แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ที่ศาลาน้ำ มักจะมีปลามีเต่ามาป้วนเปี้ยน มาหากินตามธรรมชาติของมัน แต่ว่าสังเกตดูมันก็ไม่ค่อยจะกลัวคนเท่าไหร่ ที่จริงก็ไม่ได้เลี้ยงมันเลย ไม่เหมือนปลาตรงแถวสะพาน เช่น พวกช่อน ปลาดุกพวกนี้มันคุ้นคนเพราะคนให้อาหารมันพอมันเห็นคนมันก็นึกถึงอาหาร แต่ว่าตรงส่วนอื่นของสระ เช่น ที่แถวศาลาน้ำ ไม่ได้ให้อาหารมัน แต่มันก็คุ้นกับคนไม่ค่อยกลัวคนเท่าไหร่ ไม่ถึงกับไม่กลัว ถ้าคนเข้าไปใกล้ ๆ มันก็ค่อย ๆ ดำน้ำหายไป แต่ก็ทำอย่างช้า ๆ ไม่ได้ผุนผลันเท่าไหร่ อันนี้ก็คงเป็นเพราะว่าคนที่นี่ ไม่ว่าพระ ไม่ว่าแม่ชี ไม่ว่าโยมก็ไม่เป็นภัยไม่เป็นอันตรายกับมัน แต่ว่าปลาพวกนี้ถ้ามันเกิดหลุดไปอยู่ที่อื่น เช่น เวลาน้ำท่วม แล้วมันก็หลุดไปออกจากสระ แม้มันจะไปเจอสระใหม่หรือเจอแหล่งน้ำใหม่ก็อาจจะตายได้ง่าย ๆ เพราะว่ามันไม่ค่อยกลัวคนเท่าไหร่ คนที่วัดกับคนข้างนอกไม่เหมือนกัน
นึกถึงสมัยก่อนที่นี่ตั้ง 30 กว่าปีที่แล้วก็มีสัตว์ป่าอยู่มากมายหลายชนิดหมูป่าก็มีกวางก็ยังมี พวกนี้มันอยู่ที่นี่มันก็ไม่ค่อยกลัวคนเท่าไหร่ก็ระวังอยู่บ้างไม่ยอมให้คนเข้าใกล้ แต่ว่าก็จะไม่ค่อยตื่นตระหนกเวลาเจอคน ยิ่งสัตว์ป่าที่ถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กบางทีมันไม่มีแม่ หลวงพ่อบุญธรรมท่านก็เลี้ยงดูมัน ไม่ได้เลี้ยงแบบสัตว์เลี้ยงแต่ก็ให้อาหารมัน มันก็คุ้นคน เช่น หมูป่า เวลาเกิดไฟไหม้ขึ้นมามันมีช่วงหน้าแล้งพอเกิดไฟไหม้สัตว์พวกนี้มันก็แตกตื่นก็หนีออกไปจากวัด สมัยนั้นยังไม่มีกำแพงแล้วพวกนี้พอหนีออกไปจากวัด กลับมาไม่ได้หลงทางหรืออะไรก็แล้วแต่มันก็อยู่ได้ไม่นาน เจอคนมันก็นึกว่าคนนี้ไม่มีอันตราย เพราะมันใช้ประสบการณ์เดิม คนที่วัด พระที่วัดไม่ได้เป็นอันตรายกับมันเป็นมิตรกับมัน แต่ว่าคนข้างนอกไม่ได้เป็นมิตรกับมันด้วย ความที่มันไม่ระแวดระวังคนมันก็เลยถูกยิงถูกจับได้ง่าย ๆ แล้วก็ตายในที่สุด
การที่อยู่สบาย ๆ ในวัดไม่มีภัยมาคุกคามมีคนแวดล้อมที่เป็นมิตร มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก็คือว่ามันไม่ต้องหวาดกลัวอะไรก็อยู่ได้อย่างสงบสุข แต่ข้อเสียก็คือว่าทำให้มันประมาทได้ง่ายทำให้มันไม่มีวิชา เรียกว่าไม่มีความระแวด ระวังเพียงพอที่จะรับมือกับคนที่มุ่งร้ายกับมัน
อันนี้จะว่าไปก็ไม่ต่างจากพวกเราที่อยู่ในวัด ไม่ว่าจะเป็นพระ เป็นแม่ชี เป็นโยม การที่เราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่สงบสงัดพอสมควร ไม่มีสิ่งมากระตุ้นมายั่วยุให้เกิดความหงุดหงิดรำคาญ กิจวัตรการงานก็ไม่ได้เร่งรีบหรือว่าวุ่นวายมันก็เอื้อให้ใจเราสงบ ความทุกข์ที่พกพามาจากบ้านก็สามารถจะปล่อยวางมันลงได้ง่าย ๆ ยิ่งมาเรียนรู้วิชาเจริญสติ ก็ทำให้เราสามารถจะมีความสงบภายในมีความรู้สึกตัว ไม่หลงไปด้วยอำนาจของสิ่งเร้าภายนอก แต่ว่าการที่เราคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่มันสบาย ๆ ในวัดถึงแม้จะไม่ใช่สบายทางกายเท่าไหร่แต่ว่ามันก็ให้ความสงบทางใจได้มาก เราก็ต้องระมัดระวังด้วยอย่าประมาท เพราะว่าสิ่งแวดล้อมภายนอกวัดมันไม่เหมือนกับสภาพในวัด มันเต็มไปด้วยความวุ่นวายมีสิ่งเร้ากระตุ้นให้เราอยากได้อยากมีอยากเป็น มีทั้งยั่วยวนให้อยาก มีทั้งยั่วยุให้ขัดเคืองใจ ไม่พอใจ รูป รส กลิ่น เสียงภายในวัดมันไม่เหมือนกับรูป รส กลิ่น เสียงนอกวัด ไม่ต่างจากคนในวัดกับคนนอกวัด
คนในวัดกับคนนอกวัดก็แตกต่างกันสำหรับสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ปลา นก หรือว่าสมัยก่อนก็หมูป่า กวาง สัตว์ที่มันคุ้นเคยกับคนในวัด พอมันออกไปนอกวัดมันก็ถึงฆาตได้ไวเพราะว่ามันประมาทคนข้างนอก เนื่องจากว่ามันคุ้นเคยกับคนในวัดจนกระทั่งไม่มีความระแวดระวังเพียงพอ อารมณ์ในที่นี้หมายถึง รูป รส กลิ่น เสียงภายในวัดกับสิ่งที่อยู่นอกวัดก็เหมือนกัน รูป รส กลิ่น เสียงภายในวัดมันก็ไม่ค่อยดุ ไม่ค่อยหยาบหรือว่าเสียดแทงจิตใจเราเท่าไหร่ อันที่จริงมันกลับช่วยกล่อมเกลาให้เราสงบได้ง่าย การที่เราคุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมอย่างนี้มันก็มีข้อเสียเหมือนกัน พอเราออกไปเจอกับสิ่งแวดล้อมภายนอกเจอรูป รส กลิ่น เสียงที่ร้อนแรงยั่วยุก็อาจจะพลาดท่าเสียทีได้ง่าย ๆ จิตใจกระเพื่อมปั่นป่วน กิเลสก็เข้ามาเล่นงานได้ง่าย มารร้ายก็สามารถจะครองใจเราซึ่งก็ทำให้เราทุกข์ เราทุกข์คนเดียวไม่พอก็ไประบายความทุกข์ใส่คนอื่นด้วย
อีกไม่นานพวกเราหลายคนโดยเฉพาะพระก็จะสึกหาลาเพศออกไป อันนี้ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจด้วย ก็เหมือนกับปลาที่อยู่สบาย ๆ ในสระน้ำในวัด พอจะต้องออกไปอยู่ข้างนอกมันจะไม่สบายเหมือนที่นี่ เรียกว่าหมู่มารหรือกิเลสคอยจ้องเล่นงาน จ้องจับจิตใจของเราเอามาเป็นทาส ก็ไม่ถึงกับฆ่าให้ตายเหมือนกับคนภายนอกที่จับปลาในวัดได้หรือว่าจับหมูป่า กวางที่ออกจากวัดไปได้ มันไม่ถึงขนาดนั้น แต่ว่ามันก็ทำให้กิเลสสัมมาหรือมารร้ายมันก็สามารถจะเล่นงานเราได้อย่างเต็มที่ เพราะว่าความที่เราคุ้นเคยกับความสบาย ๆ สภาพที่ไม่ใช่สิ่งเร้าที่เป็นโทษเป็นอันตรายเป็นศัตรู เพราะฉะนั้นก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้ ต้องเตรียมตัวเอาไว้
การที่เราเตรียมตัวก็ต้องมีวิชา การเจริญสติที่เราฝึกมาในวัดก็เป็นวิชาที่ช่วยได้เยอะ แต่ว่ามีวิชาแล้วก็ต้องมีแบบฝึกหัด เราเรียนหนังสือแล้วเราไม่มีการสอบก็เหมือนกับนักกีฬา เช่น นักมวยที่ไม่มีการซ้อม หรืออาจจะซ้อมคนเดียว เช่น การซ้อมชกลม ซ้อมเตะกระสอบ แต่ว่าไม่ค่อยได้เจอหรือไม่เคยเจอคู่ชกที่เป็นคู่ซ้อมเลย ไม่เคยขึ้นเวทีซ้อมเลย มันก็ไม่มีทางที่จะมีความรู้ความสามารถหรือมีวิชาได้อย่างแท้จริง จริงอยู่การที่เราใช้ชีวิตในวัดมันก็มีแบบฝึกหัดมากมายที่จะฝึกสติของเรา เช่น คำพูดที่ไม่ถูกใจของใครบางคน หรือว่าการที่มีเหตุให้กระทบกระทั่ง มีเรื่องขัดแย้งกันซึ่งมันก็มีสถานที่หรือมีโอกาสที่จะเกิดเรื่องขัดแย้งกันได้เยอะ ยิ่งคนที่ทำงาน อย่างเช่น แม่ชีที่ทำงานในครัวก็มีโอกาสที่จะกระทบกระทั่งกันได้มาก พอกระทบแล้วถ้าเกิดว่าเกิดความขัดเคืองใจถึงขั้นมีความโกรธเกลียดกัน ไม่มองหน้าไม่พูดคุยก็ถือว่าสอบตก แล้วถ้าสอบตกอย่างนี้แล้ว ออกไปข้างนอกมันก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เพราะข้างนอกสิ่งที่จะมาเล่นงานเรามันรุนแรงมันหนักหนากว่าที่นี่เยอะ และถ้าสอบตกแบบนี้แล้ว ไปเจอะอะไรหนัก ๆ มันก็ไม่สามารถจะผ่านได้ เช่น ถ้าทำใจไม่ได้กับคำพูดที่มากระทบหู เวลาเจอความเจ็บปวดที่มันเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา เจอทุกขเวทนาเพราะโรคร้าย เดี๋ยวนี้โรคก็มีเยอะโดยเฉพาะมะเร็ง โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ อัมพาตแล้วจะผ่านมันไปได้อย่างไร แต่ถึงแม้มันเกิดเรื่องแบบนี้ก็ต้องตระหนักว่าข้างนอกมันมีสิ่งที่ร้ายแรงกว่าเยอะ
อารมณ์ที่มันเป็นศัตรูกับเรามันมีมากมายกว่าอารมณ์ที่อยู่ในวัด คำว่าอารมณ์หมายถึง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ข้างนอกมันดูร้ายหรือมันเป็นอันตรายกับเรามากกว่าที่นี่เยอะ เพราะฉะนั้นต้องถือว่าสิ่งที่มากระทบกับเราที่นี่มันเป็นแบบฝึกหัด หากเจอแล้วอย่าไปหงุดหงิดรำคาญให้ถือว่าเป็นบทเรียน มันเป็นการบ้านเพื่อที่เราจะได้มีความว่องไว มีทักษะ มีวิชาแก่กล้ามากขึ้นเมื่อจะต้องออกไปข้างนอก โดยเฉพาะคนที่ต้องสึกหาลาเพศออกไปก็จะต้องออกไปอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน อาจจะไม่มีโอกาสได้กลับมาบวชอีกเลย ถึงแม้จะมีบางช่วงกลับมาที่วัดมันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเรามาอยู่ที่นี่แล้วมีเรื่องขัดอกขัดใจอะไรก็ให้ถือว่าต้องผ่านไปให้ได้ ต้องวางให้เร็ว ไม่มาทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจ ถ้าเป็นการกระทบกระทั่งระหว่างบุคคลก็สามารถจะกลับมาเป็นมิตรพูดคุยกันได้มีไมตรีจิตมีเมตตาต่อกัน หรือคนที่อยู่วัดแบบสบาย ๆ ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครอันนี้ก็เป็นเรื่องดีแต่ว่าก็อย่าประมาท เพราะการที่เราไม่มีอะไรมากระทบ มันไม่ได้แปลว่าออกไปข้างนอกแล้วจะสบายมันอาจจะกลายเป็นข้อเสียก็ได้ เพราะว่าพอเราไม่มีการบ้าน พอเราไม่ได้ทำการบ้านบ่อย ๆ ที่วัด เพราะไม่มีอารมณ์ที่มากระทบทำให้ขัดเคืองใจ เราก็จะไม่ว่องไวเวลาเจออารมณ์แรง ๆ มากระทบ เมื่ออยู่ข้างนอกก็อาจจะพลาดท่าเสียทีได้ ยิ่งคนที่ไม่เจออะไรเลย เรียกว่าเจอแต่สิ่งที่ราบรื่นก็ต้องระมัดระวัง มันอาจจะเป็นอันตรายได้
มันมีเกาะอยู่เกาะหนึ่งที่ทวีปอเมริกาใต้ชื่อเกาะ “กาลาปากอส” เป็นเกาะที่มีชื่อมาก มันมีชื่อเพราะว่าเมื่อ 200 ปีที่แล้วชาร์ลส์ ดาร์วินสมัยที่เขายังหนุ่มเขาก็แล่นเรือไปแล้วมาแวะที่เกาะนี้ มันเป็นเกาะที่อยู่ห่างจากฝั่งมากทีเดียว เกาะนี้ไม่เคยมีมนุษย์ไปเหยียบย่างเลย มันมีแต่สัตว์นานาชนิดแล้วสัตว์บางชนิดก็ตัวใหญ่ เช่น เต่า คนขึ้นไปนั่งหลังมันได้สบายเลยแล้วมันก็ยอมให้คนขี่หลังมันไป สมัยก่อนเนื่องจากมันไม่เคยเจอคนเลย พอชาร์ลส์ ดาร์วินกับเพื่อนมาถึงเกาะนี้สัตว์มันไม่กลัว มันไม่ตื่นตกใจเลย จะเป็นนกจะเป็นเก้งไม่รู้มีเก้งรึเปล่า นกหรือพวกสัตว์นานาชนิด ทั้งสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมันไม่กลัวคนเลย ชาร์ลส์ ดาร์วินเล่าว่าจิ้งจอกซึ่งธรรมชาติมันระแวดระวังคนมาก มันยอมให้คนเดินเข้าไปใกล้ ๆ คนเดินไปข้างหลังมันก็เฉยขนาดคนสามารถจะเอาไม้เคาะหัวมันได้ฟาดหัวมันจนตายเลยมันก็ยอมให้ทำ เพราะมันไม่มีความกลัวคน ที่มันไม่กลัวคนเพราะว่ามันไม่เคยเจอคนมาก่อน แล้วมันก็เลยไม่รู้ว่าคนน่ากลัวอย่างไรบ้าง สัตว์อีกหลายชนิดก็โดนคนที่มากับคณะของชาร์ลส์ ดาร์วินจับไป ไปฆ่าเป็นอาหารบ้างหรือไปเก็บเพื่อการศึกษาค้นคว้าบ้าง มันยอมให้จับเฉยเลยเพราะมันไม่เคยเจอคน การที่มันไม่เคยเจอคนมันก็เป็นข้อดีคือทำให้มันปลอดภัย แต่ข้อเสียคือพอมันเจอคนเมื่อไหร่มันถึงฆาตได้เร็วมาก
อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำไมสัตว์ใหญ่ ๆ ในทวีปอเมริกาเหนืออเมริกาใต้มันสูญพันธุ์เร็ว เพราะว่าตอนที่มันมีการแยกออกมาเป็นทวีปอเมริกาเหนือทวีปอเมริกาใต้ มันไม่มีคนมาอยู่มีแต่สัตว์ล้วน ๆ อยู่กันเป็นแสนเป็นล้านปี มันมีแต่สัตว์ไม่มีคน คนเพิ่งอพยพโยกย้ายไปอยู่ทวีปที่ว่าก็สัก 50,000 – 60,000 ปีนี่เองมั้ง เนื่องจากมันไม่เคยเจอคนเลย พอมันเจอคนมันก็เฉย แต่คนนี่น่ากลัวมาก มีหอกมีธนูก็สามารถจะโค่นฆ่า พวกช้างพวกม้าตัวใหญ่ ๆ อาจจะไม่ใช่ม้าแต่ว่าเป็นคล้าย ๆ พวกเดียวกัน ม้าจริง ๆ มันไม่มีหรอกมันมาจากยุโรป พวกสัตว์ใหญ่ ๆ ก็ตายกันไปเยอะจนสูญพันธุ์ไปเลยหลายชนิดเพราะมันไม่เคยเจอคน ตรงข้ามกับทวีปแอฟริกาซึ่งเจอคนมาเป็นล้านปี สัตว์นานาชนิดที่มันอยู่ในทวีปแอฟริกาไม่ค่อยสูญพันธ์เท่าไหร่หรอก เพราะว่าอยู่กับคนมานาน คนอยู่ที่แอฟริกา คนถือกำเนิดที่แอฟริกามาตั้งแต่เมื่อล้านปีที่แล้ว ทำไมมันอยู่รอดได้ทั้งที่คนก็อยู่กับมันมาตั้งนาน ก็เพราะว่ามันเจอคนนั่นแหละ มันจึงรู้ว่า “คน” เนี่ยมันจะต้องระแวดระวัง มันมีประสบการณ์ มันอยู่กับคน มันรู้ทางคนนี่จะมาอย่างไรจนกระทั่งเกิดความฉลาด ไม่ว่าจะเป็นเก้งกวางพวกนี้ มันไม่ยอมให้คนเข้าใกล้ มันเรียนรู้กลิ่นของคนว่าคนมีกลิ่นอย่างไร พอมีกลิ่นนี้มันต้องหนีแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็เลยไม่สูญพันธุ์
อันนี้ก็เอามามองได้เอามาเทียบได้กับประสบการณ์ชีวิตของเรา คนเราถ้าหากว่าไม่เจอความทุกข์ยาก ลำบากเลย ไม่เจออุปสรรคอะไรใด ๆ เลย มันก็ดีอย่างคือว่าไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ แต่ถ้าเกิดว่าเจอเมื่อไหร่ ก็พลาดท่าเสียที เสียศูนย์ได้ง่าย ๆ อย่างคนในบางทวีป เช่น ทวีปอเมริกาใต้ไม่เคยเจอโรคหวัดเลย พอคนยุโรปสำรวจดินแดนแล้วมาเจอมาพบปะกับคนพื้นเมืองในทวีปอเมริกาใต้ก็เอาเชื้อหวัดมาให้กับคนเหล่านี้ คนเหล่านี้ไม่เคยเจอเชื้อหวัดเลย เลยไม่มีภูมิคุ้มกัน พอไม่มีภูมิคุ้มกันก็ตายกันระเนระนาดเลย คนยุโรปมีภูมิคุ้มกันเพราะอยู่กับหวัดมานาน การที่คนเราจะอยู่รอดได้ดีมันต้องเจออุปสรรคเจอความยากลำบาก เช่น ไปเจอเชื้อโรคอยู่บ่อย ๆ เจอเชื้อโรคหลายชนิดจนกระทั่งมีภูมิคุ้มกัน เด็ก ๆ ตั้งแต่เล็กก็เล่นกับดินกับทราย ว่ายน้ำก็กินน้ำคลองเข้าไป พวกนี้ดี มันทำให้มีภูมิคุ้มกันในร่างกาย พอไปเจอเชื้อแปลก ๆ ใหม่ ๆ เข้าหรือเชื้อที่แรงกว่าเดิมภูมิคุ้มกันก็เอาอยู่เพราะว่าเคยเจอมาก่อนรู้ทาง รู้นิสัย รู้ธรรมชาติของเชื้อเหล่านี้
นอกจากเชื้อแล้วสิ่งที่มาคุกคามความสงบสุขของเราก็คือ อารมณ์ รูป รส กลิ่น เสียง มันไม่ได้บั่นทอนร่างกายแต่มันบั่นทอนจิตใจ ถ้าเราไม่มีสติรู้ทัน เราก็โดน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส พอมากระทบก็ทำให้ใจกระเพื่อม เกิดความโกรธ เกิดความเศร้า เกิดความเสียใจ เกิดความอาลัยอาวรณ์ บางคนเศร้าจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ชีวิตนี้ก็มีแต่ความทุกข์อย่างเดียว ทนอยู่ไม่ไหว ทนไปนาน ๆ ทนไม่ไหวก็ฆ่าตัวดาย เดี๋ยวนี้คนฆ่าตัวตายเพราะโรคซึมเศร้าเยอะมาก จะว่าไปเพราะคนเหล่านี้ไม่มีวิชาในการรับมือกับความเศร้า เจอมาแล้วไม่รู้ทางมัน มันก็ปล่อยให้มันเข้ามาครองใจ ครองไปนาน ๆ มันก็ซึมแผ่ซ่านเหมือนเชื้อโรคจนกระทั่งหมดเนื้อหมดตัวลืมตัว ไม่เป็นผู้เป็นคน สุดท้ายก็เลยฆ่าตัวตาย
แต่ถ้าเกิดว่าเรานอกจากมีวิชาเจริญสติแล้ว เราก็มีโอกาสได้เจอได้ใช้วิชานี้ในการรับมือกับอารมณ์ได้เจออารมณ์ต่าง ๆ มากระทบบ่อย ๆ แต่ถ้าเรามีวิชาด้วยก็สามารถทำให้เราอยู่ได้อย่างมีความสุข การที่เราเจออารมณ์มากระทบบ่อย ๆ มันก็มีข้อดี มันเป็นแบบฝึกหัดให้เราได้เพิ่มพูนหรือว่าพัฒนาสติ ประสบการณ์แต่ละอย่าง ๆ ที่มันเกิดขึ้นกับเราในแต่ละวัน ๆ สะสมมาเป็นเดือนเป็นปีที่จริงทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ มันสามารถจะให้บทเรียนแก่เราได้ทั้งนั้นอยู่ที่ว่าเราจะใช้มันเป็นหรือเปล่า ส่วนใหญ่เราไม่รู้จักใช้มันปล่อยให้มันมาเล่นงานเรา เจอความเศร้ากี่ครั้ง ๆ ก็ยังเศร้า เจอความหงุดหงิดกี่ครั้ง ๆ ก็ยังหงุดหงิด แล้วก็หงุดหงิดเร็วกว่าเดิมง่ายกว่าเดิม เจอความโกรธกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นครั้งก็ยังโกรธเหมือนเดิมและโกรธง่ายกว่าเดิมด้วย
ยิ่งอายุมากก็ยิ่งโกรธง่าย ยิ่งหงุดหงิดง่าย อันนี้ก็แปลก เพราะธรรมชาติของคนเราที่จริงธรรมชาติของสัตว์ด้วย เวลามันเจออะไร เจอบ่อย ๆ มันรู้ทาง อย่างปลาถ้ามันเจอคนบ่อย ๆ แล้วถ้าคนที่ต้องการจะจับมัน ถ้ามันเจอบ่อย ๆ มันจะรู้ทางแล้วว่าคนจะมาไม้ไหน พวกกวางพวกหมูป่าถ้ามันเจอคนบ่อย ๆ มันฉลาดขึ้น มันรู้ว่าคนจะมาใช้อะไรทำร้ายมัน มีอุบายอะไรบ้าง บางตัวมันไม่ยอมที่จะติดแล้ว มันรู้เลยเวลามีทางอะไรที่มันสะดวก ๆ ทางเรียบ ๆ เนี่ย มันรู้เลยว่าอันนี้มีแล้วมีกับดักอยู่ข้างหน้า เพราะว่ามันเป็นฝีมือมนุษย์ ถ้าสัตว์ที่มันเจอคนบ่อย ๆ ยิ่งเจอมันยิ่งฉลาด ถ้ามันไม่ตายเสียก่อนมันจะฉลาดขึ้น
ยิ่งลิงถ้าเจอคนบ่อย ๆ มันฉลาดมาก ที่ภูหลงแต่ก่อนสามารถจะหลอกลิงให้มาติดกับดักได้ มีชาวบ้านมาบวชที่วัด แล้วก็ทำ ทำแล้วล่อให้ลิงมาติดกับ แต่ว่าทำได้ครั้งเดียว หลังจากนั้นไม่เคยสามารถดักลิงได้อีกเลย ตอนหลังทำกรงให้มัน ทำกรงจับมัน เพราะมันป่วนมากเลย ก็ติด แล้วก็มันหลุดออกไปได้ และหลังจากนั้นมันก็ไม่เคยมีลิงตัวไหนเข้ามาติดกับดักได้อีกเลย เข้ามาเข้ากรงที่ดักไว้คือประสบการณ์ของมัน เวลามันเจออะไร มันไม่ใช่เจอเปล่า ๆ มันได้บทเรียน มันเรียนรู้ มันฉลาด
แต่คนเราก็แปลกเจออารมณ์มากระทบบ่อย ๆ ก็ยังขัดใจเหมือนเดิมยังหงุดหงิดเหมือนเดิม เดินทางในกรุงเทพฯ เจอรถติดเจอไฟแดงวันหนึ่งไม่รู้กี่ครั้งก็ยังพลาดท่าเสียทีหงุดหงิดรำคาญเหมือนเดิม แทนที่จะฉลาดเหมือนพวกลิงพวกนี้หรือพวกสัตว์ป่า มันเจอะไรมันจะพลาดท่าเสียทีแค่ครั้งสองครั้งถ้ามันหลุดรอดได้มันจะไม่พลาดอีก แต่คนเราที่เราเรียกว่าเป็นคนฉลาดเป็นสัตว์ประเสริฐฉลาดกว่าสัตว์ทั้งปวง ก็ยังหงุดหงิดก็ยังโมโหก็ยังขุ่นเคืองใจ เวลาเจออารมณ์เดิม ๆ เวลาเจอรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสเดิม ๆ ที่มันขัดเคืองใจ เช่น ไฟแดง เจอไฟแดงทีไรก็ยังหงุดหงิดเหมือนเดิม เจอคำด่าว่าบางทีก็เป็นคำเดิม ๆ ก็ยังโมโหเหมือนเดิม อันนี้คือสิ่งภายนอก ขณะเดียวกันอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นในใจ ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเศร้า ความหงุดหงิด ความรำคาญ ความเสียใจ เกิดขึ้นทีไรใจเราก็ยังพลาดท่าเสียทีเหมือนเดิม ก็คือโดนมันเล่นงาน
หายโกรธเสร็จแล้วก็กลับไปโกรธใหม่ หายโกรธพอเวลาผ่านไปความโกรธมันบรรเทาเบาบางลง พอเจอความโกรธใหม่ก็เสร็จมันอีก คล้าย ๆ กับคนที่มี 18 มงกุฎที่มาคอยหลอกเรา มาหลอกเราว่าพ่อแม่ไม่สบาย รีบกลับบ้านด่วน พอเราเดินตามเขาไป เขาก็เอาปืนจี้ หรือเขาเอามีดจี้แล้วบอกว่าเอาเงินมา เราก็ให้เงินเขาไป แล้วเราก็กลับมา 2 ชั่วโมงต่อมาหรือวันต่อมาเขามาอีกบอกว่าแม่ไม่สบายป่วย รีบกลับไปบ้านด่วน เราก็เดินตามเขาไปอีก พอเราถึงที่เปลี่ยวเขาก็เอามีดจี้ แล้วก็บอกว่าเอาเงินมา เราให้เงินเขาไป วันต่อมาเขาก็มาอีกแล้วก็เหมือนเดิมเลย แล้วเราก็เสร็จเขาอีก มาหลอกเรากี่ครั้ง ๆ เราก็ยังพลาดท่าเสียทีเหมือนเดิม อันนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเราส่วนใหญ่
เจอความโกรธกี่ครั้ง ๆ เจอความเศร้ากี่ครั้ง ๆ เจอความหงุดหงิดกี่ครั้ง ๆ ก็ยังทุกข์เหมือนเดิม โดนมันครอบงำเล่นงานเหมือนเดิม ไม่สามารถที่จะรู้ทาง ไม่สามารถที่จะรู้ทันมันได้ เพราะเราไม่รู้จักใช้สติ ไม่รู้จักพัฒนาสติขึ้นมา ถ้าเราใช้สติ พัฒนาสติขึ้นมา สติมันจะทำให้เรารู้ทันอารมณ์พวกนี้ ยิ่งเกิดแต่ละครั้ง ๆ เราฉลาดขึ้นทุกครั้ง เราฉลาดกว่าเดิมทุกครั้ง ก็คือรู้ทันมันจดจำมันได้ว่านี่คือผู้ร้ายมิจฉาชีพที่มาหลอกเรา ถูกมันหลอกได้สองสามครั้งคราวต่อไปมันหลอกไม่ได้แล้วเพราะว่าเราจำมันได้ เหมือนกับเด็กที่จำหน้าคนที่มาหลอกได้ มาหลอกได้สองสามครั้งก็จำได้ พอมาอีกก็ไม่ยอมให้หลอกเหมือนคนที่มาชอบไถเงิน มาอ้างว่าไม่มีเงินกินข้าวบ้าง ต่อมาก็มาอ้างว่าไม่มีเงินเดินทางกลับบ้านบ้าง
พอเราเจอบ่อย ๆ เราก็รู้แล้วว่าหน้านี้หน้าเดิมอีกแล้วก็ไม่ยอมให้หลอก ต้องแบบนี้ ก็คือจำอารมณ์พวกนี้ได้ อารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด อารมณ์เศร้า พอจำได้แล้วมันมาครั้งต่อไปหลอกเราไม่ได้แล้ว แต่ส่วนใหญ่จำไม่ได้ถูกความโกรธมาหลอกพลาดท่าเสียทีมาเป็นหมื่นครั้งแล้ว ก็ยังยอมให้มันหลอก จนกระทั่งเสียผู้เสียคนทุกครั้งอยู่ร่ำไป ไม่ฉลาดเลย
ทำไมเราเป็นอย่างนั้น ต้องหัดฉลาดเสียบ้าง ยิ่งเจอบ่อย ๆ ยิ่งต้องฉลาดกว่าเดิมสามารถที่จะหลุดพ้นหรือว่าหลุดรอดจากมันได้ แล้วต่อไปถ้าฉลาดจริง ๆ ยังสามารถใช้ประโยชน์จากมันด้วย ใช้ความโกรธ ใช้ความเศร้า ใช้อารมณ์อกุศลต่าง ๆ เหล่านี้แหละ ให้เป็นเหมือนครูที่สอนให้เราเห็นสัจธรรมความจริง เห็นสัจธรรมว่ามันไม่จีรังยั่งยืนมันมาแล้วก็ไป เห็นว่ามันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา ความจริงก็เป็นอย่างนั้นแหละ เวลาโกรธเป็นเพราะความโง่ของเราความหลงของเราก็เลยคิดว่าเราโกรธ ที่จริงมันไม่ใช่เราเลยไม่มีเราที่โกรธเลย มันมีแค่ความโกรธ เวลาเศร้ามันก็ไม่มีเราเศร้ามีแต่ความเศร้าเกิดขึ้น แต่เพราะความโง่แท้ ๆ ถึงไปหลงคิดว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา
เพราะว่าไม่รู้จักสรุปบทเรียน แต่ถ้าเรามีสติบ่อย ๆ เราจะฉลาดขึ้นนอกจากจะไม่ถูกมันหลอกแล้ว เรายังสามารถจะใช้มันเพื่อทำให้เราฉลาดกว่าเดิมเกิดปัญญามากขึ้นจนสามารถจะอิสระจากความทุกข์ได้