แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลวงปู่อีกท่านหนึ่ง รุ่นเดียวกับหลวงปู่บุดดา แต่ท่านอายุน้อยกว่าก็คือหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงปู่บุดดาอยู่สิงห์บุรี หลวงปู่ดู่อยู่อยุธยา มีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งก็มีลูกศิษย์มากราบหลวงปู่แล้วก็พาเพื่อนมาด้วย เพื่อนคนนี้ติดเหล้า ลูกศิษย์หลวงปู่ก็ถือเป็นโอกาสชวนเขาให้ถือศีล 5 แล้วก็ทำสมาธิด้วย เพื่อนที่ติดเหล้าก็พูดแย้งต่อหน้าหลวงปู่ว่าจะถือศีลได้อย่างไร จะทำสมาธิได้อย่างไร ยังเลิกเหล้าไม่ได้เลย หลวงปู่ได้ยินก็เลยบอกว่า แกจะกินเหล้าก็เป็นเรื่องของแกแต่ว่าขอให้นั่งสมาธิให้ข้าวันละ 5 นาที แค่นี้ก็พอ พอพูดอย่างนี้เขาก็รับปากหลวงปู่ว่าไม่ต้องเลิกเหล้าก็ได้ นั่งสมาธิวันละ 5 นาทีก็ไม่ได้นานเท่าไหร่ แล้วเขาก็เป็นคนที่รับปากใครแล้วก็ทำตาม เพราะฉะนั้น ทุกวันเขาก็จะหาเวลามานั่งสมาธิ 5 นาที นั่งสมาธิเสร็จก็ไปกินเหล้า แต่บางวันกำลังนั่งสมาธิอยู่มีเพื่อนไปชวนกินเหล้าเขาก็ไม่ไปจะนั่งสมาธิต่อ อันนี้ก็เรียกว่าเป็นคนที่มีวาจาสัตย์ พอนั่งไป ทำไปนานๆ ใจก็สงบ ก็คงจะนั่งยาวขึ้น เพื่อนมาชวนไปกินเหล้าก็ไม่ไปขอนั่งสมาธิก่อน นั่งสมาธิเสร็จก็ไปกินเหล้า แต่ว่าพอนั่งไปนั่งไปก็คงมีกำลังใจที่เข้มแข็ง แล้วก็คงจะรู้ว่าความสงบจากสมาธิดีกว่ากินเหล้ามาก ตอนหลังก็เลยเลิกกินเหล้าไปเลย และหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดอยากจะบวชพระ อยากจะให้จิตใจมีความสงบยิ่งกว่านี้ก็เลยบวชพระ แล้วก็บวชยาวเลยหลายปี
มีอยู่คราวหนึ่ง ก็มีชาวบ้านมากราบหลวงปู่ แกมีอาชีพทำประมง หาปลา หลวงพ่อก็เลยชวนแกถือศีล 5 แกก็ปฏิเสธบอกว่า จะถือศีลได้อย่างไรเดี๋ยวผมก็ออกไปจับปลาจับกุ้งอีกแล้ว มันจะผิดศีล ศีลจะขาด หลวงพ่อก็เลยอธิบายว่า แกจะรู้หรือว่าแกจะตายเมื่อไร ออกจากวัดนี้ไปอาจจะโดนรถชนหรือโดนงูกัดตายก็ได้ ตอนที่ยังไม่ทำบาปรักษาศีลเอาไว้ ไม่ใช่ว่าตายโดยที่ไม่มีโอกาสรักษาศีลเลย และท่านก็พูดอีกว่าศีลขาดยังดีกว่าไม่มีศีล ท่านพูดน่าสนใจศีลขาดดีกว่าไม่มีศีล อย่างน้อยศีลขาดก็มีความตั้งใจที่จะรักษาแต่ว่ารักษาไม่ได้ก็ขาด ดีกว่าไม่มีศีลเลย ชายคนนั้นก็รับคำหลวงพ่อ ก็สมาทานศีล 5 ศีลอาจจะขาดอาจจะพร่องบ้าง ก็อย่างที่หลวงปู่ว่าดีกว่าไม่มีศีล นี้ก็เป็นตัวอย่าง หลวงปู่ให้สังเกตไว้ ท่านไม่ได้ขอให้คนที่ติดเหล้าเลิกเหล้า ไม่ได้ขอให้คนที่ยังฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพราะเป็นอาชีพเลิกทำ แต่ว่าท่านแนะนำให้ทำสิ่งอื่นที่ดี ยังเลิกเหล้าไม่ได้ก็ให้ทำสมาธิไป สุดท้ายก็เลิกเหล้าได้ ถือศีลได้ ยังทำประมงอยู่หลวงพ่อท่านก็ไม่บอกว่า แกอย่าทำประมง เลิกจับสัตว์ จับปลา จับกุ้ง หลวงพ่อก็ไม่ได้บอก แต่ว่าให้รักษาศีล อย่างน้อยๆ วันนี้ยังไม่ไปจับปลา จับกุ้ง ก็รักษาศีลเอาไว้ สมาทานศีลเอาไว้ เผื่อว่าจะต้องตายก็ตายอย่างคนที่มีศีล อย่างที่หลวงพ่อท่านบอกว่า แกจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อออกจากวัดไปจะไม่โดนงูกัดตาย ไม่โดนรถชนตาย ตายตอนที่ไม่มีศีลมันแย่ แย่กว่าตายขณะที่ยังมีศีล ถึงแม้ศีลยังขาด ยังพร่องบ้างก็ยังดี อันนี้ก็เป็นอุบายของหลวงปู่ ท่านก็มีวิธีชวนให้คนทำความดี หลายคนรู้ว่าการรักษาศีล การทำสมาธิ เป็นของดีแต่ก็มักจะมีข้ออ้าง ยังเลิกเหล้าไม่ได้เพราะฉะนั้นก็จะไม่ขอนั่งสมาธิ แต่หลวงปู่ทำให้เห็นว่าการรักษาศีลถ้ายังทำไม่ได้อย่างน้อยก็นั่งสมาธิไปก่อน มีอะไรสักอย่างก่อนที่ดีๆ ไม่ใช่ว่าพอรักษาศีลไม่ได้ พอเลิกเหล้าไม่ได้ สมาธิก็เลยไม่เอาเลย หลวงปู่ท่านก็เป็นคนที่ฉลาด สามารถที่จะชักชวนคนให้เข้าหาธรรมะได้ ท่านทำให้คนเห็นว่าธรรมะเป็นเรื่องง่าย ไม่มีเงื่อนไขมาก ไม่ใช่ว่าต้องเลิกเหล้าก่อนถึงจะมาทำสมาธิเอา เลิกไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ทำสมาธิวันละ 5 นาที ยังเลิกจับปลา จับกุ้งไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ว่าวันไหนที่ไม่จับ วันไหนที่ไม่ไปทำประมงก็รักษาศีลเอาไว้ อาทิตย์หนึ่งอย่างน้อยมีศีล 5 สักวันหนึ่ง อีก 6 วัน ไปจับกุ้ง จับปลา ก็ยังดี ดีกว่าไม่มีศีลสักวันเลย
อันนี้เป็นอุบายของหลวงปู่ที่ชักชวนคนให้เข้าหาธรรมะ ของเก่ายังเลิกไม่ได้แต่ว่าทำของดีๆ เสียก่อน ของดีๆ ทำ แม้จะเล็กจะน้อย เช่น ทำสมาธิวันละ 5 นาที แต่ทำทุกวันๆ ส่งผล อย่าไปดูแคลนความดี อย่าไปประมาทความดีว่ามันเล็กน้อย 5 นาที จะมีผลอะไร เหมือนกับออกกำลังกาย ออกกำลังกายวันละ 5 นาที 10 นาที ทำทุกวัน ร่างกายก็ดี สุขภาพก็ดี ใครที่ห่วงเรื่องความอ้วนน้ำหนักก็ลด เงินวันละ 1 บาท อาจจะดูเล็กน้อยแต่ถ้าเราใส่กระปุกทุกวัน อดออมวันละ 1 บาท 1 ปี ก็เกือบ 400 บาทแล้ว แล้วใครจะไปรู้พอทำทุกวันจากเดิมอดได้แค่วันละบาท อดออมได้วันละบาท ทำไปๆ อดได้ 2 บาท แล้วต่อไปก็เก็บได้ 3 บาท
คนเราถ้าทำความดีแม้เพียงเล็กน้อยทำทุกวันจะมีกำลังใจหรือฉันทะในการที่จะทำความดีมากขึ้น ทีแรกนั่งสมาธิวันละ 5 นาที แต่ทำไปๆ ได้ผลดีจิตมีความสุข ความสงบ ก็จะทำนานขึ้น 10 นาที 15 นาที อันนี้ดีกว่าบอกว่าให้ทำวันละครึ่งชั่วโมงแต่ว่าทำบ้างไม่ทำบ้าง สุดท้ายผ่านไป 4-5 วันก็เลิกทำ เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่ทำทุกวันดีกว่า หรืออย่างคนที่ทำประมงอาทิตย์หนึ่งรักษาศีล 5 ได้แค่วันหนึ่ง อาทิตย์หนึ่งสมาทานศีล 5 แค่วันเดียว แต่ทำไปๆ ก็จะเริ่มขยายขึ้นจาก 1 วัน เป็น 2 วัน 3 วัน สุดท้ายก็อาจจะเลิกไม่ทำแล้ว จับกุ้ง จับปลา ไปทำอย่างอื่นดีกว่า ค้าขายดีกว่า ก็ได้ เพราะฉะนั้น ความดีอย่าไปดูถูกว่าเล็กน้อย หลวงปู่ท่านก็รู้ว่าความดีถ้าทำทุกวันๆ ก็จะทำความดีที่ใหญ่ขึ้น สูงขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ท่านก็ยินดีที่จะชวนคนมาทำความดี ถึงแม้ของเก่า ความชั่วของเก่า บาปอันเก่ายังเลิกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำสิ่งใหม่ที่ดีกว่า
บางคนไปเคร่งมาก จะทำสมาธิต้องมีศีลก่อน ต้องเลิกเหล้าให้ได้ก่อน ครูบาอาจารย์บางท่านก็มีความเคร่งครัดมาก จะทำสมาธิภาวนาได้ต้องมีศีล 5 ครบก่อน อันนี้ก็จะทำให้คนบางคนเขาไม่สนใจที่จะทำสมาธิภาวนาเพราะว่ามีข้ออ้าง มีข้อแก้ตัวว่ายังเลิกเหล้าไม่ได้ แต่ว่าคนที่ฉลาด มีอุบาย ก็จะสามารถชักชวนให้คนที่ยังมีบาป ยังทำชั่วอยู่ ค่อยๆ เข้าหาความดี เข้าหาความดี ทีละนิดๆ อันนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องทำสมาธิ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการรักษาศีล ความดีอื่นๆ ก็ให้เราหมั่นทำแม้จะเล็กน้อย การออกกำลังกายก็ดี หลายคนบอกไม่มีเวลาๆ ไปเริ่มทำสัก 5 นาทีก่อน ต่อไปก็จะขยายเป็น 10 นาทีได้ ความชั่วหรือว่าความไม่ดี หรือว่าอบายมุขอย่างอื่นอาจจะเลิกไม่ได้ทันที แต่ว่าทำให้น้อยหน่อย มีหลายคนไม่สบายใจเป็นทุกข์เพราะว่าเลิกหวยไม่ได้อยากจะเลิกก็เลิกไม่ได้ บางคนก็ติดเหล้าอยากจะเลิกก็เลิกไม่ได้ แต่ก็ลองลดสักหน่อยก่อน เล่นหวยวันละร้อย ครั้งละร้อย งวดละร้อย ก็อาจจะเหลือแค่ 50 ต่อไปก็เหลือ 25 ต่อไปก็เหลือแค่ 10 บาท อันนี้ก็ต้องมีอุบายหน่อย ค่อยๆ ทำทีละนิดทีละหน่อย ความดีอย่าประมาททำทีละนิดทีละหน่อยได้ผลมาก
อันนี้พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนกับว่า ทะเลมาจากอะไร ก็เริ่มต้นจากหยดน้ำทีละหยด จากหยดน้ำก็กลายเป็นลำห้วย จากลำห้วยก็กลายเป็นแม่น้ำ จากแม่น้ำก็กลายเป็นทะเล อย่างที่เราสวดตอนที่พระให้พร ห้วงน้ำที่เต็มย่อมยังสมุทรสาครให้บริบูรณ์ได้ฉันใด ห้วงน้ำก็คือบ่อเล็กๆ ถ้ามันเต็มก็สามารถทำให้ทะเลเต็มขึ้นมาได้ บุญที่ทำทีละนิดๆ ทำไปนานๆ สะสมนานๆ ก็เต็มโอ่งแล้วก็อาจกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ก็ได้ อย่าดูถูก อย่าประมาท เรื่องการทำบุญ เรื่องการทำความดี ทำสิ่งที่มีประโยชน์ อย่างที่หลวงปู่บุดดาท่านโกรธ ท่านก็ยังเลิกความโกรธไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าโกรธทุกทีก็กราบพระ กราบพระ 3 ครั้ง โกรธ 2 ครั้ง ก็กราบพระ 6 ครั้ง ถึงแม้ยังเลิกไม่ได้ แต่พอกราบบ่อยๆ กราบบ่อยๆ สติไวขึ้น ก็ทำให้สามารถจะระงับความโกรธแล้วก็เลิกโกรธได้ เพราะฉะนั้น เรื่องทำความดีเราอย่าประมาท ทำนิดทำหน่อยก็ขอให้ทำ ข้อสำคัญคือทำทุกวัน ทำเนืองๆ