แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เวลาเราทำงานเราก็อยากจะให้งานของเราราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน หรือว่าอาชีพการงาน แต่พอพูดถึงชีวิต ถ้าหากว่าชีวิตราบเรียบนั้น หลายคนไม่ชอบ ทั้งๆที่ราบรื่นกับราบเรียบความหมายใกล้เคียงกันแต่ให้ความรู้สึกต่างกัน
ทำไมคนจำนวนมากจึงไม่ค่อยชีวิตราบเรียบ เพราะในความเข้าใจของเขา เป็นชีวิตที่จืดชืด ไม่มีรสไม่มีชาติเท่าไหร่ และนี้เป็นความรู้สึกของคนจำนวนมาโดยเฉพาะในช่วงที่ covid แพร่ระบาด ทั้งๆที่ไม่มีความทุกข์ร้อนจากการทำมาหากิน ไม่มีความเดือดร้อนจากโรคภัยไข้เจ็บ การที่ชีวิตคนเราราบเรียบมันน่าจะดี แต่หลายคนรู้สึกอึดอัดกับชีวิตที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้เพราะว่าราบเรียบเกินไป ไม่เหมือนเมื่อก่อนสามารถจะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ตามสะดวก มีอะไรใหม่ๆผ่านเข้าในชีวิต เรียกว่ามีรถมีชาติก็ว่าได้ มีความตื่นเต้น แต่พอ covid ระบาดผู้คนเห็นความจำเป็นต้องอยู่บ้านตั้งแต่จันทร์ถึงอาทิตย์ และในแต่ละวันก็ไม่ได้ไปไหน ส่วนใหญ่ก็อยู่บ้านตั้งแต่เช้าจรดค่ำ และกิจวัตรในแต่ละวันหรือว่าในแต่ละช่วง เช้าสายบ่ายเย็นค่ำ มันก็ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ ซ้ำๆกัน หลายคนมองว่าเป็นชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ แต่พอมองแบบนี้ก็เกิดความรู้สึกเบื่อได้ง่าย
หลายคนจำนวนมากส่วนใหญ่ไม่ได้เจอโรคภัยไข้เจ็บจากโควิด แต่ว่าจิตใจกลับรู้สึกเป็นทุกข์ เพราะความซ้ำซากจำเจของชีวิต ทั้งๆที่ก็พยายามหาอะไรมาทำ ตอนที่ทำงานเย่อะๆแทบไม่มีวันหยุด ก็คิดโอกาสที่อยากจะได้พัก ตอนนี้ได้โอกาสพักเต็มที่เพราะว่างานน้อยลง หรือต้องทำงานที่บ้าน บางคนก็มีเวลาทำสิ่งที่ชอบ แต่พอทำไปทุกวันๆ เหมือนเดิม ก็เริ่มรู้สึกเบื่อ หลายคนเล่าว่าดูหนังฟังเพลงทั้งวัน เช้าก็ดูบ่ายก็ดูค่ำก็ดู น่าจะมีความสุขแต่หลายคนเบื่อ แล้วก็กลายเป็นทุกข์ขึ้นมาเพราะว่าชีวิตมันราบเรียบเกินไปเกินไป
ทำไมคนเราไม่ชอบชีวิตที่ราบเรียบเกินไป แม้การงานจะราบรื่น อาจจะเป็นเพราะในความรู้สึกของเขาความราบเรียบหมายถึงไม่มีอะไรแปลกใหม่ หรือตื่นเต้น ไม่มีสิ่งเร้าใจ ที่จริงก็มี หลายคนก็ใช้เวลาช่วงที่เก็บตัวที่บ้าน ดูหนังฟังเพลง เดี๋ยวนี้มีเป็นหมื่นเรื่อง แต่พอชีวิตเป็นแบบนี้เช้าสายบ่ายเย็น ๆ มันรู้สึกซ้ำซากจำเจ ไม่เหมือนตอนไม่มีโรคระบาด ตื่นเช้าขึ้นมาก็ไปทำงาน ก็เจอเพื่อนฝูง มีเรื่องอะไร ปัญหาใหม่ๆให้แก้ไข หรือว่ามีงานใหม่ๆให้ใช้ความคิด เลิกงานก็สังสรรค์ กว่าจะกลับบ้านก็ค่ำ เสาร์อาทิตย์ก็เปลี่ยนบรรยกาศไปเที่ยวห้าง ไปต่างจังหวัด ไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูง เสาร์ก็ทำอย่าง อาทิตย์ก็ทำอย่าง ดูเหมือนว่ามีอะไรใหม่ๆ ไม่ซ้ำซาก ไม่จำเจ
แต่พอโควิดระบาด ทำอย่างนั้นไม่ได้ จันทร์ถึงอาทิตย์ก็อยู่แต่บ้าน เช้าถึงค่ำก็อยู่ที่บ้าน กิจวัตรก็ซ้ำๆกัน แม้จะมีเวลาเสพหาบันเทิง มันก็ยังวนเวียนกับกิจวัตรเดิมๆ คนที่เป็นทุกข์เพราะชีวิตที่ราบเรียบแบบนี้ ถ้าจะว่าไปแล้ว เพราะเขาโหยหาสิ่งเร้า ความสุขของเขาอยู่กับสิ่งเร้า และสิ่งที่จะเร้าใจให้เขาตื่นเต้นได้ มันต้องเป็นสิ่งที่แปลกใหม่อยู่เสมอ มีอะไรเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ความสุขของผู้คนจำนวนมากเกิดจาการมีสิ่งเร้า สิ่งเร้าจิตกระตุ้นกาย ถ้าเป็นสิ่งเดิมๆใหม่ๆก็อาจมีความสุข แต่ถ้าไม่มีอะไรใหม่มาเร้า มันก็จะเริ่มรู้สึกไม่มีความสุข เหมือนกับเรากินอาหารที่แปลกใหม่ จะรู้สึกอร่อย เปลี่ยนรสชาติ แต่ถ้ากินอาหารแบบนั้นทุกวันๆ มันก็ไม่สามารถที่จะเร้าจิตกระตุ้นลิ้นใหมีความสุข หรือรู้สึกอร่อยได้เหมือนเดิม รู้สึกว่ามันราบรื่น จืดชืด ไปต่างจังหวัด ไปเที่ยวเกาะหรือทะเล ถ้าไปซ้ำที่กันอยู่บ่อยๆ หรือว่าไปอยู่ที่นั่นยาวเป็นอาทิตย์เป็นเดือนมันก็เริ่มรู้สึกจำเจแล้ว ความสวยงาม ทิวทัศน์ที่เคยเร้าให้ตื่นตาตื่นใจ หมดเสน่ห์แล้ว ก็จะรู้สึกว่า ไม่มีความสุขแล้ว
คนทุกวันนี้ไม่สามารถจะทนกับชีวิตที่ราบเรียบไปได้นานๆ ก็เพราะเหตุนี้ เพราะเอาความสุขไปผูกติดอยู่กับสิ่งเร้า ซึ่งก็หมายถึงสิ่งแปลกใหม่ ไม่ซ้ำซาก ไม่จำเจ ซึ่งช่วงก่อนโควิด มันก็มีโอกาสหาสิ่งเร้าใหม่ๆอยู่ได้เรื่อยๆด้วยการออกไปนั่นออกไปนี่ ไปเจอผู้คนใหม่ๆ แต่พอมีความจำเป็นที่ต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่ชีวิตที่ราบเรียบซึ่งน่าจะดี
ถ้าลองเปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า แทนที่จะมองว่ามีความซ้ำซากจำเจ แต่มองว่ามันคือการปลอดทุกข์ ถ้าเรามองว่าคือโชคที่เรามีโอกาสมีชีวิตที่ราบเรียบ เพราะถ้าไม่ราบเรียบ มันหมายถึงอะไร หมายถึงความเดือดร้อน ความทุกข์ อุปสรรค เหมือนกับทาง ทางถ้าไม่ราบเรียบมันก็คือทางเป็นหลุมเป็นบ่อ หรือบางทีทางมันถูกตัดถูกขาด คนเราควรจะขอบคุณด้วยซ้ำถือว่าโชคดีที่ชีวิตเราราบเรียบโดยเฉพาะในยามนี้ เพราะถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเมื่อไหร่ มันแปลว่าชีวิตไม่ราบเรียบแล้ว ชีวิตกำลังเจออุปสรรค เจอทุกข์
คนที่รู้สึกเบื่อกับชีวิตที่จำเจอยู่ที่บ้าน เขาไม่ได้ตระหนักว่าเขาโชคดีที่ไม่เจ็บไม่ป่วย เพราะถ้าเขาเจ็บป่วยเขาก็จะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้ ดูหนังฟังเพลง หรือว่าออนไลน์ใช้โทรศัพท์มือถือตลอดทั้งวัน ถ้าเกิดว่าเขาพิการ อัมพฤกษ์อัมพาต ก็คงไม่สามารถที่จะมีชีวิตที่ราบเรียบแบบนี้ได้ หรือถ้าเกิดว่าเขามีปัญหาเรื่องการเงิน ต้องหาเช้ากินค่ำชักหน้าไม่ถึงหลัง ยิ่งเดือดร้อนเพราะว่าไม่สามารถที่จะไปหากินได้สะดวกเหมือนเมื่อก่อน ถึงตอนนี้ชีวิตไม่ราบเรียบแล้ว เป็นความราบเรียบที่ไม่มีใครปรารถนา
เช่นเดียวกับความเบื่อ หลายคนไม่ชอบ แต่ถ้าเราสังเกตให้ดี ความเบื่อแสดงว่าชีวิตเราปกติ ถ้าเราถูกต่อว่าด่าทอ เราจะไม่เบื่อ แต่จะมีความโกรธมาแทนที่ ถ้าเราสูญเสียของรักคนรัก เราจะไม่เบื่อต่อไป เราจะมีความเศร้าโศกเสียใจหรือมีความคับแค้น ถ้าเป็นหนี้เป็นสิน ธุรกิจมีปัญหาหรือล้มละลาย มันจะไม่เบื่อแล้ว มันจะเกิดความกลัดกลุ้ม หรือว่าถ้าเกิดคนรักล้มหายตายจากไป มันจะไม่เบื่อแล้วมันจะมีแต่ความเศร้าโศก การที่เรารู้สึกเบื่อขึ้นมา มองให้ดีมันแปลว่าชีวิตของเราเป็นปกติ มันไม่เจอทุกข์มาท่วมทับ แต่คนมักจะไม่มองแบบนี้ แต่อยากจะได้สิ่งเร้าสิ่งกระตุ้น อยากจะได้อะไรใหม่ๆมาเสพ
พอไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งนั้น ไม่มีสิ่งเร้ามากระตุ้นให้เกิดความตื่นเต้นก็เกิดความผิดหวัง โดยที่ไม่ได้มองว่านี่เราโชคดีที่ไม่เจ็บไม่ป่วยเหมือนคนจะจำนวนไม่น้อยที่เขาป่วยด้วยโรคโควิดหรือว่าโรคนานาชนิด หรือว่ากำลังกลัดกลุ้มใจเพราะว่าไม่รู้ว่าจะหาอะไรมาใส่ท้อง เพราะการงานทำลำบาก คนที่ชีวิตราบเรียบเขาไม่ได้ดูว่าชีวิตเขาได้กินอิ่มนอนอุ่น หรือว่ามีคนรักอยู่รอบตัว เขามองข้ามตรงนี้ไป คิดแต่เพียงว่าไม่มีโอกาสไปเที่ยวเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีโอกาสสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเหมือนเมื่อก่อน แล้วก็เลยรู้สึกแค้นหงุดหงิดอึดอัด ถ้าเรามองอีกมุมหนึ่ง ก็จะรู้สึกขอบคุณโชคดีที่ชีวิตเราราบเรียบ
พวกเราที่มาอยู่วัด ไม่ว่าจะเป็นพระหรือว่าแม่ชี ผู้ปฏิบัติธรรม เรามาอยู่นี่เพื่อมาเรียนรู้และคุ้นเคยกับชีวิตราบเรียบ ชีวิตของเราแต่ละวันก็เหมือนกันวันแล้ววันเล่าโดยเฉพาะช่วงนี้ ไม่มีคนใหม่เข้ามา มีแต่คนเดิมๆ กิจวัตรก็เดิมๆ เดือนก่อนเป็นอย่างไรเดือนนี้ก็เป็นอย่างนั้น เช้าสายบ่ายเย็นเมื่อวานเป็นอย่างไรหรือเมื่อวานซืนเป็นอย่างไร พรุ่งนี้ก็เป็นอย่างนั้น แม้ว่าอะไรๆก็ไม่มีความแน่นอน แต่ว่ามันก็เป็นอย่างนี้มาไม่ใช่เป็นเดือน เป็นปีแล้ว จะมีโควิดหรือไม่ ชีวิตก็ไม่แตกต่างเท่าไร
ในแง่หนึ่งชีวิตของพวกเราในการใช้ชีวิตปฏิบัติธรรม มันเป็นชีวิตที่เหมาะกับยุคโควิด เหมาะในความหมายที่ว่ามันได้ฝึกให้เรามีความสามารถในการรับมือกับชีวิตที่ต้องปรับเปลี่ยนเมื่อโควิดแพร่ระบาด ชีวิตที่เหมาะกับยุคโควิดคือชีวิตที่สามารถจะอยู่กับตัวเองได้ด้วยใจที่ไม่ทุกข์ เมื่อโควิดแพร่ระบาดมันบังคับให้คนอยู่บ้าน ทำงานที่บ้านหรือเก็บตัว ถ้าโชคดีก็ใช้ชีวิตอย่างราบเรียบ แต่ว่าคนที่ไม่ได้ฝึกมาเพื่อที่จะอยู่กับชีวิตที่ราบเรียบ เขาก็จะมีความทุกข์โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่กับตัวเองเป็นส่วนใหญ่
บางคนก็อาจจะโชคดีที่มีคนรักอยู่ด้วยในบ้าน พ่อแม่ลูกหลาน คู่ครอง ก็ช่วยให้ไม่เหงา แต่แม้กระนั้นหลายคนก็รู้สึกว่ามันก็จำเจซ้ำซาก สำหรับเราชาววัด ความจำเจซ้ำซากไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะว่าเราถูกฝึกมาให้อยู่กับชีวิตแบบนี้ ถ้าเราฝึกมาดี ไม่ได้ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอำนาจของความเคยชิน เราจะพบว่าเมื่อเราได้มาใช้ชีวิตแบบนี้ เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเอง และการที่เราจะอยู่กับตัวเองได้ดี คือการที่เราสามารถจะพบความสุขภายใน
คนเราเมื่อพบความสุขภายใน เราจะไม่เรียกร้องโหยหาจากสิ่งเร้าภายนอก คนส่วนใหญ่ ความสุขของเขาเกิดจากการเร้าจิตกระตุ้นกาย กระตุ้นลิ้น กระตุ้นตา กระตุ้นจมูก กระตุ้นใจให้ตื่นตาตื่นใจ และความสุขของคนจำนวนมากอยู่ตรงนั่น และจะกระตุ้นให้เกิดถ้าความสุขไปเรื่อยๆก็ต้องมีสิ่งใหม่ๆมาเร้าอยู่ตลอด มีสิ่งใหม่ๆมาให้อยู่เสมอ คนที่มีความสุขแบบนี้ ย่อมทนได้ยากกับชีวิตที่ซ้ำซากจำเจ หรือราบเรียบ และทนได้ยากเมื่อต้องมาอยู่กับตัวเอง แต่ถ้าเราเรียนรู้อยู่กับตนเองได้อย่างถูกต้องเหมาะสม มันจะไม่เป็นปัญหาเลยเพราะว่าได้พบกับความสงบภายใน
ความสงบก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง แต่เป็นความสุขที่ประณีต และเป็นความสุขที่ไม่ต้องอาศัยสิ่งเร้า ตรงข้ามกับสิ่งเร้าเลย สิ่งเร้ากระตุ้นให้จิตตื่นเต้น แต่ว่าความสงบมันให้ความรู้สึกกับจิตใจของเราอีกแบบหนึ่ง ความสงบจากภายในเกิดจากอะไร ความสงบภายในเกิดจากการที่ไม่ถูกความคิดรบกวน ไม่ได้แปลว่าไม่มีความคิด อย่าไปเข้าใจว่าความสงบจะเกิดขึ้นได้เมื่อไม่มีความคิด เป็นธรรมดาของจิตที่จะมีความคิดปรุงแต่งหรือผ่านเข้ามา แต่ถ้าเราเรียนรู้ที่จะรับมือหรือเกี่ยวข้องกับความเครียดอย่างถูกต้อง มันก็สงบได้ คือพอมีความคิดปรุงแต่งขึ้นมา ก็รู้ทันมัน เมื่อรู้แล้วมันก็จะวาง เมื่อรู้แล้วมันก็จะหลุด วางความคิดหรือหลุดออกจากความคิด รวมทั้งหลุดออกจากอารมณ์ที่เกิดจากความคิด
ความสงบไม่ได้หมายความว่าไม่มีความคิด ไม่ได้แปลว่าห้ามคิด แต่ว่าเพราะรู้ทันความคิด แล้วไม่ปล่อยให่ความคิดนั้นเข้ามาครอบงำจิตใจ รวมทั้งไม่ได้ต่อต้านความคิดด้วย อนุญาตให้มันมา แล้วก็ไป เราใช้ชีวิตที่ดูเหมือนซ้ำซากจำเจเพื่อการฝึกให้มีสติรู้ทันความคิด มันคิดก็คิดไปแต่ว่าไม่หลงไม่ไหลไปกับมัน เมื่อเราฝึกสติให้มีแบบนี้ ความสงบก็เกิดขึ้นได้ สงบไม่ใช่เพราะไร้ความคิดแต่รู้ทันความคิดต่างหาก แล้วพอเกิดความสงบภายในแล้ว มันก็ไม่โหยหาหรือไม่พึ่งพิงสิ่งเร้าจากภายนอก
เพราะฉะนั้น ก็ไม่จำเป็นที่ชีวิตต้องหวือหวา ตื่นเต้น ต้องมีสิ่งใหม่ตื่นตาตื่นใจมาให้เสพมาให้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ถึงไม่มีก็สุขได้เพราะว่าพบความสงบภายใน เราก็อาศัยชีวิตราบเรียบนี้มาเป็นตัวบ่มเพาะ ฝึกฝนให้เกิดความสงบภายในแล้วเมื่อเกิดความสงบภายในได้ พอถึงเวลาที่ชีวิตไม่ราบเรียบขึ้นมา ไม่ใช่เพราะมีสิ่งแปลกใหม่เข้ามา แต่เป็นเพราะว่ามันมีความทุกข์ มันมีอุปสรรค มันมีความขลุกขลักเกิดขึ้นก็ยังสงบได้ เพราะว่าเรียนรู้วิธีที่จะรักษาใจให้เป็นปกติ
เพราะฉะนั้น การที่เรามาใช้ชีวิตแบบนี้ ชีวิตที่มันราบเรียบ ธรรมดา ซึ่งอาจจะดูจืดชืดในสายตาของคนภายนอกหรือสายตาของชาวโลก อาจจะไม่มีรสไม่มีชาติ แต่ที่จริงมันเป็นการฝึกหรือมันเป็นโอกาสที่ให้เราฝึกที่จะอยู่กับตัวเองอย่างเป็นปกติ และสามารถที่จะอยู่อย่างชีวิตแบบใดก็ได้ ไม่ว่าราบเรียบ ผาดโผน หรือขลุกขลัก ถึงคราวที่มันจะต้องใช้ชีวิตที่ราบเรียบ ถึงเวลาที่จะต้องอยู่กับตนเอง เพราะสถานการณ์บังคับเช่นตอนนี้ที่โควิคแพร่ระบาด เราก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย เพราะวิถีชีวิตของเรามันเหมาะกับยุค covid มาก ในความหมายที่ว่าสามารถที่จะอยู่กับตัวเอง หรืออยู่อย่างชีวิตที่ราบเรียบได้ในยามที่ไม่สามารถใช้ชีวิตตามปกติที่มีอะไรแปลกๆใหม่ๆ หรือมีสิ่งกระตุ้นเร้าเข้ามาตลอดเวลา จะมีโควิดหรือไม่ ชีวิตของเราก็ยังเหมือนเดิม และก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนไปกว่าเดิม
ถ้าคนที่กำลังมีความทุกข์เพราะเบื่อหน่ายต่อชีวิตที่ราบเรียบ เพราะไปเข้าใจว่ามันซ้ำซากจำเจ ถ้าเขาได้ตระหนักว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับใจตนเอง มันไม่ใช่เป็นเพราะสิ่งภายนอก แต่มันเป็นเพราะเขาไม่รู้จักอยู่กับตัวเองให้เป็น เขาไม่สามารถพบความสงบภายใน จึงต้องไปพึ่งพาสิ่งเร้าภายนอก หรือพึ่งพาสิ่งแปลกใหม่ๆ ถ้าเขาได้ตระหนักอย่างนี้ เขาก็จะเห็นความสำคัญที่จะปรับเปลี่ยนหรือเรียนรู้ที่จะอยู่กับตนเองให้ได้ แล้วก็ใช้ประโยชน์จากช่วงที่ต้องเก็บตัวที่บ้านเพื่อมาฝึกจิตฝึกใจให้สามารถจะมีความสุขได้กับชีวิตที่ราบเรียบชีวิตซ้ำซากจำเจ
และถึงคราวที่ชีวิตผันผวนปรวนแปรขึ้นมา ก็จะมีความพร้อมที่จะรับมือกับมันได้ อันนี้เรียกว่าอาศัยบทเรียนจาก covid เพื่อกระตุ้นให้ตนเองเห็นความจำเป็นของการฝึกตน แทนที่จะมัวบ่นอึดอัด โวยวายตีโพยตีพายว่าเมื่อไหร่โควิดจะหมดไปเสียที ก็มามีความพึงพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ หรืออย่างน้อยๆก็ขอบคุณที่ไม่เจ็บไม่ป่วยเหมือนกับอีกหลายคนที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ หรือไม่ต้องเหนื่อยยากที่ต้องมาสู้รบปรบมือตามโรงพยาบาลต่างๆ หรืออย่างน้อยโชคดีที่ไม่ต้องไปเดือดร้อนกับการทำมาหากิน แม้ว่ารายได้จะน้อยลง แต่ว่าก็ยังกินอิ่มนอนอุ่นได้ จนสามารถใช้ชีวิตที่ราบเรียบ ให้มองแบบนี้บ้างมันก็จะได้ประโยชน์จากสภาพที่เป็นอยู่ในเวลานี้
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมวัตรเย็น วัดป่าสุคะโต วันที่ 9 มิถุนายน 2564