แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันละสังขารของหลวงพ่อคำเขียน จึงมีกิจกรรมเพื่อบูชาสักการะหลวงพ่อ แต่ไม่ใช่บูชาด้วยวัตถุสิ่งของ ดอกไม้ ธูปเทียน อันนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือจะมีการปฏิบัติบูชา เราจะมีการปฏิบัติบูชาตั้งแต่สองทุ่มไปจนตลอดถึงตีสามครึ่งของวันพรุ่งนี้ ก็เรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรมข้ามคืน เป็นเรื่องที่อยากจะเชิญชวนญาติโยมศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อให้มาร่วมปฏิบัติ หรือใครที่มีศรัทธาจะมาร่วมปฏิบัติ จะมาปฏิบัติตั้งแต่เช้านี้เลยก็ยิ่งดี เพราะฉะนั้นเรื่องการบูชาด้วยการปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องสำคัญ เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ และเป็นสิ่งที่ชาวพุทธทุกคนควรจะปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ รวมทั้งเมื่อเรามีครูบาอาจารย์ เราก็ปฏิบัติตามครูบาอาจารย์ รวมทั้งการทำความเพียรด้วย
เรื่องการบูชาด้วยการปฏิบัติ เคยมีตัวอย่างในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงปลงอายุสังขารในพรรษาสุดท้าย ออกพรรษาเสร็จพระองค์ก็ทรงปลงอายุสังขาร ซึ่งอันนี้พวกเราทราบดี ทรงปลงอายุสังขารว่าจะเสด็จปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนหกของปีถัดไป พระสงฆ์หลายรูปพอได้ฟังคำตรัสเช่นนี้ก็ตกใจ เสียใจ หลายองค์ก็นึกไม่ถึง เพราะว่าเป็นข่าวร้าย อยู่กับพระพุทธเจ้ามาก็หลายสิบปี ไม่คิดว่าสักวันหนึ่งชีวิตนี้จะไม่มีพระพุทธเจ้า จิตใจก็หดหู่เคว้งคว้าง ขณะที่พระองค์ยังไม่ทรงเสร็จปรินิพพาน พระสงฆ์กลุ่มหนึ่งก็มานั่งปรึกษากัน ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร ก็มานั่งคุยถึงเรื่องที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพาน และคงจะปรึกษาเรื่องงานเรื่องการกันด้วยที่สืบเนื่องกับการปรินิพพานของพระองค์
แต่มีพระรูปหนึ่งชื่อพระติสสะ พระติสสะในสมัยพุทธกาลมีพระที่ชื่อติสสะเยอะนะ เป็นร้อยหรืออาจจะเป็นพันด้วยซ้ำ เพราะเป็นชื่อสามัญ เมื่อได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพาน แทนที่จะตกใจท้อแท้ ก็มาคิดว่า เราเองตั้งใจจะปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ บัดนี้อีกไม่นานพระองค์ก็จะเสด็จปรินิพพาน อย่ากระนั้นเลยเราควรจะเร่งกระทำความเพียร เพื่อให้ได้บรรลุอรหันตผล ก่อนที่พระองค์จะเสด็จปรินิพพาน ก็เลยปลีกตัวแยกตัวออกมาปฏิบัติแต่ผู้เดียวเพื่อทำความเพียร ภิกษุรูปอื่นเห็นเช่นนั้นก็ไม่พอใจ หาว่าพระติสสะไม่มีความจงรักภักดีในพระพุทธเจ้า ในขณะที่ผู้คนกำลังเศร้าโศกเสียใจ พระติสสะกลับหลีกเร้นไปอยู่คนเดียว ก็เลยไปทูลฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็เรียกตัวมาถาม จริงๆพระพุทธเจ้าคงทราบแล้ว แต่นี่คงเป็นวิธีการของพระพุทธเจ้าเวลาที่มีคำกล่าวหาติเตียน พระองค์จะเรียกคู่กรณีมาแล้วซักถาม ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกฟ้องได้รู้เหตุผลและได้เข้าใจ เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถูกฟ้องหรือผู้ถูกตำหนิได้ชี้แจงแสดงเหตุผล เป็นวิธีการที่พระองค์ใช้มาตลอด ไม่ใช่ว่าพระองค์ไม่รู้ พระองค์รู้แต่ต้องการทำให้คนที่มีอะไรค้างคาใจได้เข้าใจและก็แล้วใจ พระติสสะก็พูดเหตุผลว่าทำไมถึงปลีกตัวออกไปปฏิบัติ พระพุทธเจ้าฟังแล้วก็อนุโมทนาสาธุการ แล้วบอกให้พระทั้งหลายเอาพระติสสะเป็นแบบอย่าง
พระพุทธเจ้าอยากจะให้พระสาวกสนใจการปฏิบัติมากกว่าที่จะมานั่งเศร้าโศกเสียใจเรื่องที่พระองค์จะปรินิพพาน เพราะเสียเวลาเปล่า เพราะฉะนั้นเมื่อเทียบกัน ถ้าจะเอาเวลาไปซื้อของเพื่อเอาดอกไม้ธูปเทียนมาสักการะบูชาพระองค์ พระองค์ก็คงจะไม่เห็นด้วย เอาเวลาเอาเรี่ยวแรงไปปฏิบัติธรรมทำความเพียรดีกว่า เพราะฉะนั้นเรื่องอามิสบูชาแม้ว่ามันจะมีประโยชน์ แต่สู้ปฏิบัติบูชาไม่ได้
และบัดนี้หลวงพ่อคำเขียนก็ได้จากไป หลวงพ่อไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ ทรัพย์สมบัติก็ไม่ได้ทิ้งอะไรไว้ อาจจะทิ้งไว้ก็คือวัดและป่าซึ่งเป็นมรดกที่หาค่ามิได้ วัดป่าสุคะโตหรือว่าป่าที่หลวงพ่อได้ดูแลรักษา ในด้านหนึ่งเราต้องรักษาป่าที่หลวงพ่อได้อนุรักษ์ไว้ ซึ่งได้ทำไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พระทั้ง 3 วัดที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อก็ไปปลูกป่ากันที่ภูหลง แดดแรงมากโดนเผากันเกรียมแต่ก็สู้ เป็นการแสดงถึงความเคารพและนับถือหลวงพ่อ และต้องการสานต่อมรดกที่หลวงพ่อได้มอบเอาไว้ แต่ว่าหลวงพ่อยังมีมรดกอีกอย่างก็คือธรรมมะ คำสอนของหลวงพ่อ เราไม่เพียงแต่ฟังเฉยๆ ควรนำมาปฏิบัติทำให้เกิดขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัว
ที่จริงก็คงปฏิบัติกันอยู่แล้วทุกวัน แต่ว่าอยากให้คืนนี้เป็นคืนพิเศษ เพราะว่าถ้าเราปฏิบัติทั้งคืนตลอดคืน เราจะได้มาอย่างหนึ่งนั่นคือความเพียร เป็นการทำให้จิตใจเข้มแข็งขึ้น เพราะว่าการทำอะไรก็ตาม ถ้าทำด้วยความยากลำบากมันจะทำให้จิตใจเราเข้มแข็ง เพราะในระหว่างที่ทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย มันจะมีกิเลสมาก่อกวนมาล่อลวง ไม่ไหวแล้วๆ ปฏิบัติทั้งคืนเชียวหรือ ฉันจะทำได้ยังไง แล้วสุขภาพฉันจะเป็นยังไง แล้ววันรุ่งขึ้นฉันจะไม่สบายหรือเปล่า นี่คือกิเลสมันมาหลอกมาล่อ บางทีก็มีความท้อแท้ความไม่มั่นใจตัวเอง อันนี้แหล่ะคือสิ่งที่เราต้องรู้ทันแล้วก็ข้ามไปให้ได้ กิเลสเหล่านี้มันจะมาตอนที่เราทำอะไรที่มันยากที่ไม่คุ้นเคย ทำอะไรที่มันง่ายๆ ทำสมาธิวันละครึ่งชั่วโมง อันนี้มันง่ายๆ กิเลสมันปรับตัวได้ มันก็ไม่โผล่มารังควาน แต่ว่ามันจะมันจะมารังควานตอนที่เราทำสิ่งที่ยากสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ที่นี้มารังควานแล้วเป็นยังไง เราก็รู้ไง เราต้องหาทางที่จะใช้สติใช้ปัญญาและใช้วิริยะเข้าไปจัดการกับมัน อันนี้เป็นโอกาสที่ทำให้เราได้ฝึกตน ได้พัฒนาตน ซึ่งปกติเราทำคนเดียวบางทีก็ทำยากในการที่จะไม่นอนทั้งคืน เพราะเรามักจะมีข้ออ้างสารพัด ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่เคยทำ สุขภาพฉันไม่ดี มันจะมีข้ออ้างเยอะ แต่ถ้าเกิดว่าเราทำกันหลายคน มาร่วมกันทำ มันจะเกิดกำลังใจ ในยามที่เราไม่ไหวแล้วๆ แต่เห็นเด็กเห็นคนแก่อายุ 90 ยังทำอยู่ เห็นเด็กอายุ 15 ยังทำอยู่ เราเป็นพระนะแต่โยมผู้หญิงเค้ายังปฏิบัติกันจริงจัง ถ้าจะยอมแพ้เค้าก็กระไรอยู่ จะเข้าไปนอนก็กระไรอยู่ เราปฏิบัติธรรมมา 20 ปี แต่นักปฏิบัติธรรมที่เค้ามาใหม่เค้ายังเต็มใจทุ่มเท พอเห็นคนอื่นเค้าทำเราก็เกิดกำลังใจ มันก็สามารถเอาชนะกิเลส เอาชนะความอ่อนแอท้อแท้ภายในได้ เรียกว่าการปฏิบัติธรรมแบบนี้มันมีตัวช่วย เพราะว่าถ้าทำคนเดียวตัวช่วยมันน้อย เราก็จะพ่ายแพ้กิเลส ยอมแพ้ต่อความอ่อนแอได้ง่าย
ตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า หลวงพ่อคำเขียน เราศรัทธาท่านนับถือท่าน ถ้าปฏิบัติคนเดียวในวันธรรมดาคงจะไม่มีแรงจูงใจที่จะกระตุ้นให้เกิดความเพียร แต่พอเราระลึกได้ว่าทำถวายหลวงพ่อ ทำเนื่องในโอกาสที่หลวงพ่อมรณภาพครบ 2 ปี หลวงพ่อมรณภาพแค่ 2 ปี ปรากฎว่าลูกศิษย์พ่ายแพ้ต่อกิเลสกันเป็นแถว มันก็เสียชื่อท่าน ต้องแสดงให้เห็นว่าแม้หลวงพ่อท่านจะจากไปแต่กำลังใจหรือศรัทธาที่มีต่อท่านก็ไม่ได้คลอนแคลนหรือว่ารั่วไหลหายไปไหน ยังมีเหมือนเดิมหรืออาจจะยิ่งกว่าเดิม ซึ่งก็สามารถแสดงได้ด้วยการที่เรามาพร้อมใจกันทำความเพียรในวันนี้ ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อจากไป 2 ปี คนที่ทำความเพียรมีแค่ 2-3 คน มันไม่ใช่แค่น่าอับอายสำหรับคนที่เป็นลูกศิษย์เท่านั้น แต่มันทำให้สงสัยว่าทำไมคนที่จะทุ่มเทให้หลวงพ่อเพียงแค่นี้ยังไม่มีเชียวหรือ เพราะฉะนั้นโอกาสนี้เป็นโอกาสดีที่จะทำให้เราสามารถที่จะระดมความเพียรได้ดีกว่า เป็นโอกาสที่เราจะมีตัวช่วยในการที่จะชนะกิเลส เรื่องการอดนอนก็มีเหตุผลที่จะทำให้เราอดนอนได้ เช่นงานสนุกสนานรื่นเริง งานปีใหม่ สังสรรค์กัน กินเหล้ากันทั้งคืนจนถึงเช้าเราก็ทำได้ แต่เวลาเราจะทำความดีทำไมเราจะทำไม่ได้ ลองถามตัวเราเองบ้าง ที่จริงมันไม่ใช่ต้องการหาทุกข์ใส่ตัว การอดนอนมันก็ทำให้เกิดความทุกข์กาย แต่ว่ามันเป็นโอกาสดีที่เราจะฝึกใจว่ากายทุกข์แต่ใจไม่ทุกข์ได้ไหม กายง่วงแต่ใจมันตื่นได้ไหม มันเป็นเพียงแค่การบ้านเพื่อที่จะฝึกเรา ถ้าทำเต็มที่แล้วสู้ไม่ไหว ไปนอน อย่างนี้ไม่เป็นไร ถือว่าได้ทำความเพียรแล้ว แต่ไม่ใช่ว่ายังไม่ทันจะทำเลยก็ยอมแพ้แล้ว
พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับว่าเวลาจะไปทำศึกสงคราม ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันจะปรากฎตัวเลย พอเห็นธงของฝ่ายตรงข้ามก็ยอมแพ้ทิ้งดาบทิ้งหอกเสียแล้ว อันนี้พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเหมือนกับพระที่ไม่มีความเพียรหรือไม่มีความกล้า ยังไม่ทันจะสู้เลยเพียงแค่เห็นธงเค้าก็ยอมแพ้แล้ว ธงนี่มันเห็นง่ายกว่ากองทัพเพราะมันอยู่สูง เห็นธงแล้วเห็นกองทัพมาก็ยังไม่กลัว อย่างน้อยต้องสู้กันสักพักสู้กันสักยก สู้ไปแล้วก็ไม่ใช่ว่ายอมแพ้ ก็ยังต้องสู้เรื่อยๆ อันนี้คือสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ว่าเรามาทำความเพียรด้วยการปฏิบัติ อันนี้เรียกว่าชาคริยานุโยค เนสัชชิก คือไม่เอาหลังทาบกับพื้น จะเดิน จะยืน จะนั่ง หรือแม้แต่จะพิงเสาก็แล้วแต่ แต่ก็จะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อถีนมิทธะ (ความง่วง) ซึ่งที่จริงก็เป็นลูกน้องของมารแต่เป็นลูกน้องชั้นเลว ถีนมิทธะ (ความง่วง) เป็นลูกน้องทหารเลวของพญามาร พญามารยังมีลูกน้องที่เป็นเสนาที่ยิ่งใหญ่เก่งกล้ากว่านี้เยอะ ถ้าเจอแค่ความง่วงแล้วแพ้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว จะไปเอาชนะกิเลสที่ใหญ่กว่านั้น เอาชนะวิชชาก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะว่านั่นเป็นเสนามารที่ฉลาดมาก เก่งมาก
เพราะฉะนั้นให้เรารู้ว่าความง่วงที่มันจะมารบกวนเราคืนนี้มันเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย และความอ่อนแอก็เป็นสิ่งที่เล็กน้อยมาก เพราะกิเลสตัวจริงมันใหญ่กว่านั้นเยอะ พญามารที่แท้จริงมันยิ่งใหญ่กว่านั้นเยอะ ถ้าแค่นี้ยังไม่ผ่านอย่างอื่นก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ก็ขอเชิญชวนมาปฏิบัติ ถ้าทำได้ก็ค้างคืนเลย ขณะเดียวกันถ้าตั้งใจทำก็ให้ออมแรงเอาไว้ ไม่ใช่ปล่อยใจฟุ้งซ่าน ใจที่ฟุ้งซ่านเป็นตัวบั่นทอนแรง ทำให้ใจล้าและเหนื่อยได้ง่าย พอถึงเวลาที่จะไปปฏิบัติธรรมข้ามคืน ใจที่มันท้อใจที่มันอ่อนแรงมันก็เลยสู้กิเลสไม่ไหว