แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ที่เราสวดเมื่อสักครู่นี้ มีประโยชน์อันสำคัญมาก เมื่อใดระลึกถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ เมื่อนั่นก็ให้เคารพพระธรรม เมื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าอยู่ ก็ต้องเคารพพระธรรม เคารพพระธรรม ก็ไม่ใช่ว่าเคารพด้วยดอกไม้ธูปเทียน แต่เราเคารพด้วยการปฏิบัติ ปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติให้ถูก พอปฏิบัติถูกก็จะได้ผลอย่างที่ต้องการ เช่น อยากจะมีความสุข มีความเจริญ ก็ต้องขยันหมั่นเพียร แล้วก็ทำความดี มีความซื่อสัตย์สุจริต รู้จักประหยัดอดออม เก็บหอมรอบริบ อันนี้คือเราปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่ไปวิงวอนร้องขออธิษฐาน ขอให้เทวดาบันดาลให้ร่ำรวย ให้มีความสุขความเจริญ ชาวพุทธเราเป็นนักทำ ไม่ใช่นักขอ เป็นนักปฏิบัติไม่ใช่เป็นนักวิงวอน ถ้าขอหรือวิงวอนทางโลกก็ต้องไปทำกับเทวดาหรือเทพเจ้า แต่ว่าเราชาวพุทธ เราก็ไม่ได้นับถือเทพเจ้า เรานับถือพระพุทธเจ้า การนับถือพระพุทธเจ้าก็ไม่ใช่ไปวิงวอนร้องขอจากพระองค์ แต่ให้ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังเคารพพระธรรม สูงกว่าพระพุทธเจ้าก็คือพระธรรม พระธรรม ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะว่าเป็นกฎธรรมชาติ เราเคยได้ยินว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่เท่ากับธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ เพราะกฎหมายเปลี่ยนได้ เปลี่ยนได้ยกเลิกได้ หรือว่าหลีกเลี่ยงได้ บางคนก็หลีกเลี่ยงไม่ทำตามกฎหมาย เช่นไปขโมย ไปฆ่าคนก็ยังลอยนวล บางทีกฎหมายก็ไม่สามารถจะไปตามตัวมารับโทษได้
แต่ธรรมไม่ใช่อย่างนั้น ธรรมศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะว่าจะหนี จะหลีกเลี่ยง จะบ่ายเบี่ยงก็ไม่ได้ เช่น อยากมีความสุขความเจริญ แต่ว่าไม่ปฏิบัติธรรม ไปทำชั่ว มันก็ไม่มีทางที่จะสุขที่จะเจริญได้ อาจจะมีเงินมีทอง แต่ว่าไม่มีความสุขใจ มีความเดือดเนื้อร้อนใจ และก็เจริญก็อาจจะเจริญประเดี๋ยวประด๋าว สุดท้ายก็ต้องวิบัติ วิบัติทั้งในชาตินี้และในชาติหน้า วิบัติในชาติหน้าก็เช่น ไปอบาย คนทำชั่วแล้วไปอบาย จะเรียกว่าเจริญได้ยังไง ถึงแม้ว่าตอนนี้ร่ำรวย ก็ต้องดูกันไปยาวๆ ว่าสุดท้ายนี้ยังมีความสุขความเจริญหรือไม่
ที่จริงที่ว่ายาว ต้องดูไปถึงชาติหน้า ไปถึงภพหน้า ก็คือว่า อาจจะสุขประเดี๋ยวประด๋าว อาจจะเจริญชั่วคราว เสร็จแล้วก็ทุกข์และต้องเดือดร้อน และถูกลงโทษ ถูกลงทัณฑ์ด้วยกฎหมาย หลังจากนั้นไม่พอ วิบากกรรมก็จะตามไปลงโทษต่อ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้าก็ตาม เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ปฏิบัติตามพระธรรม มันก็ไม่สุขไม่เจริญ มันหลีกเลี่ยงบ่ายเบี่ยงพระธรรมไม่ได้ พระธรรม ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากจะได้ผลดี อยากจะได้สิ่งดีๆ กับชีวิต เช่นสุขภาพดี มีงานที่มั่นคง มีความสุข มีความเย็นใจ มันต้องลงมือทำ ไม่ใช่วิงวอนร้องขอ การลงมือทำหรือเรียกว่ากรรม จะว่าไปมันก็ศักดิ์สิทธิ์ มันศักดิ์สิทธิ์ก็คือถ้าทำถูกทำดี มันได้ผลดีแน่นอน ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาบ้าง แต่ผลดีมันต้องเกิดขึ้น แม้แต่บางครั้งมีการทำนายว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเกิดว่าทำความเพียร มันอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ คนไทยเรา เราไม่ค่อยเชื่อกรรมลิขิตเท่าไร เราเชื่อพรหมลิขิต หรือว่าเทพลิขิต แต่เทพลิขิต พรหมลิขิต ก็สู้กรรมลิขิตไม่ได้
มันมีเรื่องเล่าในพระไตรปิฎก มีพระราชา 2 เมืองทำศึกสงครามกัน องค์แรกมีปุโรหิต ปุโรหิตก็คล้ายดาบส ติดต่อกับพระอินทร์ได้ พระราชาก็ไปถามปุโรหิตว่า ช่วยไปถามพระอินทร์ว่า สงครามครั้งนี้ ฉันจะชนะไหม ปุโรหิตก็คงจะนั่งทางใน ติดต่อกับพระอินทร์ได้ พระอินทร์บอกว่าชนะแน่ ปุโรหิตก็เลยมาบอกพระราชา พระราชาพอรู้ว่าชนะแน่ ก็เลยไม่กระตือรืนร้น ไม่ทำความเพียร ไม่วางแผนเท่าไร เพราะรู้ว่าถ้าพระอินทร์บอกว่าชนะแน่ คือชนะ อาจจะเป็นเพราะว่าพระอินทร์รู้อนาคต สามารถหยั่งเห็นอนาคตได้ว่าชนะแน่ ในเมื่อชนะแน่ก็เลยไม่ค่อยได้ตระเตรียมทหาร หรือว่าลี้พลเท่าไร
พระราชาอีกเมืองหนึ่ง ก็มีปุโรหิต ปุโรหิตก็มาบอกเหมือนกันว่า ศึกสงครามนี้พระองค์แพ้ แต่ว่าพระราชาของเมืองที่สองไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าจะมีพรหมลิขิตแบบนี้ ไม่เชื่อคำทำนายทายทัก กลับฝึกฝนทหาร ตระเตรียมลี้พลอย่างเต็มที่ มีการซ้อม มีการวางแผน มีการตระเตรียมอย่างดี ทั้งเสบียง ทั้งอาวุธ พอทำสงครามเข้าจริงๆ ปรากฏว่า กษัตริย์ฝ่ายหลังที่พระอินทร์บอกว่าจะแพ้ ก็กลับชนะ กษัตริย์ที่พระอินทร์บอกว่าชนะก็แพ้ ฝ่ายแพ้นี้ก็ตกใจผิดหวัง โกรธแค้น ไปต่อว่าปุโรหิต ปุโรหิตก็ไปต่อว่าพระอินทร์ว่าทำไมบอกว่าจะชนะ แต่ทำไมถึงกลายเป็นแพ้ พระอินทร์ก็พูดเสียงอ่อยๆ ว่า ความเพียรของมนุษย์นี้ เทวดาก็กีดขวางไม่ได้ เทวดาบอกว่าพระราชาองค์แรกชนะแน่ แต่ว่าพระราชาองค์ที่สอง มีความเพียรมาก มีความขยัน และความเพียรก็สามารถเอาชนะคำทำนายของเทวดา หรือเอาชนะเทพลิขิต พรหมลิขิตได้
ชาวพุทธเราต้องเชื่อเรื่องกรรม กรรมที่ว่านี้ ไม่ใช่วิบากกรรม แต่หมายถึงการกระทำของเจ้าของ ถ้าเจ้าของกระทำความดี ขยันหมั่นเพียร มันก็เอาชนะคำทำนายได้ สมัยก่อน คำทำนายมาจากเทวดา สมัยนี้ก็มีคำทำนาย แต่ไม่ได้มาจากเทวดาแล้ว มาจากวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ทำนายทายทักได้แม่นมาก เช่น เขาทำนายล่วงหน้าเป็นปีว่า จะมีสุริยุปราคาที่ประเทศอเมริกาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ทำนายถูกต้องมาก เป็นนาทีเลย ทำนายว่าจะเกิดวันไหน เวลาใด ชั่วโมง นาที ก็ตรงมาก เดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์ทำนายได้หลายอย่าง ทำนายเด็กในท้อง เขาก็ตรวจมา ทำนายว่า คลอดออกมาจะมีสุขภาพเป็นอย่างไร บางทีก็ทำนายว่าคลอดออกมาแล้ว จะสมองพิการ
มีผู้หญิงคนหนึ่งท้อง แล้วก็ไปให้หมอตรวจ หมอก็ไปตรวจน้ำคร่ำ ตรวจหลายอย่าง แล้วหมอก็มารายงานว่า ลูกในท้องถ้าคลอดออกมา สมองจะพิการ จะอยู่ลำบาก เขาเสนอให้ทำแท้ง ตอนนั้นเด็กก็ยังไม่เป็นตัว จะรู้ว่ามีสมองมีอะไรแล้วก็คงจะสัก 3-5 เดือน แต่ว่ากฎหมาย เขาอนุญาตให้ทำแท้งได้ ถ้าเกิดว่ามีปัญหาแบบนี้ ลูกสาวก็ไปปรึกษากับแม่ว่า จะทำอย่างไรดี แม่ก็บอกว่า ถ้าหากว่า หลานคลอดออกมาแล้วสมองจะต้องพิการ ยายก็พร้อมจะดูแลเต็มที่เลย ยายบอกว่า ถ้ากรรมของเด็กมันเกิดมาจะกลายเป็นเด็กพิการ ไม่ต้องทำแท้ง แต่ก็แนะนำให้ลูกสาวทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล เกิดวันพุธ พอถึงวันพุธก็ทำบุญทำกุศล สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ และก็เว้นการทำชั่ว รักษาศีลให้ดีตลอด ไม่ใช่เฉพาะเป็นวันที่คล้ายเป็นวันเกิดอย่างเดียว แต่ให้ทำตลอด สวดมนต์ภาวนา นั่งสมาธิ ทำบุญกุศลเยอะๆ รักษาใจให้ดี ไม่ต้องห่วง ถ้าลูกเจ้าออกมาพิการ เราแม่ลูกก็จะช่วยกันดูแล ปรากฏว่าคลอดออกมา เด็กปกติ อันนี้ก็เรียกว่ากรรม กรรมคือการกระทำ คือความเพียร เพียรทำดีทำกุศล ก็เปลี่ยนคำทำนายได้
สมัยนี้ คำทำนายมันมาจากวิทยาศาสตร์ อย่างที่บอก แต่ว่ามันก็ยังแพ้กรรมคือความดี อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราชาวพุทธ อย่าไปเชื่อคำทำนายทายทักมาก ฟังเอาไว้ก็ดี เพื่อเป็นเครื่องกระตุ้นให้ทำความเพียรเยอะๆ มันมีประโยชน์ตรงนี้เหมือนกัน คำทำนายจะมีประโยชน์ในแง่ที่ว่าเอามาเป็นเครื่องกระตุ้นให้เราไม่นิ่งนอนใจ อย่างพระราชาองค์แรก ฟังคำทำนายแล้วว่าฉันชนะแน่ ก็เลยงอมืองอเท้า ส่วนพระราชาองค์ที่สองพอได้ฟังคำทำนายแล้วไม่เชื่อ กลับทำความเพียรมากขึ้น ตระเตรียมมากขึ้น สมัยนี้วิทยาศาสตร์ก็ทำนายได้เก่ง แต่มันก็ไม่ใช่ว่าแน่นอนเสมอไป อะไรที่มันยังไม่เกิดขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์มันก็เปลี่ยนแปลงได้ แม่ของเด็กและยายของเด็ก ฟังคำทำนายของหมอแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อ แต่ว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ กลับเป็นตัวเร่งให้ทำความดี ทำบุญทำกุศลรักษาศีล เราต้องทำแบบนี้
กรรมคือการกระทำ สำคัญ ไม่ว่าเขาจะทำนายข้างหน้าเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งว่าอดีตความเป็นมาเป็นอย่างไร ก็สู้กรรมในปัจจุบันไม่ได้ คนบางคนอดีตไม่ค่อยดีเท่าไร เช่นยากจน หรือว่าอาจจะทำตัวเหลวแหลก เพราะว่าสิ่งแวดล้อมไม่ดี บางคนติดยา ติดคุก ทั้งที่อายุยังไม่ถึง 20 เลย เวียนเข้าเวียนออก สถานกักกันเยาวชน เพราะติดยา ไปลักขโมย บางทีถ้าเป็นผู้หญิงก็สำส่อน มีเพศสัมพันธุ์ไม่เลือก แต่ว่าถ้าเกิดตั้งตัวตั้งต้นใหม่ ทำความเพียร ก็สามารถประสบความสุขความเจริญได้
มีผู้หญิงคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กจนโตอายุ 17 ชีวิตย่ำแย่มาก เพราะพ่อแม่ติดเหล้าติดยา เล่นการพนัน พ่อขายยา แม่ขายตัว เด็กก็เลยขาดความอบอุ่น ขาดความรัก แล้วก็ติดนิสัยไม่ดีจากพ่อแม่มา พออายุสัก 12-13 ก็เล่นยาบ้าง หนังสือก็ไม่เรียน คบเพื่อนไม่ดี เป็นผู้หญิงก็ไม่รู้จักรักษาเนื้อรักษาตัว ถ้าเป็นอย่างนี้ชีวิตจะเจริญได้อย่างไร แต่ว่าวันหนึ่งเห็นแม่เห็นพ่อตายแบบน่าอนาถมาก เกิดได้คิดว่า ฉันจะตายแบบพ่อแบบแม่อย่างนี้หรอ มันทั้งกลัวแล้วก็ทั้งได้สติ เรียกว่าตาสว่างเลย ทั้งความกลัวไม่อยากจะเป็นอย่างพ่ออย่างแม่ หรืออย่างหลายๆ คนที่เคยเห็น ชีวิตมันย่ำแย่มาก ก็เลยอยากจะหลุดพ้นไปจากวังวนนี้ ก็เลยเกิดความตั้งใจอยากจะเรียนหนังสือ ไม่เคยเรียนมาเลย หนังสือก็อ่านไม่คล่อง เขียนก็ไม่ค่อยได้ แต่วัยอายุ 17 ถ้าจะเข้าเรียนก็เป็นเรื่องยาก แต่ก็อุตส่าห์ขยันเรียน คนอื่นใช้เวลา 4 ปี ตัวเองใช้เวลาแค่ 2 ปี อดีตก็ไม่ดี ต้นทุนต่ำ ต้นทุนติดลบ ก็คือว่าไม่มีวิชาความรู้ แถมไม่มีบ้านอยู่ ต้องไปนอนบ้านคนนั้นคนนี้ บางทีก็แอบนอนในโรงเรียน เด็กที่ไม่มีที่หลับที่นอนมันจะเรียนหนังสือดีได้อย่างไร แต่เธอก็เพียร เพียรที่จะเรียน จบได้อย่างที่เรียกว่าใคร ๆ ก็แปลกใจ ทำได้ยังไง เด็กที่ไม่เอาไหนเลย แถมไม่มีตัวช่วยด้วย บ้านก็ไม่มี พ่อแม่ก็ไม่มี หนังสือหนังหาก็ต้องไปหยิบยืมคนอื่นเขา ปากกาดินสอก็หายาก อยากจะได้เงินก็ต้องไปรับจ้างทำงาน เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย
โชคดีได้ครูดี ครูกระตุ้นทำให้เกิดกำลังใจ ครูเป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดความเพียร พอเพียรปุ๊บ มันสามารถจะเรียนจบได้แบบที่เรียกว่า คนทั่วๆ ไป ทำไม่ได้ แถมยังสามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อในอเมริกา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จากเด็กไร้บ้าน คนไร้บ้าน เธอตื่นเต้นมาก ตอนนี้ชีวิตของเธอก็กลายเป็นคนที่มีชีวิตการงานที่มั่นคง ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปเลย อันนี้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะโชค โชคอาจจะมีส่วนบ้าง แต่เป็นเพราะความเพียร อดีตเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับความเพียรในปัจจุบัน อดีตในที่นี้ ไม่ใช่อดีตชาติ แม้แต่อดีตในชาติที่แล้ว มันจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ อดีตในชาติที่แล้ว สมมุติว่ามันเป็นเหตุเป็นปัจจัยทำให้เจ็บทำให้ป่วย ทำให้พิการ แต่ถ้าขยันซะอย่างและมีความเพียรสักอย่าง อดีตมันก็ทำอะไรไม่ได้ ที่เคยสำมะเลเทเมา ติดคุกติดตารางยังไง นั่นเป็นอดีต เริ่มต้นใหม่ ชีวิตมันก็ดีขึ้นได้
หรือแม้แต่พิการ จะพิการเพราะว่าอดีต กรรมในอดีตหรือไม่ หรือเป็นเพราะว่าความบังเอิญ แม่อาจจะกินยาที่มันผิดขนาน ทำให้ลูกสมองพิการตั้งแต่อยู่ในท้อง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่ง สมองพิการ แต่แม่ก็ให้เกิดมา พูดไม่ได้ เดินก็ไม่ได้ ต้องใช้รถเข็น เสียเปรียบคนเยอะมากเลย พูดไม่ได้ สมองพิการ ที่จริงก็พิการเฉพาะสมองส่วนที่เกี่ยวกับการพูดและการเดินเหิน แต่ว่าอย่างอื่นดี ปกติ เธอก็สามารถที่จะเรียนจนกระทั่งจบเป็นดอกเตอร์ ได้ปริญญาเอกในมหาวิทยาลัยที่ประเทศอเมริกา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย UCLA ทั้งที่ต้นทุนต่ำ จะว่าติดลบก็ไม่เชิง แต่ต้นทุนน้อย เพราะว่าพิการ แต่ว่าก็สามารถจะเรียนได้ดี แล้วก็ชีวิตก็มีความก้าวหน้า มั่นคง เพราะอะไร เพราะความเพียร มีความเพียรมาก ไม่ท้อถอย
หลายคนที่ต้นทุนต่ำ เช่นพิการ บางคนก็มีแค่ตัวกับหัว แขนไม่มีขาไม่มี แต่เขาก็สามารถจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ พึ่งตัวเองได้ทุกอย่าง กินข้าวก็กินได้เอง ทั้งที่ไม่มีแขน แต่งตัวใส่เสื้อผ้าก็ใส่ได้เอง ทำเองได้ แล้วก็เรียนหนังสือเองจนจบ เป็นครู เป็นนักหนังสือพิมพ์ แล้วก็มีความสุขด้วย เขาบอกว่า ผมเกิดมาพิการแต่มีความสุขและสนุกทุกวัน พิการแต่มีความสุขและสนุกทุกวัน ต่างจากพวกเราที่มีครบ เขามีความสุขและสนุกทุกวันนี้ได้ก็เพราะอะไร เพราะความเพียร เพราะกรรมหรือการกระทำสามารถจะดูแลรักษาใจ ใช้ชีวิตถูกต้อง ถ้ามันถูกต้องตามธรรมก็เจริญ
คนเราจะดีหรือชั่ว จะเจริญหรือตกต่ำ อยู่ที่การกระทำมากเลย มันไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรมาก่อน อันนี้คล้ายๆ กับแม่ครัว แม่ครัวบางคนเครื่องครัวก็น้อย วัตถุดิบก็มีไม่มาก แต่ปรุงอาหารได้อร่อย แม่ครัวบางคนเครื่องเยอะ วัตถุดิบมากมาย แต่ว่าทำไมปรุงอาหารไม่อร่อย อยู่ที่ฝีมือ อยู่ที่ความตั้งใจ แม่ครัวที่มีเครื่องครัวน้อย มีวัตถุดิบน้อย เขาก็ตั้งใจใช้ความคิดใช้ปัญญา เอาของไม่กี่อย่างมาทำให้อร่อยได้ เรียกว่าต้นทุนน้อย ต้นทุนต่ำ แต่ว่าผลงานดี เพราะใช้ความเพียร หลายคน ต้นทุนเยอะ มีตัวช่วยมากแต่ว่าไม่ได้ใช้ความเพียรมาก ผลงานก็ไม่ดี อาหารก็ไม่อร่อย แม่ครัวที่เก่ง แม้ของจะได้น้อย ก็ไม่มัวแต่บ่น ทำไมฉันได้ของมาน้อย แบบนี้ฉันจะสู้ เขาได้ยังไง คนเก่ง เขาไม่บ่นหรอก เพราะบ่นแล้วเสียเวลา บ่นแล้วทุกข์ เขาจะตั้งหน้าตั้งตาดูว่า จะเอาของที่มีน้อยๆ มาทำให้มันดีได้อย่างไร
คนที่พิการ คนที่เจ็บ คนที่ป่วย เขาจะไม่มัวมาบ่น ถ้าเป็นคนฉลาด เขาจะไม่มาบ่นว่าทำไมฉันเกิดมาพิการ ทำไมฉันเกิดมาป่วยนั้นป่วยนี้ ทำกรรมอะไรมา ไม่มาเสียถาม ไม่มาเสียเวลาบ่น แต่ เขาจะทำความเพียร ตั้งหน้าตั้งตาทำความเพียร ทำความดีทั้งศึกษาวิชาความรู้ เพียรทั้งทางโลก เพียรทั้งทางธรรม ก็จะประสบความเจริญ มีความสุขได้ นี้แหละ พระพุทธศาสนาจึงเน้นเรื่องความเพียรมาก บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร อันนี้พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ถ้าเป็นชาวพุทธต้องเชื่อกรรม เชื่อกรรมเชื่อการกระทำ
การกระทำที่สำคัญก็คือความเพียรพยายาม ไม่กลัวคำทำนายทายทัก แล้วก็ไม่ไปสนใจ ไม่ไปกลุ้มอกกลุ้มใจกับอดีตที่ผ่านมา คำทำนายทายทักเรื่องอนาคต มันยังไม่สำคัญเท่ากับปัจจุบัน อดีตมันก็ผ่านไปแล้ว มันไม่สำคัญเท่ากับปัจจุบัน ชาวพุทธเราจะเน้นเรื่องปัจจุบัน ทำความดีทำความเพียรตรงปัจจุบันนี้แหละ แล้วมันจะสร้างอนาคตที่ดีได้ แล้วอดีตจะลากจิตลากใจของเราต่อไปไม่ได้ แต่จะเป็นอิสระจากอดีตได้