แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เป็นวันที่สามที่เราจะได้มาใช้ชีวิตที่ทุ่งกะมังได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติซึ่งเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่รอการเรียนรู้และการค้นพบจากเรา ลองสังเกต ใช้ตา ใช้หูของเรา หรืออาจจะรวมไปถึงการใช้จมูกของเราด้วยในการรับรู้ธรรมชาติ และกลางคืนอย่างนี้เราอาจจะได้ยินเสียง เสียงแมลง เสียงกวาง เสียงเก้ง หรือเสียงนก พอสว่างลองใช้สายตาของเราสังเกตดูความเป็นไปรอบตัว อาจจะได้เห็นนกนานาชนิดที่เขาอาจจะอาศัยต้นไม้เป็นที่อาศัยหลบซ่อน นกแต่ละชนิดมีนิสัยมีธรรมชาติที่น่าสนใจ มีนกชนิดหนึ่งที่เมืองไทยคงไม่มี แต่มีที่เมืองนอก เรียกว่านกกินผึ้ง นกกินผึ้งกินผึ้งเป็นๆ แล้วนกชนิดนี้รู้ว่าถ้าจะไปกินผึ้งจากรังยากมากเพราะว่ารังมีผึ้งเป็นพันเป็นหมื่นตัว ขืนทะเล่อทะล่าเข้าไปอาจจะโดนฝูงผึ้งรุมทำร้ายได้ นกชนิดนี้รู้ว่าถ้าจะกินผึ้งได้ต้องอาศัยตัวช่วย ตัวช่วยคือใคร คือคนนั่นแหละ ตัวช่วยคือคน
เพราะคนไม่กินผึ้ง แต่ว่าคนต้องการน้ำผึ้ง ทำยังไงต้องไปชวนมา นกกินผึ้งจะไปชวนคนมา เวลาเห็นคนโดยเฉพาะตามหมู่บ้านหรือว่าพวกพรานนกกินผึ้งจะไปบินวนอยู่รอบๆ หรือไปส่งเสียงร้อง ส่งเสียงร้องทำไม ส่งเสียงร้องเพื่อเชิญชวน แต่ก่อนคนไม่รู้หรอกว่านกชนิดนี้เรียกไปทำไม พอหลังคนรู้แล้วว่าเรียกไปให้ไปหารังผึ้ง คนจะเดินตามนก นกจะบินอยู่ข้างบนเหมือนกับโดรน เคยเห็นโดรนไหม ส่วนคนจะเดินตามนกไป นกบินเร็วบินไปถึงรังผึ้งก่อน นกไม่เห็นคน คนยังไม่มา นกจะบินกลับไปหาคนใหม่และไปเรียกคน คนเดินตามนกบิน บินตรงดิ่งไปที่รังผึ้งรอคน คนยังไม่มาจะบินไปหาคนใหม่ พอคนเห็นนกจะรู้แล้วว่าจะไปทางไหน บางทีคนหลงทาง นกคอยนำทาง บินกลับไปกลับมาระหว่างรังผึ้งหรือต้นไม้กับคน ค่อยๆนำพาคนไปจนถึงรังผึ้ง และคนจะสุมควัน ผึ้งเจอควันจะกระจายออก พอผึ้งหนีไปคนได้รังผึ้งเอาน้ำผึ้งไปกิน ส่วนผึ้งที่โดนควันไล่จะกระเจิง คราวนี้เป็นโอกาสของนกกินผึ้ง นกจะกินผึ้งไปทีละตัว เรียกว่าวินวินกันทั้งคู่ นกได้ผึ้งคนได้น้ำผึ้ง นกฉลาดรู้ว่าคนจะช่วยได้ ส่วนคนรู้จักอยู่กับนกชนิดนี้มาจนรู้ว่าแบบนี้เขามาเรียกเรา เรียกเราให้ไปกินให้ไปตีผึ้งหรือให้ไปสุมควันไล่ผึ้ง แต่คราวนี้ มีรายละเอียดเพิ่ม บางทีคนเราถ้าเกิดเห็นว่านกเวลาบินไปที่รังผึ้งและ เรียกคนมาแล้วคนเดินตามนกบินรออยู่ที่รังผึ้ง ถ้าไม่เห็นคนมาบินกลับไปเรียกคน คนถ้าสังเกตว่านกหายไปนานกว่าจะโผล่มาอีกที บางทีครึ่งชั่วโมง แสดงว่าอะไร แสดงว่ารังผึ้งอยู่ไกลคนขี้เกียจไป รังผึ้งไกลเกินไป คนไม่ไปแล้ว คนไม่เดินตาม ไม่ตามหาเพราะรู้ว่าไกล นกรอคนเห็นคนไม่ไปไหน คนเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางรู้แล้วว่าที่คนไม่ไปเพราะอะไร เพราะไกล เพราะฉะนั้น นกมีออกอุบาย เวลาไปจะหายตัวไปไม่นาน เช่นแทนที่จะบินไปจากคนไปหารังผึ้ง สมมุติเป็นสองสามกิโล รู้ว่าขืนบินไปบินมาอย่างนี้ คนไม่ตามมาเพราะคนรู้ว่าไกล จะบินไปแค่สักห้าร้อยเมตร แล้วกลับมาเรียกคน คนนึกว่ารังผึ้งอยู่ใกล้แค่นี้เอง คนเดินตาม กว่าจะรู้ว่าโดนนกหลอกเดินไปแล้วเป็นชั่วโมง
คนบางทีโดนนกหลอก นกแกล้งหลอกว่าทางไม่ไกล บินไปแค่ห้าร้อยเมตรแล้วกลับมา ที่จริงทางเป็นกิโล แต่หลังจากคนรู้ว่าถูกนกหลอก ทำยังไงจะแน่ใจว่ารังผึ้งอยู่ไม่ไกลหรือว่าอยู่ไกล และแน่ใจว่าจะไม่โดนนกหลอก ต้องเดินไปข้างหน้าเพื่อดูให้แน่ใจว่านกหลอกเราหรือเปล่า เช่นว่าไปแค่ห้าร้อยเมตรแล้วยังไม่ถึงรังผึ้งก็เดินกลับมา คนรู้แล้วว่าอย่างนี้นกหลอกแน่ก็ไม่ไป คนฉลาดจะเลือกแต่รังผึ้งที่ใกล้ๆ รังผึ้งไกล ๆ ไม่ไป ส่วนนกอยากได้รังผึ้งหาทางหลอกคน คนต้องพยายามรู้ทันว่านกหลอกหรือเปล่า ตกลงนกต้องหาทางพยายามไม่ให้คนรู้ทัน มีอุบายต่าง ๆ สุดท้ายสามารถจะพาคนไปที่รังผึ้งได้ แบบนี้เป็นความฉลาดของนก แล้วในขณะเดียวกันเป็นเรื่องของการร่วมมือกันระหว่างนกกับคน ในธรรมชาติจะมีความร่วมมือกัน บางทีไม่ต้องอาศัยคนได้ ร่วมมือกันอย่างที่เราเคยไปเห็นต้นไทร
ต้นไทรใหญ่ เป็นที่พึ่งพาอาศัยของของสัตว์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นแมลง เป็นนก กระรอก ลิง แต่ขณะเดียวกันต้นไทรต้องอาศัยสัตว์ด้วย อาศัยแมลงเพื่อที่จะทำให้สามารถจะแพร่พันธุ์ไปได้ไกล ๆ ต้องอาศัยนก อาศัยสัตว์แหละ ไทรให้ร่มเงากับสัตว์เหล่านี้ สัตว์เหล่านี้มากินลูกไทร ลูกไทรอยู่ในท้องของนกของสัตว์ เวลาไปไหนช่วยแพร่พันธุ์ไปด้วย เวลาสัตว์ขี้จะมีพวกลูกไทรกระจายไปตามที่ต่าง ๆ เราพึ่งพาอาศัยกัน ต้นไทรให้ร่มเงาให้อาหารกับสัตว์เหล่านี้ขณะเดียวกันอาศัยสัตว์เหล่านี้ช่วยกระจาย ลูกไทรให้แพร่ไปไกล ๆ เขาเรียกพวกนี้เป็นนักปลูกป่าได้ประโยชน์ทั้งต้นไทรด้วยและสัตว์ด้วย คนเราได้ประโยชน์จากป่ามากมายได้เปรียบจากธรรมชาติมากมาย ทั้งเนื้อทั้งตัวเราเกิดจากธรรมชาติ อากาศที่เราหายใจมาจากออกซิเจน ที่ต้นไม้เขาผลิตมาให้ ที่จริงไม่ใช่ต้นไม่อย่างเดียวยังมีอีกเยอะแยะที่ผลิตออกซิเจนให้เรา แม้แต่สาหร่ายตัวเล็กๆที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ในทะเลมีพวกสาหร่าย พวกแพลงตอน แพลงตอนเล็กมากเป็นตัวผลิตออกซิเจนเนื้อตัวเรา หนังเรา มาจากไหนมาจากอาหาร อาหารมาจากไหน อาหารมาจากป่าอาหารมาจากธรรมชาติ ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าอาหารเราไปซื้อมาจากตลาด ไปซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ต ไปซื้อจากเซเว่น-อีเลฟเว่น แบบนั้นเป็นปลายทาง แต่ต้นทางนั้นคือธรรมชาติ
แม้แต่จีวรหรือเสื้อที่เราสวมใส่มาจากธรรมชาติ มาจากฝ้าย บางคนบอกว่าเดี่ยวนี้ไม่ใช้ฝ้ายแล้วใช้โพลีเอสเตอร์ใช้ไนลอน แบบนี้มาจากน้ำ น้ำมาจากไหน น้ำมาจากซากพืชซากสัตว์ที่สะสมทับถมกันเป็นหลายร้อยล้านปี แว่นตาของเรามาจากธรรมชาติที่เราใส่มาจากแร่ธาตุต่าง ๆที่ฝั่งอยู่ในดิน มนุษย์เราเอามาถลุงให้กลายเป็นเหล็กบ้าง บางทีมาสังเคราะห์แต่ว่ามาจากธรรมชาติทั้งนั้นอลูมิเนียม เหล็ก ตะกั่วพวกนี้ธรรมชาติทั้งนั้น ทั้งเนื้อทั้งตัวเรา ตับไตไส้พุงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหารอากาศ แร่ธาตุจากธรรมชาติ แล้วเราเป็นหนี้บุญคุณธรรมชาติมากมาย เราเคยเคยตระหนักหรือไม่ว่าธรรมชาติเขาก่อรูปก่อร่างเป็นตัวเราขึ้นมา คนสมัยก่อนเรียกธรรมชาติเป็นแม่ แม่ธรณี แม่คงคา แม่โพสพ เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วควรจะสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติ แล้วถ้าเราไม่สำนึกใบบุญคุณธรรมชาติ เราทำลายธรรมชาติอาจจะลงเอยเหมือนกับนิทานเรื่องหนึ่งในชาดก มีกวางตัวหนึ่งโดนพรานไล่ล่า พรานเข้าไปในป่าเห็นกวางไล่ล่า กวางหลบ ไม่รู้จะหลบไปทางไหนหลบอยู่ในพุ่มไม้หนา หลบซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ในดงไม้ ปรากฏว่าพรานมองไม่เห็น พรานเดินผ่านไป กวางอยู่ในพุ่มไม้ อยู่สุขสบาย กวางกินใบไม้ กินใบจากพุ่มไม้ที่หลบซ่อนอยู่ กินจนเพลิน กินจนกระทั่งใบไม้แทบไม่เหลือ พุ่มไม้ที่หนาๆที่กวางเคยหลบหรือบังกวางได้บังไม่ได้แล้ว เพราะว่ากวางกินใบไม้จนบางตา พรานไปตามล่าหากวางไปไม่เจอวกกลับมาตรงจุดที่เคยเป็นพุ่มไม้แต่ตอนนี้ไม่ใช่พุ่มไม้แล้วเพราะว่าใบแทบไม่เหลือแล้ว กวางกินจนเพลินก็นอน พรานกลับมาเจอกวาง กวางหนีไม่ทันโดนยิงตาย ก่อนจะตายกวางรำพึงว่า เรามาอาศัยพุ่มไม้หลบภัยแต่เราไม่เห็นบุญคุณของพุ่มไม้เรากินใบไม้จนไม่เหลือพุ่มไม้ พุ่มไม้ไม่สามารถจะบังเราได้ต่อไป ก็ต้องตาย มาได้สำนึกผิดว่าเป็นเพราะเราไม่มีความกตัญญูรู้คุณพุ่มไม้ เรากินใบจนหมด เราจึงตาย
เป็นนิทานในชาดกที่เขาไม่ได้สอนกวาง นิทานเขาสอนใคร เขาสอนคนว่าคนเราอาศัยธรรมชาติแล้วต้องรู้จักปกป้องรักษาหรือว่าเคารพธรรมชาติ ไม่ใช่ว่าอาศัยธรรมชาติให้น้ำให้อาหาร ให้ที่พัก ให้ปัจจัยสี่ ให้เสร็จแล้วทำลายจนไม่เหลือ เราต้องรู้จักเห็นคุณค่าของธรรมชาติและสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติแล้วช่วยกันรักษาเอาไว้ พุทธเจ้าตรัสว่าผู้ใดอาศัยร่มเงาของต้นไม้ ไม่ควรลิดกิ่ง ลิดใบของต้นไม้นั้น เพราะผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทรามในเมื่อเราอาศัยร่มเงาของต้นไม้ เราอย่าไปทำลายต้นไม้นั้น อย่าไปลิดกิ่ง หรือโค่นต้นไม้นั้น แม้จะลิดกิ่งถือว่าเป็นผู้ประทุษร้ายมิตร และผู้ประทุษร้ายมิตรเป็นคนเลวทรามแบบนี้พระพุทธเจ้าสอนให้เรามองว่าธรรมชาติ ต้นไม้เป็นมิตร เป็นมิตรไม่ใช้แค่ทรัพยากร เดี่ยวนี้เราถูกสอนว่าพวกนี้เป็นทรัพยากร ทรัพยากรแปลว่าสิ่งที่จะมาสนองความต้องการของมนุษย์ต้นไม้ไม่ใช่ทรัพยากรแค่นั้นเป็นมากกว่านั้น เป็นมิตรที่ช่วยให้คนเราเจริญและสุขสบายมาจนทุกวันนี้
แต่ว่ามนุษย์เราเดี่ยวนี้ไม่ค่อยได้รักมิตรหรือว่าเคารพผู้มีพระคุณเท่าไหร่ ยิ่งสบายมากเท่าไหร่ยิ่งทำลาย เพื่อจะได้เอาเอาทรัพยากร เอาไม้ เอาสัตว์เอาแร่ธาตุมาใช้ปนเปรอตัวเองมากขึ้นหรือแม้แต่ทำลายป่าเพื่อสร้างเขื่อน สร้างเขื่อนไปทำอะไรเพื่อผลิตไฟฟ้าแล้วเราใช้ไฟฟ้ากันอย่างฟุ่มเฟือยทั้ง ๆ ที่ใช้อย่างประหยัดได้แต่เราใช้อย่างฟุ่มเฟือยเปิดไฟทิ้งทั้งวัน บางทีเปิดแอร์ทิ้งทั้งวัน ไม่อยู่บ้านเปิดแอร์ทิ้งไว้ เปิดน้ำเวลาล้างหน้าเปิดทิ้งเอาไว้แทนที่จะเปิดเฉพาะเวลาจะใช้เราเอาความสบายเดี่ยวนี้เราถือว่าความสบายเป็นพระเจ้า เราทำลายธรรมชาติ เสร็จแล้วตอนนี้เราต้องมารับกรรม ตอนนี้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล อากาศเป็นมลพิษ ดินตายปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้น น้ำเสียปลาในทะเลหดหายอีกไม่นานน้ำท่วมแล้วเพราะว่าเกิดปรากฏการณ์โลกร้อน
รู้จักไหมโลกร้อน ตอนนี้พวกเราอีกสักห้าสิบปี ไม่ต้องห้าสิบปี ยี่สิบปีคงได้เจอแล้ว ตอนนี้ปรากฏอยู่เป็นระยะๆหรือว่าต่อเนื่อง เขาว่ายี่สิบปีกรุงเทพคงจะโดนน้ำท่วมและเกาะอีกหลายเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดียจะโดนน้ำท่วมเพราะว่าน้ำแข็งละลาย น้ำแข็งบนขั้วโลกเหนือละลาย น้ำท่วม หลวงพ่ออาจจะไม่ได้เจอแล้วแต่ว่าพวกเราต้องเจอ แต่ถ้าอายุซักสี่สิบห้าสิบ แบบนี้เป็นเพราะว่าเราไม่เห็นถึงบุญคุณธรรมชาติ เราไม่เคารพธรรมชาติ เราเห็นแก่ตัวและคิดว่าต้นไม้เป็นแค่ซุงที่ยังไม่ได้ตัด เราไม่ได้รู้สึกว่าเขามีชีวิตแบบที่เขารู้ร้อนรู้หนาวได้ ตอนนี้เขาพบแล้วว่าต้นไม้โดยเฉพาะในป่าไม่ใช่อย่างที่เรานึกกัน เป็นหมู่เป็นคณะ มีความรู้สึกร้อน รู้สึกหนาวช่วยเหมือนกัน ต้นไม้ช่วยเหลือกัน อย่างเช่น เขาพบในแอฟริกาเวลามียีราฟ
รู้จักยีราฟหรือเปล่า ยีราฟกินใบไม้ เวลากินใบไม้ หรือแมลงได้ กินใบไม้ ต้นไม้จะส่งกลิ่น ส่งกลิ่นไปทำไม ส่งกลิ่นไปบอกพรรคพวกที่อยู่รอบ ๆ ว่ามีภัยกำลังมาต้นไม้ต้นอื่นที่ได้กลิ่นจะเริ่มเตรียมตัวแล้ว เตรียมตัวรับมือกับภัยที่กำลังจะมา เตรียมตัวยังไงรู้ไหม จะเริ่มผลิตสารพิษขึ้นมาตามใบไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกสัตว์มากินต้นไม้ต้นอื่น ต้นแรกที่ถูกกินจะส่งสัญญาณเป็นกลิ่นคล้าย ๆ กับมดเวลาส่งสัญญาณส่งสัญญาณทางกลิ่นไม่มีภาษาพูด มดส่งสัญญาณเรียกว่าฟีโรโมน ต้นไม้ส่งกลิ่นแต่ไม่ใช่ฟีโรโมนส่งสัญญาณเป็นกลิ่นเป็นสารให้ต้นไม้ต้นอื่นๆคอยรู้ว่าเตรียมตัว กำลังจะมีสัตว์ร้ายมากินใบของพวกเราแล้ว จะเตรียมปล่อยสารพิษออกมา ทั้งนี้พบว่าต้นไม้อยู่เป็นครอบครัว ไม่ใช่ครอบครัวแต่เป็นเมือง เป็นชุมชน ต้นไม้อยู่กันเป็นชุมชนไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่แต่เป็นชุมชน และเหมือนกับคน คนเขาเรียกว่าเป็นสัตว์สังคมอยู่กันเป็นกลุ่ม
ต้นไม้ในป่าเขาเรียกว่าเป็นพืชสังคมจะอยู่กันเป็นกลุ่มและคอยช่วยกัน แบบนี้เป็นข้อมูลใหม่ที่เราเพิ่งรู้และคงจะรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเช่นเดี่ยวนี้ถ้าต้นไม้ในป่าต้นไหนถูกตัดถูกโค่นเหลือแต่ตอ แต่ยังมีบางตอที่ไม่ตายเพราะว่าต้นไม้รอบๆข้างจะเลี้ยงเอาไว้ รากจะคอยส่งสารอาหารไปเลี้ยงตอเอาไว้แต่จะเป็นเฉพาะตอบางต้น ไม่ใช่เป็นตอทุกต้น ต้นที่เคยเป็นต้นปู่ต้นย่าต้นตาต้นยายเขาจะเลี้ยงเอาไว้ สงสัยว่าต้นไม้ต้นอื่นๆที่อยู่รอบๆที่คอยเลี้ยงตอคงจะเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานหรือเป็นเพื่อนเลี้ยงเอาไว้เพราะตออายุสามสิบปีแล้วยังไม่ตาย ไม่ตายและไม่แข็ง เพราะว่ามีการเลี้ยงเอาไว้ทางรากแสดงว่าเขารักกัน ต้นไม้เขารักกัน ช่วยเหลือกัน มีชีวิตจิตใจ เหมือนคนเรา เวลาใครเดือดร้อนจะมีอีกคนหนึ่งคอยช่วย เหมือนกับช้าง ช้างที่เมื่อตัวหนึ่งถูกยิงตัวที่เหลือจะไปหนีบเอาไว้แล้วพาหนีภัย สัตว์เขาอยู่กันเป็นชุมชนช่วยเหลือกันมาก แม้แต่ว่าสัตว์ต่างชนิดช่วยเหลือกัน
เคยดูคลิปวีดีโอกันหรือเปล่า ในสวนสัตว์แห่งหนึ่งมีหงส์ตัวหนึ่ง คนเลี้ยงหงส์เอาอาหารไปให้หงส์ พวกขนมปัง หงส์กินนิดหน่อยเสร็จแล้วที่เหลือเอาไปให้ปลา ปลาที่อยู่ในบึงปลาที่อยู่ในสระเป็นปลาคราฟบ้าง ปลานิลบ้าง ถึงเวลาอาหารของหงส์ปลาในบึงในสระจะมาออกันอยู่ใกล้ๆหงส์อยู่ริมฝั่ง หงส์กินอาหารเสร็จเหลือ เสร็จแล้วเอาอาหารที่เหลือมาให้ปลา ให้ทีละตัว คาบอาหารแล้วมาปล่อยให้ปลาทีละตัวทีละตัว ปลากิน กินแล้วไป กินแล้วไปตัวอื่นมา เขาช่วยเหลือกัน เดี่ยวนี้เราพบว่าแม้แต่ต้นไม้เป็นแบบนี้เหมือนกัน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่นก ไม่ใช่หงส์ ไม่ใช่ช้างที่ทำแบบนี้ได้ ต้นไม้ทำแบบนี้เหมือนกัน เวลาเราไปอยู่ท่ามกลางต้นไม้ให้รู้เอาไว้ว่าแบบนี้เราอยู่ท่ามกลางชีวิตที่เขาจะเรียกว่ามีจิตมีใจคงพอเรียกได้ ที่เอาใจใส่ช่วยเหลือกัน ไม่ใช่ทรัพยากรที่เราจะตัดเอาไปขายเพราะนึกว่าเป็นแค่คาร์บอน วิทยาศาสตร์บอกว่าคือคาร์บอนแต่ที่จริงเขามีชีวิตจิตใจมีความรู้สึกเดือดเนื้อ รู้ร้อนรู้หนาวเวลาเพื่อนถูกตัดตัวต้นไม้ต้นอื่นรู้ร้อนรู้หนาวด้วยเวลาเหลือแต่ตอเขาช่วยเหลือกัน เหมือนกับมีจิตมีใจแบบเดียวกับเรา
ถ้ารู้จักธรรมชาติแบบนี้เอาไว้เราจะได้มีความเคารพและช่วยกันรักษาปลูกต้นไม้ให้เป็นป่าหรือว่าปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาและเพื่อเราจะได้ดูแลเขา สนทนากับเขา กอดเขาบ้าง เวลากอดต้นไม้ไม่ใช่เราที่จะได้พลังจากต้นไม้ ต้นไม้จะอบอุ่นด้วย คนที่ไปกอดต้นไม้บ่อย ๆ ต้นไม้จะเจริญเติบโตได้ดี เวลาเราร้องเพลงให้ต้นไม้ได้ฟังต้นไม้จะเจริญเติบโตได้ไว คนร้องมีความสุขต้นไม้พลอยเจริญเติบโตด้วย สัตว์เหมือนกันเราร้องเพลงให้สัตว์ฟังสัตว์ชอบ เรากอดสัตว์สัตว์ชอบ ต้นไม้ชอบเหมือนกัน ถ้าที่บ้านเรามีพื้นที่และปลูกต้นไม้เอาไว้ ไม้ยืนต้นและบำรุงดูแลเขาไม่ใช่ด้วยน้ำด้วยปุ๋ยอย่างเดียว แต่ด้วยเสียงเพลงด้วยการสัมผัสที่อ่อนโยน เขาจะโตไวโตไวจะให้ร่มเงากับเราและเราจะมีความสุขทั้งต้นไม้และคน