แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อเร็วๆ นี้ได้อ่านข้อความสั้นๆ ของ เมย์ รัชนก พวกเราคงรู้จัก เป็นแชมป์แบดมินตันหญิง ที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เธอเขียนข้อความทางเฟซบุ๊ก แต่อาตมาไม่ได้อ่านทางเฟซบุ๊ก อ่านจากหนังสือพิมพ์ที่เขาถ่ายทอดมาอีกทีนึง เธอเริ่มต้นด้วยประโยคว่า “ไม่มีใครรักและหวังดีเรา เท่ากับครอบครัวของเรา” แล้วเธอก็เล่า หรืออธิบายต่อไปว่า “ไม่ว่าอนาคตของเมย์จะเป็นอย่างไร รู้สึกอย่างไร ก็จะมีครอบครัว เข้าใจเมย์เสมอ ทุกครั้งที่เมย์แพ้หรือชนะ ก็จะมีครอบครัวอยู่เคียงข้างจริงๆ” เสร็จแล้วเธอก็พูดต่อไปว่า “ไม่ได้ต้องการคำปลอบใจของใคร แต่อยากบอกให้รู้ว่า เราจะเห็นคนที่เคียงข้างเราก็ต่อเมื่อเราแพ้นี่แหละ” แล้วก็ตบท้ายด้วยว่า “กีฬามันก็ต้องมีแพ้มีชนะไม่ใช่เหรอ”
จับน้ำเสียงดูก็รู้ว่าเธอมีความคล้ายๆ ว่าท้อแท้หรือว่าเสียใจ มีอาการตัดพ้อ แล้วก็รู้สึกเหงา รู้สึกโดดเดี่ยว พูดง่ายๆ ตอนนี้ก็มีแต่ครอบครัว มีแต่พ่อแม่เท่านั้นที่อยู่เคียงข้าง ที่เธอเขียนแบบนี้ ก็เพราะว่า ช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าแข่งที่ไหน ที่ไหน เธอก็ไม่ประสบความสำเร็จ แพ้ตกรอบ รู้สึกจะ 5 รายการแล้ว อย่างมากก็แค่เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ไม่ได้แม้กระทั่งที่ 2 ที่ 3 หรือว่าติด 8 คนสุดท้าย แข่งกีฬาโอลิมปิกก็แพ้ตั้งแต่รอบต้นๆ รอบ 16 คน อันนี้ก็เลยเป็นเหตุให้มีคนวิพากษ์วิจารณ์เธอ คนวิพากษ์วิจารณ์ ต่อว่า เธอคงเสียใจ ตอนที่ได้ชัยชนะ ก็มีแต่คนชม คนเชียร์ ยกย่องเธอต่างๆ นานา แต่ว่าพอแพ้ ก็มีแต่วิพากษ์วิจารณ์ หรือว่าจะพูดให้หนัก นั้นก็คือว่าทับถม
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ กับนักกีฬา กับดารา ถามว่าเป็นอย่างนี้เพราะว่าอะไร เวลาแพ้ก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์ มีคนต่อว่า ทับถม ก็เพราะว่าผู้คน เขามีความคาดหวังในตัวเธอสูง เธอเป็นคนเก่ง ก็คาดหวังเธอจะได้แชมป์โอลิมปิก ได้เหรียญทองกลับมาให้กับประเทศ หรือว่าได้แชมป์รายการต่างๆ พอเมย์ เขาทำผลงานไม่ได้ตามที่ผู้คนคาดหวัง ผู้คนก็เสียใจ แล้วก็จากความเสียใจก็เป็นความไม่พอใจ จากความไม่พอใจซ้ำๆ ก็กลายเป็นความโกรธ ก็ถึงกับต่อว่า อาจจะมีการด่าทอด้วยมั๊ง อันนี้ก็ไม่ทราบ
ความคาดหวัง มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย พอคาดหวังแล้ว บ่อยครั้ง ก็สร้างความกดดันให้กับคนถูกคาดหวัง ไม่ใช่แต่นักกีฬาอย่างเดียวหรอก บางทีก็เป็นลูก พอถูกคาดหวังก็เครียด กดดัน ความคาดหวังนี่ มันต่างจากความคาดหวัง เวลาเราหวังใคร เราก็หวังให้เขามีความสุขความเจริญ หรือหวังว่าเขาจะประสบความสำเร็จ เชื่อว่าเขามีความสามารถในการที่จะเอาชนะอุปสรรคได้ เวลาเรามีความหวังในตัวใคร มันจะปลุกพลังบวกขึ้นมาในคนๆ นั้น ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่ความคาดหวัง มันให้ความรู้สึกอีกแบบนึง
ความหวัง มันเกิดจากเมตตา อยากให้เขาได้ดี แต่ความคาดหวัง ถามว่ามันคืออะไร ความคาดหวังก็คือว่าคาดหวังให้เขาเป็นอย่างที่ตัวเราต้องการ ก็คือมีตัวเราเป็นตัวตั้ง คาดหวังอะไรก็ตาม จะคาดหวังนักกีฬา จะคาดหวังลูกก็อยากจะให้เขาเป็นอย่างที่ตัวเราต้องการ ไอ้คำว่า เรา หรือ ตัวกู มันอยู่ตรงกลางเลย เป็นศูนย์กลางของความคาดหวัง ซึ่งตรงข้ามกับเมตตา หรือว่าแตกต่างจากเมตตา เมตตา มันเป็นการเอาผู้อื่นเป็นศูนย์กลาง เขาจะเป็นอย่างไร เราก็มีความหวังว่าเขาจะไปดีได้ มีความสุข อาจจะมีความสุขหรือมีความเจริญในแบบของเขา ส่วนความคาดหวัง มันมีตัวกูเป็นศูนย์กลาง เช่น อยากจะให้เมย์ ได้เหรียญทองโอลิมปิก เพื่ออะไร ..เพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศของกู นี่คือความคาดหวังซึ่งมีตัวกูของกู เป็นศูนย์กลาง พอประเทศไทย หรือประเทศของกู มีชื่อเสียง กูซึ่งเป็นคนไทยก็พลอยได้หน้าได้ตา พลอยมีความภาคภูมิใจไปด้วย ให้เราสังเกตดีๆ เวลามีความคาดหวังกับใครก็ตาม สุดท้าย ก็คือคาดหวังให้เขามาตอบสนองความต้องการของเรา มาตอบสนองความใฝ่ฝันของเรา มันไม่ได้เป็นความปรารถนาดีจริงๆ กับคนๆ นั้น แต่มันเป็นการอยากจะให้เขาคนนั้นมาสนองความต้องการของเรา มันก็เป็นความเห็นแก่ตัวแบบหนึ่ง หรือว่าเป็นการยึดติดถือมั่นในตัวกูของกู
เพราะฉะนั้นพอมีความคาดหวังในใคร มันก็มักจะสร้างความทุกข์ ให้กับทั้งคนที่ถูกคาดหวังและคนที่คาดหวังด้วย ในเวลาที่พ่อแม่คาดหวังในตัวลูก ลึกๆ พ่อแม่คิดว่าหวังดีในตัวลูก แต่ที่จริงแล้วนี่มันเป็นการเห็นแก่ตัวแบบหนึ่ง ก็คืออยากจะให้ลูกมาตอบสนองความต้องการของพ่อแม่ ตอบสนองความต้องการของเรา ตอบสนองความต้องการของกู ลูกก็ต้องเรียนในคณะที่เราต้องการ ลูกก็ต้องเรียนมหาวิทยาลัยที่เราชอบ ลูกก็ต้องมีอาชีพอย่างที่เราชอบ หรือว่าเลือกคู่ครองอย่างที่เราเห็นว่าดี มันมีตัวเราหรือตัวกู อยู่เป็นแกนกลางทั้งสิ้นเลย เพราะฉะนั้นความคาดหวังของพ่อแม่ถ้ามีกับลูก มันก็จะกลายเป็นความเห็นแก่ตัว และพอความเห็นแก่ตัวเกิดขึ้นแล้วนี่ มันก็เกิดความทุกข์ ลูกก็ทุกข์ เพราะว่าต้องทำความต้องการของพ่อแม่ ตัวเองอาจจะคิดอีกแบบนึงก็ได้ อาจจะชอบอีกแบบนึง พอไม่ได้เป็นไปอย่างที่พ่อแม่ต้องการ พ่อแม่ก็ทุกข์ คนที่เป็นลูกก็ทุกข์
เพราะฉะนั้นอาตมามีความเชื่อว่า “ให้มีความหวัง .. แต่อย่าคาดหวัง” อันนี้เขาเอาไว้สอนผู้ใหญ่ เวลาอยู่กับลูกก็ให้มีความหวังในตัวลูก แต่อย่าคาดหวังในตัวลูก เพราะถ้าคาดหวังแล้วมันจะสร้างความกดดันให้กับลูก ที่จริงมันก็ใช้ได้กับทุกอย่างเลย มีความหวังกับนักกีฬา มีความหวังกับเมย์ รัชนก ได้ แต่อย่าไปคาดหวังกับเขา เพราะไปคาดหวังกับเขาแล้ว อันนั้นมันไม่ใช่ความปรารถนาดีแล้ว ลึกๆ มันคือความเห็นแก่ตัว อยากให้เขาตอบสนองความต้องการของเรา ความต้องการนั้นอาจจะเป็นความใฝ่ฝัน หรือว่าความฝัน จะดีงามแค่ไหน แต่ก็สุดท้ายมันก็เป็นของเรา ก็คือตัวกูของกูนั่นแหละ
อันนี้ที่ เมย์ เขาพูดมา มันเป็นความแตกต่างของความหวังกับความคาดหวัง พ่อแม่นี่หวัง มีความหวังดีในตัวเมย์ เพราะฉะนั้นเมย์ก็จะแพ้ยังไง พ่อแม่ก็ยังรัก ยังเข้าใจและก็ยังอยู่เคียงข้าง และก็เชื่อว่าเมย์ เขาก็จะสามารถพัฒนาตนได้หรือก้าวข้ามอุปสรรคไปได้ อันนี้เป็นความหวัง ความหวังมันจะเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจ เป็นการสร้างความเชื่อมั่น แต่ความคาดหวัง มันอาจจะเริ่มต้นด้วยการให้กำลังใจ ก่อนที่จะแข่ง แต่พอแข่งแล้วนี่ แพ้ ก็จะไม่พอใจ ไม่พอใจมากๆ ก็จะมีการบ่น มีการว่า มีการวิจารณ์ มีการด่า แล้วก็บางทีก็ทับถมไปเลย อันนี้ถึงเรียกว่ามันเกิดจากการเห็นแก่ตัว มันมีความเห็นแก่ตัวเป็นพื้นฐานในความคาดหวัง แต่ว่าคนที่มีความหวังดี เช่น พ่อ แม่ ลูกแพ้ก็ไม่เป็นไร ก็พร้อมจะเคียงข้างลูก ลูกจะเป็นยังไง ก็ยังรักเสมอ แล้วก็มีความหวังในตัวเขาเสมอ
ความหวัง คือ ความรู้สึกที่ดีกับผู้ที่ถูกหวัง หรือผู้ที่ได้รับความหวัง แต่ว่าความคาดหวังนี่ มันก็อาจจะทำให้คนที่ถูกคาดหวังรู้สึกปลื้มว่าฉันเป็นมีค่า มีความสำคัญ อย่างน้อยก็มีคนคาดหวังในตัวฉัน แต่ว่าถ้าไม่เป็นไปตามความคาดหวังเมื่อไร ก็ย่ำแย่ .. เด็กอาชีวะ เด็กวัยรุ่นที่กลายเป็นเด็กเกเร พวกนี้เป็นผลพวงที่เกิดจากความคาดหวังของพ่อแม่ พ่อแม่คาดหวังว่าลูกจะเป็นเด็กเรียนดี เป็นเด็กขยัน หรือว่าเป็นเด็กที่มีกิริยามารยาท แต่พอลูกไม่เป็นไปอย่างที่พ่อแม่คาดหวังตามประสาวัยรุ่น พ่อแม่ก็ทับถมเลย เด็กไม่ดี ลูกเรียนไม่ดี พ่อแม่ก็ด่าว่า ลูกเกเร เพราะไม่ดีอย่างที่พ่อแม่คาดหวัง ไม่เป็นคนดีตามแบบของพ่อแม่ หรือตามที่พ่อแม่ต้องการ ก็ด่าว่า ทับถม เด็กนี่เลยกลายเป็นคนที่สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง กลายเป็นเด็กอันธพาล เกเรก็ได้ คือในเมื่อเด่นทางดีไม่ได้ ก็ไปเด่นทางชั่วก็แล้วกัน อันนี้ก็เป็นผลพวงของการถูกคาดหวัง เด็กวัยรุ่น เด็กที่เป็นอันธพาล เด็กที่เป็นเด็กเกเร จะกระทั่งติดคุกติดตารางพวกนี้ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความคาดหวัง เขาต้องการความหวัง ความหวังที่พ่อแม่จะดีกับเขา ความหวังที่ผู้ใหญ่จะให้เขา และถ้าได้เมื่อไหร่ เขาก็จะฟื้นขึ้นมาได้ จะกลายเป็นคนดีขึ้นมาได้ ในแบบของตัว อาจจะผมยาว สักเต็มตัว หรือว่ามีกิริยามารยาทไม่เรียบร้อย แต่ก็เป็นคนใฝ่ดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อันนี้ก็เห็นมาเยอะแล้ว คนที่ดีได้เพราะได้รับความหวังจากผู้ใหญ่ ทั้งๆ ที่ก็อาจจะเกเร ก็อาจจะติดคุกติดตาราง แต่ว่าก็กลับมาดีได้ ไอ้คนดี ถ้าถูกคาดหวังมากๆ นี่ กลับแย่ กลับกลายเป็นขยะสังคม ในสายตาของคนทั่วไปก็เพราะเหตุนี่แหละ