แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เดือนหน้าจะมีงานใหญ่เกิดขึ้นไม่ใช่ที่เมืองไทยแต่จะมีขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นกีฬาโอลิมปิก จะเปิดฉากเป็นกีฬาที่ทั่วโลกสนใจ ซึ่งรอคอยมา 4 ปี แต่ปีนี้เลื่อนมาจากปีที่แล้ว เพราะ covid โอลิมปิกเป็นมหกรรมกีฬาที่มีการทำลายสถิติแทบทุกครั้งและก็เป็นความมุ่งหวังของนักกีฬาที่ไม่เพียงแต่หวังจะได้เหรียญทองโอลิมปิก แต่อยากจะทำลายสถิติที่คนอื่นทำไว้
แต่มีสถิติหนึ่งที่ยังไม่มีใครทำลายได้และคงจะไม่มีการทำลายไปได้อีกนาน ก็คือสถิติของนักกีฬาคนหนึ่งชาวอเมริกันชื่อไมเคิล เฟลป์ส เขาได้เหรียญทองโอลิมปิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 23 เหรียญทองไม่นับเหรียญเงินเหรียญทองแดงอีก ซึ่ง 23 เหรียญทองโอลิมปิกนี่มันเยอะมาก คนหนึ่งแค่จะได้ 1 เหรียญทองก็ยากแล้ว แต่นี่ได้ตั้ง 23 เหรียญทองจากการเข้าแข่ง 4 ครั้ง มันก็ห่างกัน 12 ปี เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่มีชื่อมาก เมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาดังไปทั่วโลก มีคนกล่าวขานมากมาย ขนาดอาตมาไม่เคยสนใจว่ายน้ำหรือเรื่องกีฬาโอลิมปิก ก็ยังได้ยินได้ฟังข่าวคราวเขาเพราะว่าเป็นยอดมนุษย์มาก กับการได้เหรียญทองโอลิมปิก 23 เหรียญ
เขาได้ตั้งแต่อายุ 19 ปี แข่งขันเมื่อ 16-17 ปีที่แล้ว ครั้งแรกเขาได้เหรียญทองหลายเหรียญตั้งแต่อายุ 19 แล้วก็ได้มาอีก 3 ครั้ง รวมเป็น 23 เหรียญ คนมองว่าเขาน่าจะมีความสุขที่สุดคนหนึ่ง เพราะว่าได้ทำสิ่งที่ใฝ่ฝันสำเร็จและก็เหนือมนุษย์คนอื่นๆในโลก นักกีฬาว่ายน้ำไม่มีใครที่เก่งเหนือเขาอีกแล้ว ก็น่าจะเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะคนเราก็อยากจะเป็นเบอร์หนึ่ง แล้วเขาก็เป็นเบอร์หนึ่งค้างฟ้ามานาน แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เพราะว่าเขาเป็นโรคซึมเศร้าอย่างแรงเลย โรคซึมเศร้าเดี๋ยวนี้เป็นกันเยอะ ถ้าเป็นแล้วก็ทุกข์ทรมานมาก คนธรรมดาที่ยังไม่ได้มีความสำเร็จอย่างเขา กลับกลายเป็นคนที่เขาอิจฉา เพราะว่าคนธรรมดาจำนวนมากส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้าอย่างเขา พอเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว ก็หาทางบรรเทา เขาเองก็ไปหาเหล้าเพื่อให้มันบรรเทาเบาบาง แต่ก็ไม่ได้ช่วย กลับโดนตำรวจจับเพราะว่าประสบอุบัติเหตุจากเมาเหล้า ตอนหลังอาการหนัก จนกระทั่งอยากจะฆ่าตัวตาย มีช่วงหนึ่งที่เขาเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว 4-5 วัน ไม่กินไม่นอนไม่คุยกับใคร นอนไม่ค่อยหลับ พอตื่นขึ้นมาก็จะทรมานเพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
ชี้ให้เห็นเลยว่าความสำเร็จ เหรียญทอง 23 เหรียญรวมเหรียญเงินเหรียญทองแดงเกือบ 30 เหรียญ ทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยป้องกันและเยียวยาโรคซึมเศร้าเขาได้เลย เหรียญทองไม่ได้ช่วยอะไรเขาได้เลยเวลาเป็นโรคซึมเศร้าขึ้นมา ความสำเร็จที่คนยกย่อง คนกระหาย และยิ่งกว่านั้นเขาพบว่าความสำเร็จนี่แหละที่มีส่วนช่วยทำให้เขาเป็นโรคซึมเศร้า เขาบอกว่าทุกครั้งที่การแข่งขันโอลิมปิกยุติลงราวประมาณเดือนสิงหา-กันยา พอถึงเดือนตุลา-พฤศจิกา เขาจะมีอาการซึมเศร้าแล้ว ตั้งแต่โอลิมปิกครั้งแรกที่เขาแข่งขันและได้เหรียญทองมามาก เขาสงสัยว่าเป็นเพราะว่าการที่เขาเคี่ยวเข็ญตนเองมาก พยายามที่จะผลักดันตนเองให้ประสบความสำเร็จให้ได้เหมือนคนอื่น ที่เขาพยายามเคี่ยวเข็ญตนเองมากจนกระทั่งอาจจะทำให้เกิดความเครียด
พอการแข่งขันยุติ ได้เหรียญทองก็จริงแต่ต้องตามมาด้วยการชดใช้ด้วยความเจ็บ ความทุกข์ความทรมานโรคซึมเศร้า มันก็เป็นบทเรียนสอนใจคนได้ดีในยุคที่คนต้องการความสำเร็จ ยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ได้ความสำเร็จ แต่พอได้มาแล้ว มันไม่ได้ช่วยระงับยับยั้งความทุกข์ใจได้เลย แถมยังเป็นสาเหตุให้เกิดความทุกข์ด้วย
แต่ว่าไมเคิล เฟลป์สยังดีที่เขาได้สติ พอเขามีอาการหนักๆคิดจะฆ่าตัวตาย เขาก็เกิดได้ความคิดขึ้นมาว่า ต้องไปหาหมอ จะไปพึ่งยาพึ่งเหล้าไม่ได้แล้ว เขาก็เลยตัดสินใจไปหาหมอไปหานักบำบัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความกล้ามาก เพราะคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามักไม่ค่อยอยากจะเปิดเผยตัวเท่าไร ไม่มีใครอยากจะบอกว่าตนเองเป็นโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะเป็นผู้ชายและเป็นนักกีฬาดังด้วยแล้ว
เขาก็พบว่าพอได้ไปหาหมอแล้ว และได้รับการบำบัดที่ถูกต้อง เขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบเป็นปกติ แล้วเขาก็ได้คิดว่าคนที่เป็นอย่างเขามีเยอะ เขาก็เลยคิดอยากจะช่วยคนเหล่านั้นด้วยการเปิดตัว เปิดเผยตัวเองว่าเป็นโรคซึมเศร้าแล้วเล่าประสบการณ์การเป็นโรคซึมเศร้าของตนเองเปิดเผยให้คนอื่นได้รับรู้ ไม่มีความรู้สึกอับอาย
ปรากฏว่าการที่เขาเปิดเผยตัวเองว่าเป็นโรคซึมเศร้า ช่วยเหลือคนอื่นได้มากเลย เพราะว่าคนจำนวนมากพอเป็นแล้วรู้สึกอับอาย อยากจะปกปิด ไม่อยากให้ใครรู้ แต่พอไมเคิลเปิดเผยแสดงตัวว่าเป็นโรคซึมเศร้า คนก็เลยตระหนักว่าโรคนี้ไม่ได้น่ารังเกียจ ใครๆก็เป็นกันได้
ที่จริงก็เป็นอย่างนั้น คนที่มีความสุข คนที่เป็นดาราตลก คนที่เป็นนักกีฬาประสบความสำเร็จ เศรษฐีพันล้านหรือแม้แต่พระก็มีสิทธิ์เป็นโรคซึมเศร้าได้ มันเป็นโรคที่ไม่เข้าใครออกใคร มันจะรักษาได้ มันต้องไม่อับอาย ต้องเปิดตัว ไปหาหมอ ไปหานักบำบัด ถ้าเก็บตัวเพราะอับอายจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น
หลายคนก็ได้แรงบันดาลใจจากไมเคิล เฟลป์ส พอเป็นโรคซึมเศร้าก็ยอมรับว่าตนเองเป็น ก็ไปหาหมอไปหานักบำบัด แล้วก็ดีขึ้น คนก็มาขอบอกขอบใจเขาที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของเขาให้คนทั้งโลกได้รับรู้
ไมเคิล เฟลป์สก็มีความสุข เขาพูดไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า เหรียญทองที่เขาได้มามากมาย จนไม่มีใครทำลายสถิติได้ ไม่ได้มีความหมายสำหรับเขาเลย สิ่งที่มีความหมายคือการได้ช่วยคนอื่น ช่วยด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ใครๆได้รับรู้ การที่ได้ช่วยคนอื่น สำหรับเขามีความหมายมากกว่าความสำเร็จได้เหรียญทองหลายล้านเท่า เขาพูดขนาดนี้เลย ได้เหรียญทองโอลิมปิกสำเร็จแค่ไหนก็ไม่มีความหมายเท่ากับการที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นด้วยการเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ใครๆได้รับรู้
การช่วยคนให้ความสุขกับเรา มากกว่าความสำเร็จเยอะแยะเลย คนมักคิดว่าได้ความสำเร็จ มันจะเด่นดังแล้วจะมีความสุข แต่ว่าตัวอย่างไมเคิล เฟลป์ส ชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่ สำเร็จแล้วทุกข์ เอาตัวไม่รอดนั้นก็เยอะ แต่ที่มันช่วยเขาได้คือการที่ได้ช่วยคนอื่น พอได้ช่วยคนอื่นด้วยการเปิดเผยเรื่องราวของตัวเอง และช่วยคนอื่นให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ทรมานได้ เขาก็มีความสุข
อันนี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดี สำเร็จมากเท่าไรก็ไม่ทำให้เรามีความสุขได้เท่ากับการได้ช่วยเหลือผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แม้กระทั่งการที่กล้าจะเปิดเผยตัวเองให้ได้รับรู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า
เพราะฉะนั้น ใครที่เป็นโรคซึมเศร้า อย่างแรกที่ต้องตระหนักก็คือ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าอับอาย ถ้าบอกเล่าให้คนอื่นได้รับรู้ แล้วไปหานักบำบัด อาจจะช่วยได้ ถ้าได้รับการบำบัดที่ถูกต้อง ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงการให้ยาอย่างเดียว แต่มันทำอะไรต้องอาศัยอย่างอื่นมาก แต่มันต้องเริ่มต้นจากการที่กล้าเปิดเผยตัวเอง ไม่ปกปิดเอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็จะลงเอยด้วยการทำร้ายตัวเองอย่างที่เกิดขึ้นกับคนมากมาย
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วัดป่าสุคะโต วันที่ 11 มิถุนายน 2564