แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
กีฬาโอลิมปิกใกล้เข้ามาแล้ว คนที่ติดตามจะให้ความสนใจกับคนที่ได้เหรียญ เหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง และเป็นความใฝ่ฝันของนักกีฬาที่จะต้องได้เหรียญ ตามลำดับขั้นมีเหรียญทอง รองลงมาเหรียญเงิน แล้วเหรียญทองแดง ถามว่าระหว่างเหรียญทองแดง กับเหรียญเงิน อยากได้เหรียญอะไร คนส่วนใหญ่จะต้องตอบว่าอยากได้เหรียญเงินมากกว่าเหรียญทองแดง เพราะว่าที่ 2 ย่อมดีกว่าที่ 3 แต่ว่าเขามีการวิจัยศึกษา พบว่านักกีฬาที่ได้เหรียญเงินจะรู้สึกดีใจน้อยว่านักกีฬาที่ได้เหรียญทองแดง อันนี้แปลกไหม ทั้งที่เหรียญเงินมีค่าหรือมีระดับสูงกว่าเหรียญทองแดง ตอนให้เหรียญ 1- 2- 3 ยืนอยู่บนแท่น และพบว่าคนที่ได้เหรียญทองแดงหน้าตาจะยิ้มแย้ม โดยเฉลี่ยจะมากกว่าคนที่ได้เหรียญเงิน อันนี้เขาไม่ได้ดูผ่านๆ ศึกษาจากคลิปวีดีโอ น่าจะเป็นร้อยคลิป ที่มีการแจกรางวัล แจกเหรียญ แล้วเขาให้คะแนนความสุขหรือความดีใจในภาพ รวมแล้วคนที่ได้เหรียญเงิน ความดีใจประมาณ 4.8 แต่ว่าเหรียญทองแดงประมาณ 7.1 น่าคิดว่า ทำไมคนที่ได้เหรียญทองแดงจึงดีใจหรือมีความสุขมากกว่าคนที่ได้เหรียญเงิน ซึ่งสรุป เป็นเรื่องของมุมมองนั่นเอง
คนที่ได้เหรียญเงิน เขารู้สึกว่าเขาพลาดเหรียญทอง เหรียญทองหลุดมือเขาไป ส่วนคนที่ได้เหรียญทองแดงเขาคิดว่าเขาโชคดีเกือบจะไม่ได้ซะแล้ว เพราะถ้าได้ที่ 4 อดเลย โดยเฉพาะที่เป็นการแข่งขันไม่ใช่แข่งทีเดียว แต่มีการแข่งเป็นนัดอย่างเช่น ฟุตบอล คนที่ได้เหรียญทองแดงคือคนที่ชนะในการแข่งนัดสุดท้าย ส่วนคนที่ได้เหรียญเงินคือคนที่แพ้ เพราะฉะนั้นความรู้สึกของคนที่ได้เหรียญเงินกับทองแดงจึงต่างกัน คนที่ได้เหรียญเงินรู้สึกว่าเหมือนตัวเองแพ้ หรือรู้สึกว่าตัวเองพลาด สูญเสียเหรียญทอง ส่วนคนที่ได้เหรียญทองแดง รู้สึกว่าเขาได้ หรือหวุดหวิดจะไม่ได้ ระหว่างเกือบได้กับเกือบไม่ได้มันให้ความรู้สึกต่างกัน คนที่ได้เหรียญเงินรู้สึกว่าเกือบได้ แต่ไม่ได้เสียใจ คนที่ได้เหรียญทองแดงรู้สึกว่าเกือบไม่ได้ แต่ก็ได้ดีใจ
อันนี้มันชี้ให้เห็นแล้วว่าคนเราจะได้อะไรมันไม่ได้สำคัญเท่ากับว่า รู้สึกอย่างไร ได้เหรียญที่มีค่ากว่าคือเหรียญเงิน แต่รู้สึกว่าเสียไป อยากได้เหรียญทองมากกว่า ผิดหวัง คนที่ได้เหรียญทองแดง ถึงแม้จะมีระดับต่ำกว่าเหรียญเงิน แต่เขาคิดว่าดีที่ฉันยังได้ อันนี้เป็นเรื่องมุมมอง จะว่าไปคือการเปรียบเทียบ เมื่อไรถ้าเปรียบเทียบไม่เป็นทุกข์ ของแพงแต่ถ้ามีของอื่นแพงกว่าเรามองเป็นของถูกไป หรือซื้อของถูกได้ราคาถูก ได้ราคาดี แต่คนอื่นเขาซื้อได้ถูกกว่าเรา เราทุกข์ ได้หนังสือเล่มเล็กทีแรกดีใจ แต่พอเห็นคนอื่นเขาได้หนังสือเล่มใหญ่กว่า จากที่ดีใจเป็นเสียใจ อันนี้เพราะอะไร เพราะเปรียบเทียบ นั่นได้อะไรไม่สำคัญว่าเรารู้สึก หรือมองมันอย่างไร ถ้ามองไม่เป็นได้คือเสีย
มีเรื่องเล่าว่ามีพ่อค้าคนหนึ่งไปปฏิบัติธรรม เข้าครอส์อย่างพวกเรา แล้วเขาพบความสงบมากติดใจ เมื่อกลับไปบ้านอยากทำความสงบ นั่งสมาธิทุกเย็นเมื่อเลิกงาน แล้วเขาพยายามทำตามที่เขาตั้งใจไว้ แต่ปรากว่ามีวันหนึ่งกำลังภาวนาอยู่ ตอนนั้นเป็นตอนเย็น รู้สึกว่าเป็นวันศุกร์ด้วย ปรากฏว่ามีเด็กมาเล่นฟุตบอลอยู่หน้าบ้าน ถนนหน้าบ้านมันกลายเป็นสนามฟุตบอล เด็กส่งเสียงดัง เขานั่งสมาธิไม่ได้เลย โมโห อยากไปไล่ตะเพิดเด็กแต่เขาได้สติ รู้ว่าถ้าทำแบบนั้นเด็กจะยิ่งมากวนเขามากขึ้น ยิ่งไปตะเพิดเด็ก ๆ จะมารังควาน เขาอาจจะส่งเสียงดังหนักขึ้นเพื่อแก้แค้น เขารู้ว่าวิธีนี้มันไม่สำเร็จ เขาเลยเปลี่ยนวิธี ใช้วิธีตรงกันข้าม ทำหน้าตายิ้มแย้ม เดินลงไปหาเด็กแล้วบอกว่า พวกหนูเล่นฟุตบอลดูร่าเริงแจ่มใสมาก มันทำให้บรรยากาศมันดี ทำให้ลุงนึกถึงบรรยากาศสมัยที่ยังเป็นเด็กๆ ได้เล่นฟุตบอล ชอบมากเลย เพราะฉะนั้นลุงจะให้รางวัลพวกหนู เอาไป 100 บาท ไปแบ่งกัน เด็กดีใจ วันต่อมาเด็กมาใหม่ มาเวลาเดิม เวลาเย็น ลุงกำลังนั่นสมาธินั่งไม่ได้ แต่รู้แล้วว่าเด็กคงจะมา เพราะว่าได้เงินไปแล้วเมื่อวาน ลงไปหาเด็กบอกว่าวันนี้ขายไม่ค่อยดีเลย หนูเอาไป 50 บาทแล้วกัน เอาไปแบ่งกัน เด็กเริ่มผิดหวังเล็กน้อย เพราะเมื่อวานได้ 100 วันนี้ได้ 50 บาท ไม่เป็นไร วันรุ่งขึ้นเด็กมาใหม่ ได้ 10 บาท เด็กรู้สึกว่าไม่คุ้มแล้ว เล่นบอลได้ 10 บาท ไม่คุ้มเลย สุดท้ายเด็กไม่มา เลิกเล่นไป สมปรารถนาของลุง เด็กคิดว่าเขาเสียจากเดิมที่ได้ 100 บ. เขาได้แค่ 10 บาท มันหายไป 90 บาท เลยไม่รู้ว่าจะเล่นไปทำไม แต่ลืมไปว่า ก่อนหน้านั้นเขาเคยมาเล่นและไม่เคยได้เงินยังเล่นได้และมีความสุขด้วย ถ้าเขาเปรียบเทียบวันก่อนฉันเล่นแล้วไม่ได้เงินเลย วันนี้ฉันได้ 10 บาท เด็กน่าจะมีความสุข แต่นี่เด็กมองไม่เป็น ไปมองว่า 2 วันก่อนฉันได้ 100 เมื่อวานนี้ฉันได้ 10 เสียไป 90 เด็กมองว่าตัวเองเสียไป 90 ไม่ได้มองว่าตัวเองได้ 10 เลยไม่เล่น อันนี้ถามว่าเด็กโง่หรือเด็กฉลาด ได้แง่คิดว่าคนเราถ้าทำเพื่อเงินแล้ว มันมีความสุขยาก ก่อนหน้านั้นอยากเล่นเพื่อความสนุก เด็กมีความสุขกับการเล่น แต่พอเอาเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง มันกลายเป็นเล่นเพื่อเงินแล้ว พอได้เงิน 10 บาทไม่พอใจ
คนเราบางครั้งเป็นแบบนี้ เวลาทำอะไรถ้าไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องเราทำแบบมีความสุขเป็นจิตอาสา หรือว่าไปช่วยปลูกต้นไม้ กวาดใบไม้ ช่วยทำความสะอาด เบขยะ มีความสุข เป็นจิตอาสาแต่พอมีคนเห็นดีเห็นงามเขาให้เงิน ให้ 100 เราดีใจ แต่ว่าพอวันหลังไปทำงานอาจจะด้วยใจรักเหมือนเดิม ทีนี้ได้มา 50 เริ่มเสียความรู้สึก และถ้าวันต่อไปได้ 10 บาท ไม่ทำแล้ว คือพอเงินมันนำหน้า มันปลุกให้เกิดตัณหา จากทำด้วยความสมัครใจด้วยความชอบ พอมีเงินเข้ามาเกี่ยวข้องมันค่อยๆ ปลุกตัณหาให้เกิดขึ้นกลายเป็นว่าทำเพราะตัณหา ทำเพราะคาดหวังเงิน พอไม่ได้จะทำให้มีความทุกข์ หรือได้ 10 บาทมีความทุกข์ ทั้งๆ ที่น่าจะดีใจเพราะทำแล้วได้ความสุขด้วย และได้เงินด้วย 10 บาท แต่คนส่วนใหญ่มักไม่คิดแบบนั้นเปรียบเทียบไม่เป็น มองไม่เป็นจะเห็นแต่เสีย ได้คือเสีย แต่ถ้ามองเป็นบางทีเสียคือได้ เสียเวลาไปทำงานช่วยเหลือผู้คนแต่ว่าได้ ได้ความสุข คนเราจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่มุมมอง เพราะฉะนั้นถ้าเรา เวลาเรามีความทุกข์ขึ้นมาให้ลองกลับมาดูใจเราว่า เรามองผิดหรือป่าว ไอ้ที่เราทุกข์เพราะเราไปมองเปรียบเทียบหรือป่าว เพราะเราไปเปรียบเทียบคนอื่นหรือป่าวทั้งๆที่เราได้ แต่มองไม่เป็น ความเปรียบเทียบดี หรือการมองทางลบดี มันทำให้คนเรามีความทุกข์ได้ง่าย และมุมมองนี่มันครอบจิตครอบใจจนกระทั่งบางทีเรามองไม่เห็น เหมือนใส่แว่นจนชิน จนลืมไปว่าใส่แว่น เราต้องกลับมาดูว่าใส่แว่นผิดหรือป่าว มันเป็นแว่นดำ ไม่ใช่เป็นแว่นสว่าง เลยเห็นโลกมืด