม่เป็นปัญหาแล้ว ทั้งที่แต่ก่อนนี้คร่าชีวิตผู้คนไปมาก แต่ตอนนี้เรายังไม่มีวิธีหรือยารักษาโควิดที่มีประสิทธิภาพขนาดนั้น เพราะฉะนั้น การเก็บตัวอยู่บ้านจึงเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุดทั้งกับตัวเราเองและคนที่อยู่ในบ้าน ลูกหลาน พ่อแม่ ตอนนี้พูดได้ว่าการออกจากบ้านกลายเป็นความเสี่ยงหรือว่าเป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา
ที่จริงกับจิตใจก็เหมือนกัน การออกจากบ้านเป็นอันตรายต่อร่างกายฉันใด ถ้าใจออกจากบ้าน มันก็เสี่ยง มันก็เป็นอันตรายเหมือนกัน ใจก็มีบ้านเหมือนกัน ใจก็ต้องการบ้านด้วย อย่าไปคิดว่าบ้านเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายอย่างเดียว เรามักจะนึกว่า เรามีบ้านที่สร้างด้วยไม้ก่อด้วยอิฐหรือปูนเท่านั้น อันนั้นเป็นบ้านของกาย
บ้านของใจก็เป็นสิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้ และใจเราก็ต้องการบ้านเหมือนกัน ถ้าออกจากบ้านเมื่อไรก็อันตราย เกิดความทุกข์ เกิดความวิตก ความกลัดกลุ้มสารพัดตามมา
บ้านของใจคืออะไร คือสติปัฏฐาน คือความระลึกรู้กายและใจ หรือพูดง่ายๆคือความรู้สึกตัวก็ได้ ถ้าใจเราออกจากความรู้สึกตัว ออกจากสติปัฏฐาน ออกจากความระลึกรู้กายและใจ มันก็เป็นอันตรายเหมือนกัน คืออันตรายที่จะโดนความทุกข์นานาชนิดเข้ามารุมทำร้าย
พระพุทธเจ้าเคยตรัสนิทานเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องของนกชนิดหนึ่งเรียกว่านกมูลไถ ชอบหากินตามทุ่งนาโดยเฉพาะตามรอยไถที่แตกหรือแข็งจะเป็นแหล่งอาหาร มีนกตัวหนึ่งเกิดอยากจะเที่ยว ก็เลยออกไปหากินนอกทุ่งนา ปรากฏว่าโดนเหยี่ยวตัวหนึ่งจับไป มันจิกตัวแล้วพาทะยานขึ้นฟ้าเลย ในขณะที่อยู่กลางท้องฟ้าอยู่ในกรงเล็บของเหยี่ยวตัวนี้ นกมูลไถก็เกิดรำพึงขึ้นมาว่า ไม่น่าเลย เราไม่น่าออกจากถิ่นของพ่อเลย พ่อเคยสอนว่าอย่าออกจากถิ่นของพ่อ นี่เป็นเพราะเราออกจากถิ่นของพ่อทีเดียว เราก็เลยโดนเหยี่ยวตัวนี้จับ ถ้าเรายังอยู่ในถิ่นของพ่อ ป่านนี้เราก็ยังปลอดภัย
เหยี่ยวได้ยินด้วยความทะนงตน มันเชื่อมั่นเลยว่า ไม่ว่านกตัวนี้จะไปอยู่ไหน ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากกรงเล็บของฉันไปได้ ก็เลยถามนกมูลไถว่า ถิ่นของพ่อเจ้าอยู่ที่ไหน นกมูลไถบอกว่าอยู่ในทุ่งนานี้แหละ เหยี่ยวมันต้องการแสดงความสามารถ มันก็เลยพานกมูลไถตัวนี้กลับไปถิ่นของนก ไปหย่อนตรงทุ่งนา แล้วก็เหินขึ้นฟ้าเพื่อที่จะโฉบลงมาจับนกมูลไถอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่ามันเชื่อว่านกมูลไถไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็ไม่มีทางรอดพ้นกรงเล็บของมันได้
พอนกมูลไถถึงทุ่งนาถิ่นของมันแล้ว มันก็พูดท้าทายเลยว่าให้เหยี่ยวลงมาจับเลย พอเหยี่ยวได้ยินเสียงท้าทาย ก็ยิ่งโมโหบินโฉบมาเลยด้วยความเร็ว หมายจะสั่งสอนแล้วลงโทษนกมูลไถที่เหิมเกริมดูถูกความสามารถของมัน พอเหยี่ยวใกล้จะถึงตัวนกมูลไถ นกมูลไถก็รีบหลบเข้าไปอยู่ใต้รอยไถ เหยี่ยวหลบไม่ทัน ตัวก็เลยกระแทกพื้นดิน ตายคาที่เลย นกมูลไถก็เลยปลอดภัย
พระพุทธเจ้าตรัสเล่านิทานเรื่องนี้เสร็จก็บอกว่า ภิกษุทั้งหลายถ้าเธอยังอยู่ในถิ่นของพ่อ เธอก็จะปลอดภัย ปลอดภัยจากมาร หรือปลอดภัยจากความทุกข์ แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า ถิ่นของเธอคืออะไร ก็คือสติปัฏฐาน จะเรียกว่าเป็นบ้านของใจก็ได้ ถ้าใจเรามีบ้านอย่างนี้ก็จะปลอดภัย ถ้าจิตของเราอยู่กับความรู้สึกตัว มีความระลึกรู้ในกายและใจ ความทุกข์ก็เข้ามาเล่นงานได้ยาก
เรามักจะมองข้ามบ้านของใจไป เรารู้จักแต่บ้านที่คุ้มหัวคุ้มกายให้ปลอดภัยจากอันตราย แต่ก่อนก็มีอันตรายจากสิงสาราสัตว์สมัยที่เรายังอยู่ป่า หรือว่าอยู่ใกล้ป่าในหมู่บ้าน มันก็มีเสือมีช้างเป็นอันตราย คนก็ต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านโดยเฉพาะเวลาค่ำคืน พอมาอยู่กันเป็นเมืองก็มีอันตรายจากผู้ร้าย มิจฉาชีพ เพราะฉะนั้นบ้านก็เป็นที่ๆมีสันติภาพในชีวิต มีความปลอดภัย แต่ถึงตอนนี้แม้ว่าจะไม่มีสัตว์ร้าย หรือว่ามิจฉาชีพอาจจะลดน้อยบางเบาลง แต่มันจะภัยตัวใหม่คือ covid นี่แหละ
เพราะฉะนั้น การเก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นวิธีการที่จะช่วยทำให้เราปลอดภัยจากอันตราย แต่อันตรายที่ว่านี้เป็นอันตรายเฉพาะกับร่างกายหรือสุขภาพทางกาย ยังมีภัยที่มันสามารถที่จะทำร้ายจิตใจของเราได้ แต่ถ้าเกิดว่าใจเราอยู่ในบ้าน มันก็จะปลอดภัยเหมือนนกมูลไถถ้าหากว่าอยู่ในถิ่นของพ่อ ไม่ออกไปไหนเพ่นพ่าน มันก็จะรอดพ้นจากกรงเล็บเหยี่ยว ภัยนานาชนิดได้
ในยามนี้นอกจากเก็บตัวอยู่ในบ้านแล้ว อย่าให้การเก็บตัวเป็นแค่การเก็บกายอยู่แต่ในบ้าน แต่ต้องรักษาใจให้อยู่ภายในบ้านด้วยเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นมันก็จะถูกความทุกข์ ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความวิตกกังวล ความหนักอกหนักใจเข้ามาเล่นงาน ถ้าไม่รู้สึกตัวเมื่อไหร่ ออกจากความรู้สึกตัวเมื่อไหร่มันก็หลง พอหลงเมื่อนั้นเจออะไรมากระทบ มันก็กระเพื่อมได้ง่าย มีอารมณ์เกิดขึ้นจากผัสสะ จากสิ่งที่มากระทบไม่ว่าจะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ แม้กระทั่งความคิด แล้วพอหลงก็เข้าไปยึดเข้าไปแบกหรือหลงจมเข้าไป เกิดเป็นความทุกข์ขึ้นมา
ตอนนี้ผู้คนทุกข์จำนวนมาก แม้แต่คนที่เก็บตัวอยู่ในบ้านแม้ว่าร่างกายจะปลอดเชื้อ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาคุกคาม แต่ว่าจิตใจเป็นทุกข์มาก เพราะว่าใจของเขายังเถลไถลออกนอกบ้านอยู่ ออกจากความรู้สึกตัว ออกจากความระลึกรู้ในกายและใจ ถ้าใจอยู่กับความระลึกรู้ หรือมีความรู้สึกตัวครองใจ เวลาทำอะไรใจก็อยู่กับสิ่งนั้น หรือว่าทำอะไร ก็รู้ตัว ทีแรกก็รู้กายเคลื่อนไหว เพราะว่าใจอยู่กับเนื้อกับตัว เวลาอาบน้ำ กินข้าว แปรงฟัน ใจที่ระลึกรู้ในกาย มันจะเกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา มีความรู้สึกตัวขึ้นมา มันก็ไม่เปิดช่องให้ความหลงหรือความทุกข์ที่คู่มากับความหลง มาครอบงำใจได้
ถ้าเราลองฝึกดู เวลากายทำอะไร ใจก็รู้ อย่างที่เรียกว่ารู้กายเคลื่อนไหว และที่สำคัญเวลาใจคิดนึกอะไร ก็เห็น ก็รู้ทันความคิดนึกนั้น ไม่ว่าจะคิดบวกคิดลบหรือแม้ว่าจะมีอารมณ์เกิดขึ้นจากความคิด เพราะอารมณ์มักจะตามมาพร้อมกับความคิด เราคิดถึงความสุขในวัยเยาว์ หรือว่าความสนุกสนานกับเพื่อนฝูง ใจเราก็พลอยเกิดมีความสุข ถ้าเราระลึกถึงความทุกข์ ความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นคนรัก ของรัก ก็เกิดความเศร้าขึ้นมา นึกถึงคนที่เราไม่ชอบ นึกคนที่เราเกลียด ก็เกิดความโกรธ ความรุ่มร้อน อันนี้เรียกว่ามันเกิดผัสสะขึ้นมาชนิดหนึ่ง เป็นผัสสะทางใจ ไม่ใช่ผัสสะที่เกิดจากการกระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายเท่านั้น
เพราะฉะนั้นถ้าเรามีสติระลึกรู้หรือรู้ทันอารมณ์เหล่านี้ รู้ทันความคิดเหล่านี้ มันก็จะสลัด มันก็จะปล่อย มันก็จะวาง คือ ไม่หลงยึดความคิดและอารมณ์เหล่านั้นจนถลำเข้าไปในความทุกข์ได้ มันก็ทำให้จิตปลอดจากความทุกข์ บ่อยครั้งแม้ว่าไม่มีความทุกข์อยู่ต่อหน้า อยู่สบายกินอิ่มนอนอุ่น มีคนรักอยู่รอบข้าง แต่ว่าผู้คนก็ยังมีความทุกข์ เพราะใจเผลอไปนึกถึงเรื่องราวในอดีต หรือว่าไปปรุงแต่งถึงภาพเหตุการณ์ในอนาคต และนี่คือสิ่งที่ผู้คนจำนวนมากกำลังเป็นทุกข์อยู่ในปัจจุบันโดยเฉพาะในขณะที่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ทั้งๆที่ในบ้านก็ปลอดภัย บ้านก็สบาย แต่ว่าใจเป็นทุกข์ เพราะว่าใจนึกถึง ความสุขในอดีต นึกถึงวันอิสระเสรี ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ ได้สังสรรค์กับเพื่อนฝูง ได้ไปเที่ยวห้าง ได้ไปซื้อ ได้ไปกินของที่ชอบ แต่ตอนนี้ต้องกักตัวอยู่ในบ้าน กลายเป็นความทุกข์ทรมานขึ้นมา
แล้วพอทุกข์ทรมานมากๆก็ทนไม่ไหว ก็ต้องออกไปเที่ยว ออกไปสัมผัสไปเห็นแสงสีไปเจอผู้คน มันทนไม่ได้ที่ต้องอยู่ในบ้าน การอยู่ในบ้านเหมือนกับการติดคุก ทำให้ต้องพยายามแหกคุก เสร็จแล้วเป็นอย่างไร ไปติดเชื้อกลับมา พอไปติดเชื้อมาตนเองไม่ได้เดือดร้อนคนเดียว ทำให้คนในบ้านพลอยเดือดร้อนติดเชื้อไปด้วย บ้านของตัวเองแท้ๆกลายเป็นคุกไปเลย ถ้าหากว่าไม่รู้จักรักษาใจ ปล่อยให้ความเบื่อ ความเหงา ความเครียด ความวิตกกังวลมาเล่นงาน และเดี๋ยวนี้มันไม่ใช่แค่ความวิตกกังวล ความเครียด มันมีความโกรธ มันมีความเกลียดเกิดขึ้นสารพัด บ้านก็เลยกลายเป็นคุก ถ้าหากว่าเราไม่รู้จักรักษาใจให้อยู่กับเนื้อกับตัว อยู่กับความรู้สึกตัว ให้มีสติระลึกรู้กายและใจ
ในทางตรงข้าม คุกกลายเป็นบ้านได้เลย ถ้าหากว่าเรารู้จักรักษาใจ มีผู้ชายชาวเวียดนามคนหนึ่งไปบวชกับท่านติชนัทฮันห์ เขาอพยพไปอยู่ที่ฮอลแลนด์ เกิดความศรัทธาในพระพุทธศาสนาก็ไปบวชกับท่านติชนัทฮันห์ ที่หมู่บ้านพลัม 10 กว่าปีตอนหลังก็สึกออกมา แล้วก็ไปเป็นอนุศาสนาจารย์ให้กับเรือนจำในประเทศเนเธอร์แลนด์ อนุศาสนาจารย์ทำหน้าที่สอนธรรมะ หรือว่าให้คำแนะนำทางจิตวิญญาณแก่นักโทษในคุกในเรือนจำ เรือนจำนี้เขาเปิดโอกาสให้นักโทษทำสมาธิฝึกจิต อนุศาสนาจารย์คนนี้ก็ไปสอนทำสมาธิให้กับนักโทษในเรือนจำต่างๆ 4 แห่ง
อาทิตย์หนึ่ง นักโทษแต่ละคนหรือผู้ต้องขังจะมีโอกาสได้ฝึกจิตทำสมาธิแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น อันนี้ก็เป็นความสมัครใจ ใครไม่เข้าคอร์สหรือการฝึกก็ได้ ปรากฏว่าเพียงแค่การฝึกทำสมาธิ เพียงอาทิตย์ละ 1 ชั่วโมง สามารถเปลี่ยนจิตใจของนักโทษได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากที่เขาได้ไปสอนไปแนะนำการฝึกจิตการทำสมาธิไม่กี่เดือน ปรากฏว่านักโทษในเรือนจำหลายคนมีความสุขขึ้น ความก้าวร้าวลดลง หลายคนเคยทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนร่วมคุกก็กลับมาเป็นมิตร กลับมาช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน หลายคนเคยกราดเกรี้ยวว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม เพราะว่าถูกกระทำในวัยเด็ก หรือว่าบางคนยากจนข้นแค้น จนต้องไปประกอบอาชญากรรม กลายเป็นคนเกลียดโลก ในที่สุดก็เปลี่ยนไป มีความสุขมากขึ้น มีความสงบในจิตใจมากขึ้น
เรื่องราวของนักโทษหลายคน มันทำให้เห็นเลยว่า แม้ว่าตัวอยู่ในคุก แต่ถ้าหากว่ามีสติ มีการภาวนา มีการฝึกจิต จนกระทั่งสามารถหาบ้านให้ใจได้ คุกที่เคยคุมขังเขาได้ก็กลายเป็นบ้าน หลายคนก็อยู่ในคุกได้อย่างมีความสงบ ไม่รุ่มร้อน ไม่รู้สึกเก็บกดอีกต่อไป อันนี้เป็นภาพที่ตรงข้ามกับหลายคน หลายคนแม้ตัวอยู่บ้าน แต่ว่ารู้สึกเหมือนอยู่คุก เพราะว่าจะออกไปไหนก็ไม่ได้ ออกไปก็อันตราย ความกลัวโรคโควิด หรือความกลัวตายก็ทำให้จำใจอยู่บ้าน เก็บตัวอยู่ในบ้าน แต่ว่าไม่ได้มีบ้านให้กับใจ
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า ใจมีบ้าน แต่ว่าใจชอบออกจากบ้าน ตัวอยู่บ้านก็จริง แต่ใจชอบออกจากบ้าน ออกจากความรู้สึกตัว ออกจากความรู้กายรู้ใจ หรือพูดง่ายๆ ออกจากปัจจุบันของกายและใจ ไหลไปในอดีตบ้าง ลอยไปในอนาคตบ้าง หรือส่งจิตออกนอก ส่งจิตออกนอกแล้วก็ยังไม่รู้ทัน ปล่อยให้ใจเถลไถล ออกไปนอกตัว ออกไปอยู่กับโทรศัพท์มือถือ ออกไปอยู่กับเรื่องราวข่าวสารที่ได้ยินได้ฟัง แล้วพอเกิดอารมณ์ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความวิตกกังวลแล้วไม่รู้ทันอารมณ์เหล่านั้น ปล่อยให้อารมณ์เหล่านั้นเข้ามาครอบงำจิตใจ แล้วก็แย่งชิงภาพความสุขออกไปจากใจ
ก็คงไม่ต่างจากนกมูลไถที่ออกจากถิ่นของพ่อ แล้วถูกเหยี่ยวจับไป แต่ยังดีที่เอาตัวรอดได้เพราะมีปฏิภาณ เพราะระลึกได้ว่า เราออกจากสิ่งของพ่อ เราจึงเจออันตรายแบบนี้ ถ้าพวกเราในยามที่เราทุกข์ ถ้าเราตระหนักว่าเป็นเพราะเราปล่อย ส่งจิตออกนอก ปล่อยใจให้อยู่กับความหลง ไม่กลับมาระลึกรู้ในกายและใจ เมื่อระลึกได้เช่นนี้ มันจะทำให้เกิดความรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วมันสามารถที่จะปล่อยวางหรือสลัดความทุกข์เหล่านั้นออกไปได้
ตอนนี้ความทุกข์กายก็มาก แล้วก็อยู่ท่วม เรียกว่าอยู่รอบตัว แต่ความทุกข์ใจก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย เพราะว่าเราไม่ได้เห็นความสำคัญของการดูแลใจให้มันอยู่กับเนื้อกับตัว แต่มันก็ยังไม่สายที่เราจะพยายามพาใจกลับบ้าน กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ใช้เวลาที่มีอยู่ในการฝึกสติ ทำความรู้สึกตัวให้เกิดขึ้น ไม่ว่าอยู่ที่ไหน จะสบาย จะปลอดภัยเพียงใด แต่มันก็หนีทุกข์ไม่พ้นถ้าหากว่าปล่อยให้ใจไหลไปกับความหลง ไหลไปกับสิ่งเร้าภายนอกต่างๆ โดยที่ไม่มีสติที่จะรู้ทัน หรือระลึกรู้ในความเป็นไปของใจ หรือแม้กระทั่งความเป็นไปของกายในยามที่เกิดทุกขเวทนาขึ้น ในยามที่มีความเจ็บมีความป่วยขึ้นมา
อันนี้มันเป็นสิ่งเร่งด่วนที่เราจะต้องฝึกต้องเรียนรู้กัน เพราะว่าโควิดจะเข้ามาถึงตัวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มาถึงแล้วก็อาจจะเกิดความเจ็บความป่วย หรือถึงแม้จะไม่มีทุกขเวทนาบีบคั้น ก็เกิดความตื่นตระหนกตกใจว่า นี่ฉันติด covid แล้วหรือนี่ ความตื่นตระหนกตกใจบางทีทำร้ายยิ่งกว่าเชื้อโควิดเสียอีก เพราะเชื้อโควิดอาจจะมีภูมิคุ้มกันร่างกายของเราพอจะต้านทานอยู่ แต่ความทุกข์ในจิตใจ ถ้าไม่มีสติคอยเป็นเครื่องรักษาใจ มันก็เล่นงานเราจนย่ำแย่ไปเลย แม้กายไม่ป่วยแต่ใจก็ป่วยไปเรียบร้อยแล้ว หรือยิ่งกายป่วยยิ่งทำให้ใจที่ป่วยซ้ำเติมกายให้หนักขึ้น
เพราะฉะนั้น ในขณะที่เราเห็นความจำเป็นของการเก็บตัวอยู่ในบ้าน ก็อย่าลืมความสำคัญของการรักษาใจให้อยู่บ้านด้วย อย่าปล่อยใจให้ออกไปเพ่นพ่านข้างนอก เพราะนั่นคือการพาใจไปเจออันตราย ซึ่งถ้าไม่กลับมามีสติ กลับมามีความรู้สึกตัวแล้ว ความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความวิตกกังวล ความหนักอกหนักใจ ความเครียด ความหงุดหงิด แม้กระทั่งความเบื่อ ความเหงามันก็จะมาเล่นงาน จนสุดท้าย การอยู่บ้านก็เหมือนกับการติดคุกหรือการตกนรก และยิ่งออกไปนอกบ้าน นัดเพื่อนหนีคุก นัดเพื่อนหนีนรก ก็กลับกลายไปเจอทุกข์ที่รุนแรงยิ่งกว่าด้วยซ้ำ
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมวัตรเช้า วัดป่าสุคะโต วันที่ 18 กรกฎาคม 2564