แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ที่ประเทศอเมริกา บริษัทแห่งหนึ่งทำเครื่องผลิตขนมปัง ที่พิเศษคือเป็นเครื่องที่ผลิตขนมปังในบ้านในครัวเรือน เขาคิดว่าตอนนี้คนสนใจเรื่องสุขภาพมาก และอยากจะทำขนมปังกินเอง ไม่ใช่ไปซื้อมาจากร้านค้าซึ่งอาจจะคุณภาพไม่ดี ก็คิดว่าจะขายได้เป็นที่นิยม เขาก็ตั้งราคาประมาณ 275 เหรียญ ก็แปดพันกว่าบาท ถือว่าราคาไม่ได้ถูกเลย แต่คิดว่ายังไงก็คงขายดี ปรากฎว่าขายไม่ค่อยออก เขาแปลกใจว่าทำไมคนไม่ซื้อ จึงจ้างบริษัทวิจัยตลาดมาหาทางออกเรื่องนี้เพราะว่าลงทุนไปหลายสิบล้านแล้ว บริษัทวิจัยตลาดเขาแนะนำยังไงรู้ไหม เขาแนะนำว่าให้ทำรุ่นใหม่ใหญ่กว่าเดิม แล้วก็แพงกว่ารุ่นเดิมห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ประมาณ 400 กว่าดอลล่าร์ เจ้าของบริษัททีแรกก็งงว่าขนาด 275 ดอลล่าร์คนยังไม่ซื้อเลย แล้วใครจะไปซื้อ 400 แต่ก็เชื่อ ไหน ๆ ก็จ้างบริษัทวิจัยตลาดมาแก้ปัญหานี้แล้ว ทำตามที่เขาแนะนำ ปรากฎว่าขายดี แต่ที่ขายดีนี่ไม่ใช่รุ่นใหม่ที่ขายดี รุ่นเก่ารุ่นเดิมที่ขายดี เอ๊ะ! แปลกไหม ทำไมตอนแรกนี้ขายไม่ออก
พอผลิตรุ่นใหม่มา รุ่นเก่ากลับขายดี ที่ขายดีเพราะคนรู้สึกว่า 275 นี่ มันถูก เขาคิดว่ามันถูกเพราะมี 400 เป็นตัวเทียบ บริษัทวิจัยตลาดเขาแนะนำให้ผลิตรุ่น 400 บาท ไม่ใช่เพราะเขาคิดว่ามันจะขายได้ แต่เพราะเขารู้ว่ามันจะเป็นตัวล่อ เป็นตัวล่อให้เกิดการเปรียบเทียบ การเปรียบเทียบระหว่าง 400 กับ 275 ก็รู้สึกว่า 275 มันถูก คนเขารู้สึกว่า โอ๊ะ! 275 มันถูก คนก็รีบซื้อเลย อันนี้ก็เป็นเรื่องของการใช้จิตวิทยาของคน คนชอบเปรียบเทียบ ของแพง ๆ นี้ ถ้าหากว่ามีอะไรที่แพงกว่า เราจะรู้สึกเลยว่า ของที่เคยเห็นครั้งแรกมันถูก อันนี้ก็ทำให้หลายคนคลายความสงสัยได้
บางคนเคยไปเข้าร้านภัตตาคารราคาหรู ภัตตาคารหรูหลายร้าน เขาจะมีขายไวน์ ไวน์ขวดหนึ่งก็ประมาณซักสองพันบาท และก็จะมีไวน์ที่ราคาเป็นหมื่น อยู่ด้วยในเมนู บางคนสงสัยใครจะซื้อไวน์ราคาเป็นหมื่น ที่จริงเขาติดราคาไว้อย่างนั้นนี่ไม่ใช่เพราะคิดว่าคนจะซื้อ แต่เพราะเพื่อล่อให้คนซื้อไวน์ราคาสองพัน เพราะจะรู้สึกว่าสองพันมันถูก สินค้าหลายอย่างเขาผลิตไม่ได้เพื่อขาย เพื่อเป็นตัวล่อให้เราซื้อของที่ถูกกว่า นี่เป็นจิตวิทยาที่ใช้ได้ผลมาก ตามห้างร้านต่าง ๆ บางอย่างเราก็ไม่อยากซื้อ แต่พอเราเห็นว่ามันถูกเราก็ซื้อ ที่ถูกเพราะอะไร เพราะหนึ่งเพราะลดราคา สองเพราะมีการเปรียบเทียบว่าของอย่างเดียวกันอีกยี่ห้อหนึ่งอีกรุ่นหนึ่งมันแพง ของถูกเราก็เลยซื้อเลย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความอยากจะซื้อเลยตั้งแต่แรก คนเราก็ถูกหลอกให้ซื้ออย่างนี้เป็นประจำ เพียงเพราะเห็นว่ามันถูก และเขามีวิธีการทำให้เรารู้สึกว่าของที่เขาวางขายมันถูก เพราะคนเรามีลักษณะชอบเปรียบเทียบ และมันก็ทำให้การที่มีนิสัยชอบเปรียบเทียบ นอกจากมันทำให้เราถูกล้วงกระเป๋าได้ง่ายแล้ว หรือว่าควักกระเป๋าไปซื้อของที่ไม่จำเป็นแล้ว บ่อยครั้งมันทำให้เราทุกข์ ซื้อมาแล้วก็ยังทุกข์
มีเพื่อนคนหนึ่งไปปักกิ่ง แล้วก็ไปตลาดรัสเซียซึ่งมีของราคาถูกมาก และก็เป็นของแบรนด์เนม น่าจะเป็นของเทียม ของปลอม ก็ไปซื้อกางเกงยีนส์ยี่ห้อดังมา ราคาตั้งเอาไว้ 400 เขาก็ต่อจนเหลือ 100 400 ก็ถูกอยู่แล้ว เพราะว่ามันเป็นของปลอม แต่ยี่ห้อมันดี ถ้ายี่ห้อถ้าซื้อของจริงก็เป็นหมื่น 400 ก็ถูกแล้ว ต่อจนได้ 100 ก็ดีใจ เอาขึ้นรถทัวร์กลับโรงแรม แต่พอรู้ว่าเพื่อนที่ไปด้วยกัน เขาซื้อได้ถูกว่า ซื้อได้ 80 ปรากฎว่าแกว่านอนไม่หลับทั้งคืน เสียดาย น่าจะซื้อ 80 คนเราเป็นอย่างนี้ ทั้งที่น่าจะมองว่า เออ! 100 ก็ถูกอยู่แล้ว ทำไมจะมาทุกข์กับแค่ว่าซื้อแพงว่าเพื่อน หลายคนก็คงเจออย่างนี้บ่อย ไปซื้อของในตลาด ไนท์พลาซ่า ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะของที่มันวางแบกับดินเพราะมันต่อราคาได้ ของ 500 เราต่อได้ 300 ดีใจ พอเจอเพื่อนคุยไปคุยมาเพื่อนบอกว่าเขาซื้อได้ 200 เราเสียใจเลยเป็นทุกข์ และก็พลอยไม่ชอบของชิ้นนั้นขึ้นมา บางทีไม่อยากใส่เลย หรือไม่อยากใช้เลย เพราะมันเตือนใจให้นึกถึงความเขลา ที่จริงมันไม่ใช่ความเขลา การที่เราซื้อของแพงกว่าคนอื่น มันไม่ใช่เป็นความเขลา แต่ที่เขลาก็คือว่าซื้อแล้วเป็นทุกข์กับมัน แทนที่จะพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ คาถาของนักช้อปปิ้งที่อาตมาที่ให้กับคนไปเที่ยว เวลาเขาไปช้อปปิ้งก็ให้ท่องคาถานี้ไว้ พอใจในสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ถ้าท่องคาถานี้แล้วทำตาม จะไม่มีความทุกข์เลย กลับมองว่า เออ! เราซื้อมา 100 ก็ถือว่าโชคดีแล้ว ของตั้งราคา 400 เราต่อได้ 100 อย่าไปสนใจว่าคนอื่นเขาจะซื้อได้ 70 หรือ 60 ถ้าเขาซื้อได้อย่างนั้นก็แสดงมุทิตาจิตกับเขา เออ! เก่ง เขาต่อได้เก่งกว่าเรา หรือเขาโชคดีกว่าเรา แค่นั้นก็จบ ไม่ต้องมาเอาไปเป็นทุกข์ จนนอนไม่หลับ ไม่คุ้มเลย แค่ส่วนต่าง 20 กลับนอนไม่หลับทั้งคืน อันนี้เรียกว่าโง่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะของซื้อเท่านั้น
บางทีของแจก ถ้ามองไม่เป็นก็ทุกข์ ทุกข์เพราะการเปรียบเทียบนี้แหละ อาตมาเคยไปบรรยายที่สวนโมกข์กรุงเทพฯ คนก็มาฟังกันมาก เผอิญหนังสือที่เตรียมไว้ไม่ พอบรรยายจบก็บอกว่าหนังสือไม่พอ บางคนอาจจะไม่ได้ เสร็จแล้วก็เริ่มที่จะแจกหนังสือ ห่อแรก เป็นหนังสือขนาดเท่ามือ คนก็มาเข้าคิวรอรับแจก ทุกคนที่ได้ก็ดีใจ พอหมดห่อ เอาห่อที่สองมา คราวนี้เป็นหนังสือเล่มใหญ่กว่า ขนาดเท่าพ๊อกเก็ตบุ๊ค คนที่ทีแรกไม่ได้ห่อแรกเขาก็ดีใจ โอ้! ได้หนังสือ แต่คนที่ได้หนังสือเล่มเล็กจากห่อแรกพอรู้มีแจกห่อใหม่ และมีคนได้หนังสือเล่มใหญ่กว่า หลายคนที่ดีใจก็เสียใจเลย บางคนมาหาแล้วบอกว่าขอแลกได้ไหม ขอเปลี่ยนได้ไหม คือเล่มเล็ก จะเอาเล่มใหญ่ ถ้าไม่ได้จะมีความทุกข์มากเลย ซึ่งน่าจะดีใจ เออ! ฉันได้ของฟรี คนอื่นเขาไม่ได้กัน ฉันได้เล่มนี้ ถึงแม้มันจะเล็กกว่า ขนาดเป็นคนที่สนใจธรรม ฟังธรรมที่อาตมาบรรยาย ก็ยังวางใจไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่ในคำบรรยายก็พูดเรื่องนี้แหละว่า คนเราทุกข์เพราะเปรียบเทียบ แต่พอเจอเอง ลืมตัว ได้เล่มเล็กแทนที่จะมองให้ถูก มองให้เป็น คนอื่นเขาไม่ได้กัน ฉันได้ กลับมองว่าคนอื่นเขาได้เล่มใหญ่ ฉันได้เล่มเล็ก แต่ที่จริงเล็กกับใหญ่มันไม่ได้บอกอะไรเลย เล่มเล็กดีกว่าเล่มใหญ่ก็ได้ แต่นี่เขายังไม่ได้อ่าน ไม่ทันจะดูเลย พอเห็นเล่มใหญ่ก็เกิดเป็นทุกข์ คนอื่นได้ ฉันไม่ได้
นี้แหละที่เรียกว่ามองไม่เป็น ก็เพราะการเปรียบเทียบ ทำให้คนเราทุกข์ บางทีไม่ใช่แค่ทุกข์ใจ อาจจะทุกข์กายด้วย มีการวิจัยพบว่าคนที่มีเพื่อนเป็นคนรวย (รวยกว่า ดีกว่า ) คนที่มีเพื่อนเป็นคนรวยกว่ามีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากกว่าเพื่อนที่แวดล้อม แปลกไหม ใคร ๆ ก็อยากมีเพื่อนรวย เพราะมีเพื่อนรวยก็เป็นหน้าเป็นตา หรือว่ามีโอกาสที่ได้ลาภได้ของฟรีจากเพื่อน แต่ว่าในอีกด้านหนึ่งมันเป็นด้านกลับ ก็คือว่ามีเพื่อนรวยกว่าตัวเอง ตัวเองก็อาจมีโอกาสป่วยได้ง่าย ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้จน ก็รวยเหมือนกัน แต่รวยระดับสิบล้านหรือหลายสิบล้าน ส่วนเพื่อนนี่ระดับร้อยล้าน พันล้าน ทำไมมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากกว่า เพราะเครียด เพราะรู้สึกว่าฉันจน พอมีคนรวยกว่าเราจะรู้สึกว่าเราจน เรายังมีไม่พอ รู้สึกด้อยขึ้นมาเลย ความรู้สึกด้อยมันทำให้เครียด และก็ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ง่าย อันนี้เพราะเปรียบเทียบ
เพราะฉะนั้น คนเราแม้ว่าจะได้อะไรมา ถ้าแม้เป็นโชคเป็นลาภหรือความร่ำรวย แต่ถ้ามองไม่เป็นก็เป็นทุกข์ อย่างบางคนชาวบ้านแถวภูหลง ไปซื้อหวย ไปแทงหวยใต้ดิน 3 ตัว ปรากฏว่าถูก แทง 15 ได้มา 600 ดีใจ หน้าแช่มชื่น ยิ้มหน้าบาน ไปอวดคนโน้นคนนี้ว่าโชคดีถูกหวยได้หกร้อย แต่พอไปเจอเพื่อนอีกคนหนึ่ง เขาซื้อตัวเดียวกัน แต่เขาแทง 50 ก็เลยได้ 2000 คนที่ได้ 600 จากที่ยิ้มก็หุบเลย โอย! ไม่น่าเลย ฉันน่าจะแทงให้มากกว่านี้ คิดไปแบบนี้ เพราะอะไร เพราะมองไม่เป็น คนที่มองเป็นเขาก็ดีใจว่าฉันโขคดี แต่พอมองไม่เป็นเห็นคนอื่นได้มากกว่า ทุกข์เลย คนที่ได้โบนัสมาก ๆ ก็ทุกข์เพราะเหตุนี้ ทุกข์เพราะว่าเห็นคนอื่นได้มากกว่า เพราะฉะนั้นคนเราถ้ามองไม่เป็น แม้ได้โชคได้ลาภก็ทุกข์ ไม่ใช่ว่าได้โชคได้ลาภแล้วเป็นสุข มันอยู่ที่การมองด้วย