แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ชาวพุทธเราต้องรู้จักเลือกเอาธรรมะเป็นสรณะ อย่างที่เราสวดเมื่อสักครู่ ไปถือเอาภูเขา ป่าไม้ อาราม รุกขเจดีย์ เป็นสรณะมันไม่ใช่สรณะอันประเสริฐ คือมันไม่ได้ช่วยทำให้พ้นทุกข์ได้ มันอาจจะช่วยทำให้สุขชั่วคราว เช่น ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยอยู่ได้บ้าง หรือว่าอาจจะทำให้ร่ำรวย พวกนี้มันเป็นความหวังของคนจำนวนมาก ที่ไหนมีวัตถุมงคลก็ไปหามา หามาเพื่ออะไร เพื่อจะได้ร่ำรวยบ้าง เพื่อจะได้อยู่ยงคงกระพัน ไร้อันตราย แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีจริง หรือว่ามีอานุภาพจริงมันก็ไม่ใช่เป็นสรณะอันเกษม มันไม่ได้ช่วยทำให้พ้นทุกข์จริง
มีเรื่องเล่าว่าสมัยที่หลวงพ่อปาน หลวงพ่อปานวัดบางนมโค ท่านมีชื่อมากมรณภาพไปเมื่อแปดสิบปีที่แล้ว เป็นที่นับถือแม้กระทั่งทุกวันนี้คนแถวอยุธยาภาคกลาง ตอนที่ท่านเป็นพระหนุ่มท่านก็ไปแสวงหาวิชาความรู้ ก็มีหลวงพ่อองค์หนึ่งชื่อหลวงพ่อสุ่น เขาลือกันว่าท่านมีคาถาอาคมและก็มีความรู้เรื่องสมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ หลวงพ่อปานก็เลยไปเรียน สมัยก่อนเขาก็ทำกันอย่างนี้แหละ ที่ไหนมีครูบาอาจารย์เก่งทางไหนก็ไปเรียนทางนั้น หลวงพ่อสุ่นท่านก็สอน สอนเรื่องคาถาอาคมสอนเรื่องสมุนไพร แต่ก็ย้ำกับหลวงพ่อปานว่า อย่าอยากรวย อย่าอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพวกนี้พอมีแล้วถึงเวลามันเสื่อมก็ทุกข์ แล้วท่านก็ย้ำว่าพระเราถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ มันต้องรวยด้วยบุญญาบารมี หลวงพ่อปานเรียนคาถาอาคม เรียนสมุนไพรได้เสร็จก็ไปหาวิชาความรู้ต่อ คราวนี้ก็มาเรียนด้านปริยัติธรรม ปริยัติธรรมก็เรียนเกี่ยวกับเรื่องพระไตรปิฎก เกี่ยวกับเรื่องคัมภีร์เกี่ยวกับธรรมะนั่นแหละ ก็ดั้นด้นมาจนถึงกรุงเทพ ไปเรียนที่วัดสระเกศ วัดสระเกศก็คือภูเขาทองนั่นแหละ ตอนนั้นยังเป็นพระหนุ่มเป็นพระผู้น้อย ปัจจัยก็มีไม่มาก วัดสระเกศคงจะมีพระมาก ท่านเองบิณฑบาตก็บิณฑบาตได้น้อยอาหารก็น้อย ไม่พอฉันก็เป็นประจำ ความหิวเกิดกับท่านอยู่บ่อยๆ บางทีท่านก็รู้สึกท้อแท้ มีวันหนึ่งจำวัดก็ปรากฏว่าจะเรียกว่าฝันหรือว่ามีนิมิต เทวดามาหาแล้วก็บอกหวยด้วย บอกหวย แถมเทวดาบอกว่าถ้าจำไม่ได้จะเขียนให้ดู เขียนให้ดูแล้วในนิมิตท่านถามว่าจำได้ไหม หลวงพ่อปานบอกจำได้แล้วเทวดาก็หายไป แทนที่ท่านจะดีใจท่านกลับคิดหนัก จะซื้อหวยดีไหม ไม่ใช่กลัวไม่ถูก กลัวถูก นึกถึงคำของหลวงพ่อสุ่นว่า พระเราถ้ารวยไม่ใช่พระ มันต้องรวยด้วยบุญญาบารมี ตกลงรุ่งเช้าท่านก็ไม่ไปซื้อ วันนั่นหวยออกปรากฏว่าตรงกับที่เทวดาบอก แต่ท่านไม่เสียใจเลย เพราะท่านตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะไม่ซื้อ เพราะว่านึกถึงคำหลวงพ่อสุ่น พระเราถ้ารวยก็ไม่ใช่พระ ท่านก็ไม่เสียใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าถึงแม้ถูกถ้าหากซื้อไปได้เงินมามันก็ไม่ได้ดีอะไร อันนี้เขาเรียกว่า หลวงพ่อปานนี่ท่านได้วิชา ได้วิชาที่สำคัญกว่าคาถาอาคม เป็นวิชาสะเดาะกิเลส
วิชาอาถาอาคมมันมีหลายวิชาหลวงพ่อท่านก็รู้แม้กระทั่งวิชาสะเดาะกุญแจ พระนี่ก็ไปเรียนมาก เรียนเรื่องยันต์เรื่องคาถาอาคม เรียนเรื่องการสะเดาะกุญแจ หลวงพ่อปานท่านก็รู้สะเดาะกุญแจทำยังไง แต่ว่ามันไม่ประเสริฐเท่ากับการสะเดาะกิเลสออกจากใจ ความอยาก อยากรวยก็มีแต่ว่าท่านก็ระงับความอยากได้ เพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เป็นสรณะ คาถาอาคมนี่ท่านมี แม้มันจะช่วยทำให้ท่านร่ำรวยได้แต่ท่านก็ไม่ทำ อันนี้เพราะมีวิชาสะเดาะกิเลสออกจากใจ วิชานี้มันดีกว่าวิชาสะเดาะกุญแจ เพราะถ้าสะเดาะกิเลสได้นี่มีความสุข แม้ว่าท้องจะหิวแต่ว่าจิตใจมีความสุข ตอนหลังท่านก็เรียนจบ ท่านก็กลับไปที่บ้านเกิด แล้วก็บำเพ็ญภาวนา บางทีก็ออกธุดงค์ไปในป่าในที่ไกลๆ ก็ได้ขัดเกลาลดละกิเลส เจริญกรรมฐานสร้างปัญญาให้เกิดขึ้น จนกระทั่งเป็นที่พึ่งพาอาศัยของญาติโยมได้ เพราะว่าท่านมีธรรมะเป็นที่พึ่ง จนกระทั่งพึ่งตนเองได้ หลวงพ่อสุ่นท่านก็น่าสนใจ ท่านเก่งมาก แต่ท่านก็อยู่อย่างสมถะ ท่านไม่ได้สอนคนอื่นอย่างเดียวท่านสอนตัวเอง แล้วก็เลยสอนคนอื่นรวมทั้งหลวงพ่อปาน อย่าไปอยากรวย อย่าไปอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ ท่านก็สงเคราะห์ญาติโยมไป
ท่านก็อยู่อย่างง่ายๆ ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ ไม่ได้เรียกร้องเงินทองจากใคร อันนี้แหละเป็นวิสัยของพระ แล้วก็เป็นธรรมะที่ที่จริงแล้วนี่เอามาใช้กับญาติโยมได้ คำว่าอย่าอยากรวย อย่าอยากมียศถาบรรดาศักดิ์ อันนี้ก็ใช้กับฆราวาสได้ เพราะว่าอย่างที่หลวงพ่อสุ่นบอก ถ้ามีแล้วถึงเวลาที่มันเสื่อมไปก็ทุกข์ ที่จริงมันทุกข์ตั้งแต่ตอนที่ไปหามาแล้ว เพราะมันต้องแย่งชิงกัน สมัยที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญยังมีชีวิตอยู่ คราวหนึ่งก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งมากราบท่านแล้วก็บอกว่า เพิ่งไปเช่าพระอุปคุตมา ท่านก็ถามว่าเช่ามาทำไม เขาก็ตอบว่าอยากรวยครับ เช่าแล้วนี่เดี๋ยวจะมีโชคมีลาภ ร่ำรวย หลวงปู่ดู่ท่านก็เลยพูดเปรยๆ ขึ้นมาว่ารวยกับซวยนี่มันใกล้กันนะ ชายหนุ่มคนนั้นก็งงหมายความว่ายังไงครับหลวงปู่ ทีแรกท่านก็บอกว่ามันเขียนคล้ายๆ กัน เสร็จแล้วท่านก็อธิบายว่า ถ้าอยากรวยมันก็ต้องเหนื่อย เหนื่อยกับการที่ต้องไปหามาอันนี้ก็ทุกข์อยู่แล้ว ไม่ได้ก็ทุกข์ ได้มาก็ยังทุกข์ในการต้องรักษา กลัวคนมาแย่งชิง แล้วถึงเวลามันเสื่อมมันหายไปก็ทุกข์อีก มันมีแต่ทุกข์ทั้งนั้น ท่านว่าอย่าเอารวยเลยเอาความดีดีกว่า อันนี้พูดเหมือนหลวงพ่อสุ่นเลย ว่าถ้ารวยก็ไม่ใช่พระรวยด้วยบุญญาบารมีดีกว่า รวยด้วยบุญญาบารมีหรือรวยความดีมันก็ไม่ใช่เหมาะกับพระเท่านั้น กับญาติโยมอย่างเรามันก็เหมาะเหมือนกัน และจำเป็นด้วยถ้าหากว่าอยากมีความสุขอย่างแท้จริง
หลวงปู่ดู่ท่านก็น่าสนใจ ตอนที่ท่านมาบวชท่านก็ไม่ได้สนใจธรรมะอะไรเลย ท่านอยากจะมาเรียนวิชาคาถาอาคม เรียนไปทำไม เรียนไปเพื่อที่จะได้กลับไปช่วยพ่อช่วยแม่ กลับไปหมายถึงฝึกไป ๆช่วยพ่อช่วยแม่ เพราะว่าท่านแค้น มีโจรมาปล้นบ้านปล้นพ่อปล้นแม่มาสองครั้งแล้ว ท่านเป็นหนุ่มทำอะไรไม่ได้เลย เจ็บใจและก็แค้นใจด้วย ก็เลยมาบวชพระ บวชเพื่อจะมาเรียนวิชาคาถาอาคม สมัยก่อนวัดมันเป็นแหล่งรวมวิชาความรู้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาหล่อพระ วิชาทำว่าว วิชาชกมวยรวมทั้งคาถาอาคมด้วย ทำเครื่องรางของขลังให้คงกระพันชาตรี หลวงปู่ดู่ท่านก็ตอนหนุ่มก็อย่างนี้แหละเข้าไปเรียนแต่สุดท้ายท่านก็ไม่สึก เพราะว่าไปเจอวิชาที่ดีกว่า คือวิชาพ้นทุกข์ ก็คือธรรมะนั้นแหละ ได้คาถาอาคมแล้วก็พบว่ามันมีของดีกว่านั้นคือธรรมะ ท่านก็เลยไม่สึกแล้วก็ช่วยทำให้ท่านเอาชนะศัตรูที่มันน่ากลัวกว่าโจรผู้ร้าย โจรผู้ร้ายมันปล้นได้แต่ทรัพย์ แต่ว่ามันปล้นเอาความสุขจากใจเราไปได้ แต่ถ้าเราไม่มีธรรมะความสุขของเราก็ถูกปล้นไปเรื่อยๆ ด้วยกิเลส กิเลสมันร้ายกว่าโจร โลภะ โทสะ โมหะมันร้ายกว่าโจร
โจรมันได้แต่ปล้นเอาทรัพย์ แล้วโจรสมัยก่อนมันก็มีคุณธรรมมันไม่ทำร้ายเจ้าทรัพย์ แม้กระทั่งว่าทรัพย์สินที่ติดตัวโจร ไม่แตะ ที่ติดตัวเช่นเสื้อผ้าหรือว่าสร้อยคอติดตัว โจรไม่แตะ เอาเฉพาะของที่เก็บไว้ที่บ้าน เช่น เงินทองเก็บไว้ในตู้เก็บไว้หีบโจรจะเอาไป ไม่ทำร้ายเจ้าทรัพย์ ไม่ทำร้ายนักบวช ไม่ฉุดพรากผู้หญิงไม่ทำร้ายเด็ก สมัยก่อนเขามีคุณธรรม หรือถึงไม่มีคุณธรรมมันก็ทำได้แต่ขโมยทรัพย์สมบัติหรือแม้แต่ทำร้ายร่างกาย แต่ว่ายัดเยียดความทุกข์ให้กับจิตใจไม่ได้ แต่กิเลส เช่นความอยากรวยอยากใหญ่ หรือว่าความโกรธอยากทำร้ายคนอื่น มันทำร้ายจิตใจ ยิ่งความหลงแล้วมันทำให้เป็นบ้าได้ด้วย ทำให้เจ้าของเป็นบ้า ซึมเศร้าจนฆ่าตัวตายหรือว่าคลุ้มคลั่งจนโดดตึกตาย กินยาฆ่าตัวตายพวกนี้น่ากลัวกว่า แต่ถ้ามีธรรมะรักษาใจใจมันสงบเย็นมันปลอดภัย พระสมัยก่อนมีหลายรูปก็มาวัดมาเรียนเพื่อจะเอาคาถาอาคมกลับไป กลับไปช่วยพ่อช่วยแม่กลับไปแก้แค้น มีหลวงพ่ออีกรูปหนึ่งท่านชื่อหลวงพ่อวันคนจังหวัดตรัง บวชเณรก็เพื่อจะเรียนคาถาอาคม ตั้งใจว่าจะสึกไป จะสึกไปเป็นนักเลงที่บ้านเพราะว่าพึ่งพาใครไม่ได้ โจรมาปล้นวัวลักควายมาปล้นบ้าน ทำอะไรไม่ได้เลยมันเสียเชิงชาย ก็เลยต้องไปเรียนคาถาอาคมจากพระ ไปตั้งแต่ยังเด็กไปเป็นเณร แต่สุดท้ายก็ไม่สึกเพราะว่าเจอของดีกว่า เจอของดีกว่าก็คือธรรมะนั่นแหละ วัดสมัยก่อนมันก็มีทั้งของที่ยั่วยวนใจ เช่นคาถาอาคมวัตถุมงคล แต่ว่านั่นเป็นเครื่องล่อเพราะว่ามันมีของที่ดีกว่าคือธรรมะ
สมัยก่อนคนก็ไม่ค่อยสนใจธรรมะหรอกสนใจแต่ของดีพวกนี้แหละ อยากรวยอยากคงกระพันอยู่ยงคงกระพัน โดยเฉพาะผู้ชายก็ชอบนักแล พอไปเรียนก็เจอของดีกว่าก็อยู่ต่อ สึกไปก็มี แต่สึกไปก็กลายเป็นคนที่ฉลาดเป็นคนดี พวกเราชาวพุทธก็ต้องฉลาด อย่าไปหลงใหลกับพวกสิ่งที่ว่าโลกธรรมแปด โดยเฉพาะโลกธรรมฝ่ายบวก ได้ลาภได้ยศ ได้สรรเสริญหรือว่าพวกวัตถุมงคล หรือว่าพวกคาถาอาคมมันดึงดูดใจตรงที่ว่า ถ้ามีแล้วมันจะทำให้รวยจะทำให้อยู่ยงคงกระพัน ทำให้ปลอดภัยไร้อันตราย แต่นั่นมันของชั่วคราวมันไม่ใช่ของจริงของแท้ สมัยที่หลวงพ่อเทียนมีชีวิตอยู่ ก็มี
โยมคนหนึ่งเอาพวกยันต์เอาพวกวัตถุมงคลมาให้หลวงพ่อดูแล้วก็ถามว่ามันดีจริงไหม มันทำให้อยู่ยงคงกระพันจริงหรือเปล่า ให้หลวงพ่อเทียนช่วยดูให้หน่อย คนที่ไปถามคงไม่รู้จักหลวงพ่อเทียนคงนึกว่าท่านเป็นอาจารย์กรรมฐานเป็นเกจิอาจารย์ หลวงพ่อเทียนท่านก็ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่ถามว่าคนทำตายหรือยัง เจ้าของก็บอกว่าตายแล้วเพราะว่ามันเป็นมรดกตกทอดมาหลายรุ่นแล้ว หลวงพ่อเทียนก็เลยบอกว่าขนาดคนทำยังตาย แล้วเราจะไปหวังพึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เราไม่ตายได้ยังไง ท่านบอกว่าคนทำยันต์คนทำตะกรุดยังตายเลย แล้วเราจะหวังว่ามันจะช่วยให้เราไม่ตายได้ยังไง ยังไงก็ต้องตายกันทุกคนนั่นแหละ บางคนจะบอกว่ายังไงก็ขอให้ตายดีไม่ตายโหงตายห่า ถ้ามีตะกรุดมียันต์ก็คงจะช่วยให้ตายดีไม่ตายโหงตายห่า
ตายดีหมายความว่ายังไง หลับตายไป ไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุ ไม่ได้ตายด้วยถูกคนมาทำร้าย แต่จริงหรือเปล่าว่าถ้าหลับไปเลยจะตายดี ถ้าหลับแบบไหลตายเอาไหม ไม่เอา ไหลตายก็ตายตอนหลับ ไม่มีใครอยากจะตายด้วยโรคไหลตายมันก็ตายไม่ดีเหมือนกัน ที่จริงตายดีตายไม่ดีมันอยู่ที่ใจด้วยว่าตอนนั้นใจเป็นยังไง ถ้าหากว่าใจเป็นกุศลแม้จะมีรถชนตายก็ถือว่าตายดี และจะตายดีแบบนี้ได้มันก็ต้องฝึก
มีผู้ชายคนหนึ่งถีบจักรยานอยู่ แล้วจู่ ๆ ก็มีรถพุ่งเข้ามาชน เพราะรู้ตัวเพียงแค่แว่บเดียวก่อนที่รถจะเข้ามาชน แต่ช่วงที่รู้ตัวแล้วก่อนที่รถจะชนมันแค่แว่บเดียวเอง เพื่อนก็เล่าว่าได้เห็นแสงสว่างแล้วก็เห็นหลวงพ่อที่นับถือ แล้วใจมันก็เริ่มสวดมนต์ตอนนั้นใจสงบมากเลย แล้วรถก็มาชนจนกระทั่งหมดสติ สมมุติว่าเพิ่นแทนที่จะหมดสติกลับตายคิดว่าเพิ่นไปดีไหม น่าจะดีเพราะว่าใจความกลัวบ่มีเลย มีแต่ใจที่เป็นกุศล นึกถึงครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือ นึกถึงบทสวดมนต์ โชคดีที่ไม่ตายแค่หมดสติ แต่ถ้าตายถือว่าไปดีด้วยเพราะว่าใจเป็นกุศล ร่างกายอาจจะมีแผลแต่ว่าใจสงบ นี่แหละคือตายดีแบบพุทธ ถึงแม้จะไม่มีวัตถุมงคลคอยปกป้องอันตราย แต่ว่ามีธรรมะปกป้องรักษาใจไม่ให้กลัว ไม่ให้เศร้าหมอง ไม่ให้ตื่นตระหนก อย่างนี้ดีกว่า คนเราทุกคนในเมื่อยังไงก็ต้องตาย ยังไงก็ต้องตายแน่นอนก็ขอให้มันต้องตายด้วยใจที่สงบ จะตายด้วยสาเหตุใดก็แล้วแต่ ไม่สำคัญเท่ากับว่าตอนนั้นก่อนตายใจเป็นทุกข์ไหม ใจมันตื่นตระหนกทุรนทุรายหรือเปล่า ถ้าใจสงบก็ถือว่าดี เพราะฉะนั้นสรณะอันเกษมที่แท้จริงก็คือธรรมะ มันช่วยคุ้มครองได้จริง เริ่มตั้งแต่การให้ทาน แทนที่จะไปหาไปซื้อวัตถุมงคลมา แทนที่จะไปบนบานศาลกล่าวเพื่อจะได้รวยถูกหวย เล่นไพ่ได้ดีเรามาให้ทาน ให้ทานมันช่วยได้ด้วย บางทีช่วยแบบที่คาดไม่ถึง
ที่ประเทศศรีลังกามีผู้ชายคนหนึ่งเพื่อนชอบเอาอาหารไปเลี้ยงปลาในทะเลสาบมันเป็นทะเลสาบที่ติดทะเลด้วย มันอยู่ใต้สุดของศรีลังกาเลย เพิ่นก็เลี้ยงปลาอยู่ทุกวัน ๆ ๆ ตอนเช้า ๆ สาย ๆ วันหนึ่งจระเข้มา มันคงเห็นปลามาขออาหารก็เลยจะมาขอบ้าง เพิ่นก็ให้ ขนมปังบ้างข้าวบ้าง เพื่อนก็บอกให้ทำไมจระเข้นี่มันน่ากลัวมันดุร้าย อย่าไปให้มัน เพิ่นก็ไม่สนใจก็ให้จนมันมาเป็นประจำเลย แล้ววันหนึ่งปรากฎว่ามันเกิดเหตุร้าย มันเป็นวันที่ 26 ธันวาคม 2547 จำได้ไหมว่าวันนี้วันอะไร เกิดสึนามิ สึนามิที่เมืองไทยแล้วมันก็ตามมาถึงที่พม่าแล้วก็ลังกา ลังกานี่เจอเต็มๆ เลยคนตายมากกว่าที่ไทย สองสามเท่าเลย เมืองไทยตายไปห้าพันลังกาตายไปสองหมื่นมั้ง สึนามิมาเป็นคลื่นใหญ่ ผู้ชายคนนั้นเป็นช่วงที่กำลังจะให้อาหารปลาพอดี สึนามิก็ซัดเข้ามาในฝั่งเลย แล้วมันก็ลากทุกอย่างลงทะเล คน รถยนต์ บ้านเรือนถูกลากลงทะเล ผู้ชายคนนี้ก็โดนคลื่นลากเข้าไปในทะเลออกไปในทะเลกว้าง จะจมน้ำอยู่แล้วก็คว้าโน่นคว้านี่ไปคว้าท่อนไม้ได้ นึกว่าจะช่วยได้ท่อนไม้ก็หลุดมือ กำลังจะตายอยู่แล้วปรากฎว่าไปคว้าได้ซุง ซุงใหญ่อยู่ซุงหนึ่งก็คว้าไว้แล้วเกาะไว้แน่น แล้วก็ มันก็ค่อยขึ้นมาอยู่เหนือน้ำ ก็ทำให้ได้หายใจ อยู่ๆ ก็สังเกตปกติซุงมันก็ต้องไหลไปตาม ไหลไปตามคลื่น ทำไมซุงมันสวนทางกับคลื่น ปรากฎว่ามันไม่ใช่ซุง มันเป็นจระเข้ จระเข้ตัวเดียวกับที่เคยให้อาหาร มันมาช่วยชีวิต มาช่วยชีวิตทำให้ในที่สุดก็รอดตาย รอดตายเพราะอะไร รอดตายเพราะเมตตาที่เคยให้ทาน เคยให้อาหารกับจระเข้ ผู้ชายคนนี้ถ้ามีวัตถุมงคลมียันต์มีปลัดขิกมีตะกรุดนี่ก็คงตาย เพราะว่ายันต์หรือวัตถุมงคลนี้มันแค่ยิงไม่เข้าแทงไม่เข้าแต่ว่าไม่ป้องกันสึนามิเลย ไม่ได้ป้องกันให้ไม่จมน้ำ แต่นี่รอดตายเพราะอะไรเพราะความดี ให้ทาน นอกจากความดีธรรมะก็ยังหมายถึงการมีปัญญา มีปัญญาเห็นธรรมดาของสิ่งทั้งหลาย คนเรายังไงก็ต้องเจ็บต้องป่วย แต่ป่วยแล้วไม่ทุกข์ก็ได้ด้วย บางทีเครื่องรางของขลังมันก็ไม่ได้ป้องกันให้ไม่ป่วย แต่ถึงเวลาป่วยใจก็สงบได้ เพราะอะไร เพราะมีธรรมะ เห็นว่าเป็นธรรมดา เป็นมะเร็งแต่ว่าใจสงบ สามารถที่จะอยู่กับมะเร็งได้อย่างเป็นปกติสุข สูญเสียเงินทองใจก็เป็นปกติได้อย่างที่เล่าเมื่อวาน น้ำท่วมพัดพาทรัพย์สมบัติไป แต่เพิ่นก็ไม่เศร้าไม่โศก กลับมองว่าเขามาสอนให้เราเห็นว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราเลย อันนี้แหละคือธรรมะ เป็นธรรมะที่ทำให้รู้จักปล่อยรู้จักวางได้ ถึงเวลาจะตายก็ตายได้อย่างสงบด้วย
คนที่มีแต่คาถาอาคมมีวัตถุมงคล ถึงเวลาตายมันทุรนทุรายเพราะว่าทำใจบ่ได้ คิดแต่ว่าฉันจะไม่ตาย คิดแต่ว่าฉันจะไม่ตายถึงเวลามันตายอาจจะไม่ตายด้วยกระสุน ด้วยปืนด้วยมีดด้วยหอกแต่มันตายด้วยโรคร้าย แต่ถ้ามีธรรมะความป่วยความตายก็ทำอะไรเจ้าของไม่ได้ เพราะรู้ว่ามันเป็นธรรมดา พร้อมรับความตายได้ มีคุณยายคนหนึ่งอันนี้ไม่รู้ว่าเคยเล่าให้ฟังหรือยัง ทุกเช้าก็ไปใส่บาตร ทำอาหารใส่บาตถวายพระ คนที่เล่าเป็นหลาน หลานตื่นเช้าขึ้นมาทุกวันตีห้าจะไปทำงานก็เห็นยายกับแม่อยู่ในครัว เพื่อทำอาหารถวายพระใส่บาตรพระทุกเช้า แต่หลานต้องไปทำงาน ไม่ค่อยได้ใส่บาตรหรอกยกเว้นเสาร์อาทิตย์ วันหนึ่งหลานตื่นขึ้นมาจะไปทำงานเห็นแต่แม่อยู่ในครัวยายไม่อยู่ หลานก็เลยไปที่ห้องนอนของยาย แล้วก็ถามว่ายายวันนี้ไม่ใส่บาตรเหรอ ก็มีเสียงยายตอบมาว่าไม่ใส่ละวันนี้จะสวดมนต์นั่งสมาธิ หลานก็ไม่ได้นึกอะไรก็ถามยายต่อไปว่า แล้วยายอยากได้อะไรไหมกลับมาจะซื้อมาฝาก ยายก็ตอบว่าไม่เอาอะไรแล้ว แล้วหลานก็ไปทำงาน ตอนสายยายก็ไม่ออกมากินข้าว แม่เป็นคนเล่าซึ่งเป็นลูกของยายก็เลยไปเรียก เรียกที่หน้าห้องไม่มีเสียงตอบก็เลยเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นแม่ของตัวเองนุ่งขาวห่มขาวนั่งพิงเสาข้างหน้าก็มีร่องรอยจุดธูปเทียน เรียกชื่อแม่ แม่ไม่ตอบนึกว่าหลับไปก็เลยจับตัวแม่เขย่า พอแตะตัวแม่เท่านั้นแหละ ร่างของแม่ก็ลงมากองอยู่บนพื้นเลย แปลว่าอะไรแปลว่าหมดลมแล้ว หมดลมเมื่อสักครู่นี่เอง ยาย ยายของคนเล่าหรือว่าแม่ของคนที่มาจับตัวเขย่านี่ ถามว่าเพิ่นรู้ไหมว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเจ้าของ น่าจะรู้เพราะถ้าไม่รู้ก็คงไปใส่บาตรแล้ว แต่พอรู้ว่าวันนี้เป็นวันตายก็ไม่ใส่บาตรแล้ว นุ่งขาวห่มขาวนั่งสมาธิสวดมนต์ ถ้ารู้ว่าจะตายทำไมไม่บอกลูกบอกหลาน ก็ไม่จำเป็นแล้วเพราะว่าสั่งเสียเรียบร้อยแล้ว ตายแบบสงบ ตายแบบไม่กลัวตายเลย ไม่มีความกลัวพร้อมจะตายคนเดียว อันนี้เพราะอะไรเพราะมีธรรมะ
คนที่จะตายแบบนี้ได้ต้องทำความดีมาความชั่วไม่แตะเลย ไม่มีอะไรต้องห่วงไม่มีหนี้สินอะไรที่จะต้องกังวล ทำผิดกับใครก็ขอขมาเรียบร้อย แล้วต้องรู้จักปล่อยวางด้วยถ้าไม่ปล่อยวางก็ตายยาก ฝึกใจปล่อยวาง หลานมารู้ว่ายายตายตอนสายๆ ก็นึกได้ว่ายายพูดว่าไม่เอาอะไรแล้วคือปล่อยวาง ใจปล่อยวางก็ธรรมะ ธรรมะมันช่วยทำให้แม้กระทั่งความตายก็ไม่ทำให้เจ้าของตื่นกลัว ถึงเวลาจะตายก็พร้อมรับความตายได้ เดินเข้าสู่ความตายด้วยใจสงบ อันนี้เป็นเพราะธรรมะ อย่างอื่นทำให้ไม่ได้ด้วย เงินทองยศศักดิ์ชื่อเสียงวัตถุมงคล แม้แต่วิชาอาคมก็ช่วยบ่ได้ รวยแค่ไหนก็ตายแบบนี้ยาก มีแต่ธรรมะเท่านั้นแหละที่จะช่วยทำให้เวลาอยู่ก็มีความสุข เวลาตายก็ไปสงบ นี้แหละคือเหตุผลว่าทำไมพวกเราชาวพุทธต้องเอาธรรมะเป็นที่พึ่งเป็นสรณะอันประเสริฐ อย่างอื่นแม้มันจะดีจริงอย่างที่เขาว่า แต่มันก็ดีชั่วคราว มันไม่ได้ป้องกันไม่ให้แก่ไม่ให้เจ็บไม่ให้ตายได้ มันไม่ได้ป้องกันกิเลส มันไม่สามารถจะป้องกันไม่ให้ความทุกข์มาสิงมาย่ำยีจิตใจได้ มันมีแต่ธรรมะเท่านั้นแหละที่ป้องกันได้ และช่วยให้อยู่กับความเจ็บความป่วยรับมือกับความตายได้อย่างสงบและเป็นสุข