แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ตามธรรมเนียมหรือประเพณีของชาวพุทธเรา เมื่อคนที่เรารักเคารพ หรือผู้ที่มีบุญคุณกับเราได้ล่วงลับไปเราก็นิยมทำบุญด้วยการเลี้ยงพระ ด้วยการถวายสังฆทาน เป็นต้น เพื่อให้เกิดบุญ แล้วอุทิศบุญนั้นให้กับผู้ล่วงลับ เพราะเราเชื่อว่าผู้ล่วงลับได้ไปอยู่ปรโลกแล้ว และในปรโลกนั้นไม่มีอะไรที่ดีกว่าบุญ เนื่องจากไม่สามารถจะเอาทรัพย์สินเงินทองที่มีหรือสะสมในโลกนี้ไปด้วยได้ ก็มีแต่บุญเท่านั้นที่ช่วยอำนวยให้เกิดความสุขในสัมปรายภพ
อันนี้ต่างจากธรรมเนียมประเพณีอื่นเช่น ธรรมเนียมของคนจีน เมื่อผู้ที่รักได้ตายจากไป จะให้เขามีความสุขในปรโลกก็ทำการเซ่นไหว้ คนตายชอบอะไรก็เซ่นไหว้ด้วยสิ่งนั้น และอาจจะมีการเผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นตัวแทนของเงินทองเพื่อที่จะได้มีทรัพย์สินเอาไว้ใช้ในปรโลก
แต่ชาวพุทธไม่ได้เชื่อแบบนั้น เราเชื่อว่าอาหารก็ดี ข้าวของเครื่องใช้ก็ดี มันจะมีประโยชน์ต่อผู้ล่วงลับก็ต่อเมื่อทำให้เป็นบุญเสียก่อนด้วยการมาถวายให้กับพระสงฆ์ หรือว่าบริจาคให้กับวัด ของนั้นปัจจัยเหล่านั้นก็ถูกแปรสภาพเป็นบุญ แล้วบุญนั้นก็ถูกอุทิศไปให้กับผู้ล่วงลับเพราะบุญย่อมนำให้เกิดสุข ไม่ใช่เฉพาะแต่โลกนี้ ยังรวมถึงโลกหน้าด้วย
การทำเช่นนี้ช่วยบรรเทาความเศร้าโศกอาลัยของผู้ที่ยังอยู่ มันไม่ใช่มีประโยชน์แค่ผู้ล่วงลับแล้ว ซึ่งอยู่ในปรโลก แต่ยังมีประโยชน์อยู่กับผู้ยังมีชีวิตอยู่ซึ่งมักมีความอาลัย มีความเศร้าโศก พอได้ทำบุญอย่างที่ว่าแล้ว จิตใจก็เกิดความเบิกบานผ่องใส เกิดความรู้สึกเป็นกุศลขึ้นมา ความรู้สึกเป็นกุศลก็ช่วยขจัดปัดเป่าความเศร้าความอาลัยออกไปจากใจเป็นการบรรเทาเศร้าโศกอย่างหนึ่งเมื่อเกิดความสูญเสียขึ้นมา
และขณะเดียวกันมันก็ทำให้เกิดประโยชน์งอกเงยขึ้นจากการทำบุญนั้นด้วย เพราะว่าเมื่อนำอาหารมาถวายพระหรือว่าถวายสังฆทาน บริจาคเงินทองให้กับวัด มันก็คือการส่งเสริมให้พระสงฆ์ ท่านสามารถที่จะบำเพ็ญทั้งในการศึกษาปฏิบัติ และในการเผยแผ่ เรียกว่าเป็นการบำรุงพระสงฆ์ และอุปถัมภ์ศาสนาทำให้เกิดประโยชน์กว้างไกล ประโยชน์เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นบุญเหมือนกัน บุญไม่ใช่หมายถึงแต่เฉพาะความแช่มชื่นเบิกบานผ่องใส หรือความสุขใจ หรือว่าเกิดอายุ วรรณะ สุขะ พละ ซึ่งเป็นความสุขทางโลกแต่ว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับส่วนรวม อันนี้ก็เรียกว่าเป็นบุญหรืออานิสงส์ของบุญเหมือนกัน
และเนื่องจากพระมุ่งอุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่บำเพ็ญประโยชน์ตน แต่ว่ามุ่งที่จะบำรุงเอื้อเฟื้อผู้คนให้มีความสุขทั้งกายและใจ และเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างไกลออกไป อันนี้ถือว่าท่านเป็นผู้ที่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม อุปถัมภ์พระสงฆ์ก็ทำให้เกิดประโยชน์งอกเงยกว้างขวางออกไปด้วย อันนี้เรียกว่าเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม เพราะฉะนั้น ก็ถือว่าเป็นธรรมเนียมเมื่อผู้ที่เรารักล่วงลับดับขันธ์ไป เราก็นิยมมาทำบุญในที่ว่า ซึ่งจะว่าไปก็คือ การทำความดีนั่นเอง
ความสูญเสีย ความพลัดพรากเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่ว่ามันก็สามารถที่จะเป็นแรงกระตุ้นสงเสริมบันดาลใจให้เกิดการทำความดีแก่ส่วนรวมได้ และเมื่อพูดถึงความดีแล้ว มันก็ไม่จำกัดอยู่แค่ถวายสังฆทาน ทำบุญเลี้ยงพระ เราสามารถจะทำความดีได้หลายอย่าง โดยอาศัยจุดเริ่มต้นจากการที่ระลึกถึงห่วงใยผู้ที่เรารักซึ่งล่วงลับดับไป การทำเช่นนี้ย่อมทำให้การสูญเสียเกิดประโยชน์
ธรรมดาการสูญเสียมันย่อมนำมาซึ่งความทุกข์ แต่ถ้าเรารู้จักใช้ความสูญเสียให้เป็น มันก็สามารถจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการทำความดีกว้างขวางออกไปได้ และความดีเมื่อทำแล้ว จิตใจของผู้ทำก็เกิดความสุข เกิดความปิติ ความอาลัยความเศร้าโศกก็ลดน้อยถอยลง ก็เรียกว่าทำความดีเป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ความโศก แถมยังเกิดประโยชน์ให้กับผู้อื่นออกไปด้วย หลายคนเมื่อคนรักตายจากไป ระลึกถึงเขาก็เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดีในนามของเขา หรือว่าเพื่อประโยชน์ของเขาในปรโลก
บางคนเสียลูกตั้งแต่ยังเล็ก หรือว่าตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว เมื่อทราบว่าลูกชอบปลูกต้นไม้ปลูกป่า พ่อแม่เลยทำความดีในนามของลูก ด้วยการปลูกป่าปลูกต้นไม้ ทำกันอย่างจริงจังเลย ไม่ได้ปลูกแค่ไร่ 2 ไร่ แต่ปลูกเป็น 10 ไร่ โดยอาศัยความรักที่มีต่อลูกที่จากไปเป็นกระตุ้นผลักดันให้เกิดการทำความดี บางคนตระหนักว่าลูกชอบเย็บผ้า นึกถึงลูกทีไร ก็นึกถึงจักรเย็บผ้าที่แม่ซื้อให้ลูกเพื่อเย็บผ้า ตอนหลังแม่ก็ใช้จักรของลูกที่แม่ซื้อให้ เย็บหน้ากากอนามัย เพื่อนำไปขาย เอาเงินมาอุปถัมป์บำรุงหรือว่าส่งเสริมหมอ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ให้เขามีกำลังไปช่วยผู้ป่วยโควิด อันนี้ก็เรียกว่า นำเอาความรักที่มีต่อคนที่ตัวเองผูกพันด้วยมาเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการทำความดีขึ้น ทำอย่างนี้ทำให้การตายหรือการจากไปของคนที่เรารักให้มีคุณค่า มีความหมายขึ้นมา
ถ้ามัวแต่เศร้าโศกเสียใจ มันก็ยิ่งทำให้ความตายหรือการจากไปของคนที่เรารัก มันกลายเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ว่าเราสามารถที่จะทำให้การตายของคนที่เรารักเกิดคุณค่าขึ้นมา ด้วยการที่เราทำความดีในนามของท่าน หรือว่าทำความดีเมื่อระลึกถึงท่าน โดยเฉพาะความดีที่ท่านเคยทำ เราก็สืบต่อสานต่อ อันนี้คือวิธีการที่ทำให้ความตายของคนที่เรารักมีคุณค่ามีความหมายขึ้นมา และประโยชน์ที่เกิดขึ้นก็เป็นบุญเหมือนกัน ก็คือประโยชน์ที่เกิดกับส่วนรวม ประโยชน์ที่เกิดจากการปลูกต้นไม้ เกิดจากการปลูกป่า เกิดจากการทำหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยเหลือส่วนรวม อันนี้คือบุญเหมือนกัน เป็นบุญหรือเป็นอานิสงส์แห่งบุญ ซึ่งถ้าเราน้อมนึกและอุทิศให้กับผู้ล่วงลับ เราก็พลอยได้ประโยชน์ด้วยเหมือนกัน เกิดประโยชน์ได้กับผู้ที่ล่วงลับ เกิดประโยชน์ได้ทั้งกับเราผู้กระทำ และก็เกิดประโยชน์ได้กับส่วนรวมที่ได้รับประโยชน์แห่งบุญนั้น
แต่ถ้าจะให้ดี นอกจากการที่เราทำความดีในนามของท่านเมื่อท่านจากไปแล้ว ขณะที่ท่านยังอยู่ เรานึกถึงท่าน เราก็ทำความดีในนามของท่าน อันนี้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ไม่ต้องรอให้ท่านจากไป แล้วค่อยทำความดีเพื่อท่าน ทำในขณะที่ท่านยังอยู่นั้นแหล่ะ นึกถึงท่าน ซาบซึ้งในความรักความเมตตาของท่าน เราก็อาศัยความรักความเมตตาของท่านเป็นแรงบันดาลใจในการทำความดีให้กับผู้อื่นยิ่งๆขึ้นไป รวมทั้งประพฤติตนให้เป็นคนดีด้วย ดูแลกายและใจไม่ให้เป็นไปในทางอกุศล ให้เกิดประโยชน์เกื้อกูล อันนี้ก็เป็นบุญที่เราสามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ท่านจากไปเสียก่อน ค่อยมานึกถึงการทำความดีด้วยการทำบุญให้กับท่าน
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้า วัดป่าสุคะโต วันที่ 30 พฤษภาคม 2564