แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ธรรมของพระพุทธเจ้า บางคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องลึกซึ้งเข้าใจยาก ปฏิบัติยาก อันนั้นก็มีอยู่ แต่ว่าธรรมที่เข้าใจง่ายปฏิบัติง่าย ก็มีอยู่มากมาย พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแต่เรื่องลึกซึ้งประเภทโลกุตระ เหนือโลกเท่านั้น ยังสอนธรรมช่วยทำให้มีความสุขในปัจจุบันแบบชาวโลกได้ พูดอีกอย่างหนึ่งว่าทรงสอนทั้งทางธรรมและทางโลก
ความสุขทางธรรมหมายถึง ความสุขทางใจที่เกิดจากการเข้าใจความจริงของชีวิตจนปล่อยวางได้ ส่วนความสุขทางโลกเป็นความสุขแบบง่ายๆ เช่นการทำมาหากิน พระพุทธเจ้าสอนแม้กระทั่งว่า เมื่อได้เงินมาแล้วจะใช้เงินอย่างไร จึงจะทำให้ไม่อัตคัดขัดสน ทำมาหากินอะไร ประกอบการค้าอาชีพอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ มีเรื่องพวกนี้มากมาย แม้กระทั่งว่า ทำอย่างไรถึงจะลดความอ้วนได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า เวลากินก็ให้มีสติ ผู้มีสติรู้จักประมาณการบริโภค ย่อมมีอาพาธน้อย และอายุยืน ทำให้พระเจ้าปเสนทิโกศลสามารถลดความอ้วนได้ ด้วยการบอกให้มหาดเล็กคอยเตือนระหว่างเสวยพระกระยาหาร ทำให้รู้จักกินอย่างพอประมาณ และก็เห็นผลชัดเจนในเวลาไม่นาน จะลุก จะเดิน นั่ง ก็สะดวกขึ้น
พระพุทธเจ้าสอนกระทั่งว่าทำอย่างไรถึงจะอายุยืน อายุยืนเป็นความสุขทางโลก ใครๆ ก็อยากจะมีอายุยืน พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่าให้รู้จักทำความสบายให้กับตัวเอง อันนั้นเป็นข้อแรก หลายคนคงจะแปลกใจเพราะคิดว่าพระพุทธเจ้าจะสอนให้ทำให้ตัวลำบาก ที่จริงการทำความสบายให้กับตัวเองเป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าสนับสนุน
แต่ข้อต่อไปคือต้องประมาณในความสบาย อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพระว่าคนเรายิ่งสบายมากขึ้นก็ยิ่งติด อันนี้ก็เป็นปัญหาของคนสมัยนี้มาก เพราะว่าเราสบายอย่างเดียวไม่พอ ยังนับถือความสบายเป็นพระเจ้า อะไรที่สบายก็ขอเอาไว้ก่อน โรคภัยไข้เจ็บของคนสมัยนี้ก็เกิดจากความสบายมากไป เช่น ไม่ออกกำลังกาย นั่งๆ นอนๆ มาก นอน 8 ชั่วโมง นั่ง 9-10 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่นั่งรถไปทำงาน พอถึงที่ทำงานก็นั่งอีก 7-8 ชั่วโมง แทบจะไม่ได้ขยับอะไรเลย กลับมาบ้านก็นั่งอีก ไม่ใช่แค่นั่งกินข้าว นั่งดูโทรทัศน์ นั่งฟังเพลง สมัยนี้ก็ยังมีเฟสบุค เกมส์ออนไลน์ ก็นั่งอีก 2-3 ชั่วโมง มีความสบายมาก แล้วก็ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บมาก คือ กินมากแต่ออกกำลังกายน้อย ทำให้เกิดโรคหัวใจ เพราะว่าไขมันสะสมในร่างกาย
อันนี้ยังไม่พูดถึงมีพิษสะสมในร่างกายได้ด้วยเหมือนกัน จนปัจจุบันต้องขวนขวายล้างพิษ อย่างที่มาล้างพิษกันที่วัดป่าสุคะโตกันมาก ปีหนึ่งหลายครั้ง ที่อื่นก็มีมากมาย ส่วนใหญ่ก็เพราะว่า มีชีวิตที่สะดวกสบาย กินมากแต่ว่าไม่ได้ออกกำลังกาย พิษก็มาสะสมมาก ไขมันต่างๆพอกพูน เรียกว่าเป็นโรคคนสมัยใหม่ บางที่ก็เรียกว่าเป็นโรคขี้เกียจ เช่นโรคความดัน โรคหัวใจ เบาหวาน มะเร็งด้วย มาจากความสบายมากเกินไป การที่รู้จักประมาณในความสบาย อันนี้สำคัญ จึงต้องรู้จักออกกำลังกายบ้าง หรือว่าต้องไปใช้กำลัง ใช้เรี่ยวแรงบ้าง เดี๋ยวนี้ประเทศยุโรป อเมริกา สำนักงานบางแห่งให้คนยืนทำงาน ไม่ใช่นั่งทำงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทำให้สมองแล่น เลือดลมก็ไหลเวียนดีขึ้น สุขภาพก็ดีขึ้น รายจ่ายค่ารักษาพยาบาลก็น้อยลง การออกกำลังกายด้วยการวิ่ง เดินบ้าง แทนที่จะใช้ลิฟท์ก็เดินขึ้นบันไดแทน จะนั่งรถก็ใช้เดิน ที่วัดป่าสุคะโตเดี๋ยวนี้เดินกันน้อยลง หลังจากเดินบิณฑบาตแล้ว สมัยก่อนเวลาจะไปอีกตำบล เช่น ท่ามะไฟหวาน ก็ใช้เดินเอา ไม่มีรถบัส จะลงไปอำเภอแก้งคร้อก็ต้องเดินไปที่ตำบลท่ามะไฟหวาน เป็นชีวิตที่ต้องใช้เรี่ยวใช้แรง ทำให้สุขภาพดี
แต่สมัยนี้แม้กระทั่งที่วัดป่าสุคะโตก็เริ่มสบายมากขึ้น ไม่ต้องเดินไปขึ้นรถที่ท่ามะไฟหวาน แค่เดินไปขึ้นที่ท่ารถที่กุดโง้งซึ่งใกล้กว่าก็ไม่ค่อยเดินกันแล้ว เพราะที่วัดมีรถ ขนาดวัดป่ายังขนาดนี้ ยิ่งในเมืองก็สบายกันใหญ่ เดินกันไม่เป็นแล้ว ต้องนั่งรถ ไปปากซอยต้องนั่งรถมอเตอร์ไซด์ ไปรถเมล์ก็ไม่อยากขึ้นกันแล้วเพราะต้องเดินไปขึ้นที่ป้ายรถเมล์ ก็เลยต้องไปออกรถ ผ่อนรถ จากบ้านจะได้ไม่ต้องเดิน ขับรถจากบ้านไปถึงที่ทำงานเลย พอสบายมากไป ก็เกิดโรคมากมาย มีคนบอกว่าถ้าหากต้องการมีสุขภาพดี ต้องเดินวันหนึ่งหนึ่งหมื่นก้าว ถ้าเดินจากที่วัดป่าสุคะโตไปท่ามะไฟหวานก็ 5,300 ก้าว ไปกลับก็ หมื่นกว่าก้าวแล้ว
การเดินออกกำลังกายนั้นเหนื่อย แต่ว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย สมัยนี้คนเราไปเชิดชูความสะดวกสบายมาก สุดท้ายมันกลับกลายมาเป็นโทษต่อเรา พระพุทธเจ้าตรัสว่าอย่าสบายมากไป เพราะว่า พระองค์เข้าใจเรื่องสุขภาพของมนุษย์ดี
ประการที่ 3 กินอาหารที่ย่อยง่าย ได้แก่ข้าว ผัก แม้กระทั่งถ้าเป็นเนื้อก็เป็นเนื้อที่ย่อยง่ายเช่นปลา คนสมัยนี้กินเนื้อมาก เนื้อหมู เนื้อวัว พวกนี้เป็นอาหารย่อยยาก ทำให้โรคหัวใจเกิดขึ้น คนในอเมริกา 1 ใน 3 โดยเฉพาะเด็กอย่างเดียวกินอาหารประเภทขยะทั้งประเทศเลย ทุกวัน 1 ใน 3 หรือประมาณ 30% เดี๋ยวนี้เด็กในยุโรป อเมริกามีปัญหามากเรื่องเด็กอ้วน ตามมาด้วยปัญหาการขับถ่าย การย่อย เพราะอาหารที่กินเป็นเนื้อ เนื้อที่ย่อยยาก พระพุทธเจ้าทรงเห็นการณ์ไกล การรู้จักกินอาหารที่ย่อยง่ายทำให้สุขภาพดี ก็จะทำให้อายุยืน
ข้อที่ 4 พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า ถ้าอยากอายุยืนขึ้นก็ต้องรู้จักรักษาศีลด้วย ทำไมรักษาศีลทำให้อายุยืน เอาแค่ข้อศีล 5 ถ้าเรารักษาดี โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากกินเหล้าเมาสุรารวมถึงบุหรี่ก็น้อยลง เดี๋ยวนี้คนตายกันมากขึ้นเพราะสุรา และบุหรี่ เพราะว่า มีเงิน พอเศรษฐกิจดีคนก็กินเหล้ากันมากขึ้น คนไทยสมัยก่อนกินเหล้าในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น สงกรานต์ วันนักขัตฤกษ์ เดี๋ยวนี้กินกันทุกวัน เหล้าก็หาได้ง่ายมาก มีงานวิจัยพบว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย ก็สามารถหาได้ใช้เวลาไม่เกิน 7 นาทีถึงร้านที่ซื้อได้ ถ้าจะเดินมาวัดยังยากกว่าเดินไปซื้อเหล้า แม้ว่าจะอยู่หลังเขาก็หาได้ ขี่มอเตอร์ไซด์เข้าไปในหมู่บ้านก็มีเหล้ากินแล้ว
นอกจากศีลข้อ 5 แล้ว ถือศีล 8 ก็ดีเหมือนกัน การไม่กินอาหารในยามวิกาล กินแค่มื้อสองมื้อมันก็พอเพียงแล้ว เดี๋ยวนี้กินกันสามสี่ห้ามื้อ ทำให้เกิดโรคอ้วนขึ้นมาเพราะว่าเดี๋ยวนี้เรากินเพื่อความสนุกสนานเอารสชาติมากกว่ากินเพื่อสุขภาพ เอาความถูกใจมากกว่าความถูกต้อง การมีศีลยังช่วยทำให้ไม่ไปก่อเรื่องก่อราวกับใคร เพราะว่าถ้าไปผิดศีล มันก็ตายเร็ว อาจจะตายเพราะถูกเขาทำร้ายที่ไปผิดศีลข้อ 3 ไปเป็นชู้กับเขาก็ตายง่ายตายเร็ว หรือว่าไปลักทรัพย์ขโมยของ ก็จะถูกจับเข้าคุกเข้าตารางได้ แค่ศีลก็ช่วยทำให้อายุยืน ไม่ใช่แค่ทำบุญทำให้จิตใจดีเท่านั้น
ข้อที่ 5 การมีมิตรดี ถ้ามีมิตรดี ช่วยให้เรารักษาศีลได้ ถ้ามีมิตรชั่ว การที่จะมีศีลให้ครบ 5 ข้อ มันก็ยาก พอศีลไม่ครบมันก็จะสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง อย่างที่เราสวดมนต์ ถ้าเรารักษาศีลก็ไม่เกิดเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ หากไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจก็จะไม่มีความเครียด อายุก็จะยืน เพราะว่าจิตใจกับร่างกายมันสัมพันธ์กัน ถ้ามีเรื่องเครียดๆ เพราะว่าไปก่อปัญหาสร้างความเดือนร้อนให้กับผู้อื่น เขาก็จะเล่นงาน ไปโกงไปคอร์รัปชั่น เขารู้เขาก็จับเข้าคุก หรือว่าสืบสวน ก็เกิดความเครียดขึ้นมา
คำสอนง่ายๆ ของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เป็นเรื่องที่เข้าใจยาก เพราะว่าเป็นสิ่งที่ถ้าเราทำได้ และเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง จะเห็นได้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการสร้างความสบายและการทำตัวสบายให้กับตนเอง พระพุทธเจ้าไม่สนับสนุนเรื่องการทรมานตนอยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะสงสัยพระพุทธเจ้าที่สอนให้ฝึกฝนอย่างเช่น การธุดงควัตร อันนั้นไม่ใช่เรื่องการทรมานตน หรือการฉันอาหารมื้อเดียว ฉันในบาตร หรือว่าการไม่นอน หมายถึงการไม่หลับด้วยการนอน แต่อาจนั่งหลับได้ อันนี้ก็ไม่ใช่การทรมานตน พระพุทธเจ้าสอนว่าเพื่อเป็นการฝึกฝน เป็นแบบฝึกหัด เพื่อให้เรารู้จักเผชิญกับความยากลำบาก ไม่ใช่ว่าต้องทำทุกคนหรือว่าทำไปตลอด เป็นการขัดเกลาให้รู้จักอดทน เมื่อขัดเกลาได้แล้วจะวางหรือจะเว้นก็ได้ ไม่ทำก็ได้ อย่างไรก็ตาม คนเราต้องรู้จักประมาณในความสบาย อย่าสบายมากไป ถ้าสบายมากไปก็จะทำให้อายุสั้น หรือไม่ก็เกิดปัญหาตามมามากมาย
มีเรื่องเล่าแถวทางทิเบต ลาดัก ภูฏาน มีสามเณรรี นิยมปลีกหลีกเร้นไปอยู่ป่าอยู่ถ้ำ ป่าอาจจะมีน้อยก็นิยมไปอยู่ถ้ำ อันนี้เป็นเรื่องที่ทำกันเห็นได้ทั่วไป ไม่มีในเมืองไทย แต่ในประเทศที่นับถือศาสนาพุทธแบบวัชรยาน เป็นประเพณีของเขา มีสามเณรรีคนหนึ่งไปหลีกเร้นในป่าใกล้ๆหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อยู่แบบปลีกวิเวก สมบัติก็ไม่มีอะไรมาก แค่จีวร ต่อมาก็พบว่าเวลาไปบิณฑบาตก็ดี หรือเวลาไปปฏิบัติธรรมกลางค่ำกลางคืน ก็จะมีปัญหาว่า หนูก็จะชอบกัดจีวร ขาดเป็นรู ท่านก็ต้องคอยปะคอยชุนคอยซ่อม ปะเสร็จเรียบร้อยมันก็มากัดอีกให้เป็นรู ต้องคอยปะใหม่ จีวรก็มีน้อยอยู่แล้ว ในสมัยก่อน ไม่ใช่จะมีจีวรมากมายเหมือนในสมัยนี้ ไปซื้อก็ไม่ได้ ที่มีก็ต้องรักษาให้ดี ถ้ามันขาดก็ต้องซ่อมอย่างเดียว ท่านปะอยู่หลายครั้งเพราะหนูตัวนี้คอยมาก่อกวนอยู่เรื่อยๆ
วันหนึ่งก็รู้สึกเบื่อกับการปะชุน เสียเวลาปฏิบัติธรรม ก็เลยคิดหาทางว่า ทำอย่างไรไม่ให้หนูมากัดจีวร นึกได้ว่าต้องมีแมว แมวจะช่วยไม่ให้หนูมากัดจีวร ที่ต้องมาคอยปะคอยชุนอยู่ร่ำไป คิดได้เช่นนี้ก็ไปขอลูกแมวจากชาวบ้านมา ชาวบ้านก็ให้ลูกแมวมาตัวหนึ่ง พอได้ลูกแมวมาก็มีปัญหาต่อมาว่า ต้องหานม เพราะฉะนั้นก็ต้องไปขอนมวัวจากชาวบ้าน บิณฑบาตทุกวันก็ได้นมวัวมาเลี้ยงแมว หวังว่าเมื่อแมวโตขึ้นจะมาไล่หนู การที่ไปขอนมชาวบ้านทุกวันก็เกรงใจ ก็เลยคิดว่าทำไมเราไม่เลี้ยงวัวเสียเลย จะได้ไม่ต้องรบกวนชาวบ้าน ก็เลยไปขอวัวชาวบ้าน ชาวบ้านก็ให้ ให้วัวมา พอมีวัวแล้วสามเณรรีก็ต้องคอยไปเกี่ยวหญ้าให้วัว เกี่ยวไปเกี่ยวมาก็ชักเบื่อ รู้สึกเหนื่อยแล้ว รู้สึกมันยุ่งยากเหลือเกิน ก็เลยคิดว่าทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ ก็ได้ความคิดว่าน่าจะมีเด็กมาช่วยเกี่ยวหญ้าแทน ก็เลยไปปรึกษาชาวบ้านว่ามีเด็กคนไหนสนใจจะมาช่วยบ้าง สามเณรรีจะช่วยสอนธรรม สอนหนังสือ เป็นเครื่องตอบแทน ก็ได้เด็กชาวบ้านมาคนหนึ่งอายุ 11-12 ปี พอที่จะมาช่วยเกี่ยวหญ้าได้
พอได้เด็กมาแล้วก็มีปัญหาต่อมาว่าเด็กจะมาอยู่กับสามเณรรีก็ไม่ได้ ต้องสร้างกระท่อม สร้างกระต๊อบ ก็เลยต้องลงมือสร้างกระต๊อบ ขณะที่ลงมือสร้างกระต๊อบก็วุ่น ภาวนาก็ไม่ได้ภาวนา ก็บังเอิญมีชาวบ้านมาหา มาปรึกษาเรื่องชีวิต ขอความเห็นคำแนะนำ สามเณรรีก็รำคาญ ก็บอกว่าฉันไม่มีเวลาต้องสร้างกระต๊อบให้เด็ก เด็กจะได้มีเวลาเกี่ยวหญ้าให้วัว แมวฉันก็ได้น้ำนม แมวฉันก็จะได้ไล่หนูไม่ให้มากัดเสื้อของฉัน และฉันก็จะไม่ต้องมาปะชุนบ่อยๆ พอพูดอย่างนี้เข้า ก็นึกขึ้นมาได้ว่า ทั้งหมดนี้เราต้องการแก้เพียงแค่ปัญหาหนูที่มากัดจีวร มันชักจะใหญ่โต แล้วน่ะ ก็เลยได้สติขึ้นมา เพียงแค่ไม่อยากจะปะชุนจีวร เพราะหนูกัดเท่านั้น มันชักจะเลยเถิดแล้วน่ะ
งั้นเลิกดีกว่า ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องเลี้ยงแมว ไม่ต้องเลี้ยงวัว เมื่อไม่ต้องเลี้ยงวัวก็ไม่ต้องเอาเด็กมา เมื่อไม่ต้องเอาเด็กมาก็ไม่ต้องสร้างกระท่อม ก็จบ ง่ายดี นับแต่นั้นมาชีวิตของสามเณรรีก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง มีเวลาปฏิบัติธรรม แล้ววันหนึ่งก็พบว่า ตื่นขึ้นมาจีวรถูกหนูกัดอีกแล้ว แทนที่จะบ่น ก็มานั่งเย็บจีวรอย่างมีความสุข แต่ก่อนนั้นเย็บไปก็บ่นไปว่า มันทำให้ชีวิตฉันยุ่งยากเหลือเกิน แต่ตอนนี้ได้รู้ว่า เย็บจีวรเวลาหนูกัด มันง่ายที่สุด แล้วไม่ต้องบ่นอะไร จีวรมันปะขาดก็เย็บมัน ไม่ต้องหาวิธีการจัดการกับหนูเพื่อไม่ให้หนูมากัดจีวร ก็กลายเป็นว่าจบ ชีวิตมันง่ายขึ้น เพียงเพราะว่ามีความพอใจกับการเย็บจีวีรเมื่อมันขาด
จากที่ทีแรกสามเณรรี รู้สึกว่าการเย็บจีวรเป็นเรื่องยุ่งยาก มันทำให้ไม่สบาย เพราะอยากสบาย ไม่ยากเย็บจีวร ก็เลยหาวิธี แต่วิธีการของสามเณรรีทำให้วุ่นวายหนักขึ้นเรื่อยๆ อันนี้เป็นเรื่องน่าคิดว่าคนเราอยากสบาย วิธีการแก้ความไม่สบายของคนเรามันกลับทำให้ชีวิตคนเรายุ่งยากมากขึ้น เพียงเพราะอยากสบาย คนสมัยนี้เป็นแบบนี้มาก อยากจะสบาย บ้านมีตู้เย็น อยากมีรถยนต์ อยากติดแอร์ มันจะได้ไม่ร้อน ไปไหนมาไหนก็จะได้สะดวก จะได้ไม่ต้องเดินเอา มีน้ำเย็นๆ กิน เห็นไหมว่าชีวิตสบายขึ้นไหม มันไม่สบายเลย ต้องทำมาหาเงินตัวเป็นเกลียว เพื่อจะได้มีเงินมาผ่อนตู้เย็น ผ่อนรถ ผ่อนแอร์ แล้วก็ตามมาอีก อยากได้บ้านใหญ่ที่มั่นคง อยู่สบาย ก็ต้องไปกู้เงินเขามา กู้เงินสหกรณ์มา ถ้าเป็นครูกู้เงินสหกรณ์ กู้เงินมาเป็นแสน ต้องเหนื่อยกับการหาเงิน บางทีต้องมีอาชีพหลายอาชีพ เป็นครูเสร็จ ตอนเย็นก็เป็นพนักงานขายแอมเวย์ ขายประกันบ้าง เดี๋ยวนี้ครูมีอาชีพ 2 - 3 อาชีพ ขายประกัน ขายแอมเวร์บ้าง เพราะความอยากสบายทำให้ชีวิตกลับไม่สบาย กลับทุกข์ยากเหลือเกิน สุดท้ายก็ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัว ไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะมัวคอยแต่หาเงิน ถามว่าหาเงินเพื่ออะไร เพื่อจะให้ชีวิตสบาย แต่สุดท้ายมันก็ไม่สบาย แต่ถ้าเราเพียงพอใจกับสิ่งที่มันก็จะสบายกว่า
อย่างเรื่องของสามเณรรี เริ่มพอใจ ไม่รู้สึกว่าการเย็บจีวรเป็นเรื่องยุ่งยาก ชีวิตก็สบายขึ้น อันนี้ก็เป็นเรื่องของการมองปัญหาด้วยว่า ปัญหาเกิดจากอะไร ทีแรกสามเณรรีคิดว่าปัญหาเกิดจากหนูมากัดทำให้จีวรขาด ก็เลยไปคิดแก้ไขปัญหาแค่ตรงนั้น ก็ไปหาแมวมาไล่หนู พอมีแมวก็ต้องเลี้ยงวัว พอมีวัวก็ต้องหาเด็กมาตัดหญ้าให้วัว ที่จริงปัญหามันแก้ง่ายนิดเดียวก็คือ ปรับที่ใจเรา อย่าไปคิดแต่หาวิธีแก้ว่า ทำอย่างไรอย่าให้หนูมากัด แต่แก้ที่ใจว่าถ้ามันกัดก็แค่ปะเท่านั้นเอง มองว่าการปะจีวรไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก เป็นเรื่องธรรมดาๆ มันก็จบเท่านั้น ปรับที่ใจมีความสุขกับการเย็บจีวร ถือว่าการเย็บจีวรเป็นภาวนาไปด้วย
คนสมัยนี้ไปมองปัญหาเกิดจากข้างนอก ปัญหาเกิดจากการที่มีบ้านเล็กไป ปัญหาเกิดเพราะว่าเราไม่มีตู้เย็น ไม่มีรถยนต์ แต่ที่จริงปัญหาเกิดจากเราไม่พอใจในสิ่งที่มีมากกว่า ไปคิดว่าบ้านเล็กคือปัญหา ไปคิดว่าการเดินนั้นคือปัญหา อย่าไปมองปัญหาว่าอยู่ที่ข้างนอก ให้กลับมามองว่าปัญหาอยู่ที่ใจเราหรือเปล่า เพียงแค่ปรับใจเรา ชีวิตก็ง่ายขึ้น ไม่วุ่นวาย วิธีการแก้ปัญหาชีวิตของเราของชาวโลกมองปัญหาว่าเกิดจากข้างนอก ต้องแก้ที่ข้างนอก มันก็เลยมีอะไรๆตามมาที่เป็นภาระ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า รู้จักประมาณความสบาย เป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าอยากสบายเรื่อยๆ อยากสบายให้มากกว่านี้ ชีวิตก็เลยกลายเป็นว่ายุ่งยากกว่าเดิม และแถมยังทำให้อายุสั้นด้วย เพราะยิ่งสบายมากขึ้นอายุก็ยิ่งสั้นกว่าเดิม เพราะว่าสุขภาพร่างกายย่ำแย่ แต่ถึงแม้ว่าอายุยังไม่ทันจะสั้นหมายถึงยังไม่ทันเจ็บ ไม่ทันป่วย ก็เจอเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น คนสมัยนี้พออยากจะสบาย ก็กลายเป็นว่าไม่มีเวลาแล้ว คนสมัยก่อนมีชีวิตลำบาก จะใช้น้ำก็ต้องไปตักมาจากบ่อ จะกินข้าวก็ต้องไปติดไฟ ไปหาฟืนมา จะทำแต่ละอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ หุงข้าว ใช้เวลาทั้งนั้น ไม่มีมาม่า ที่ทำประเภทประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีหม้อหุงข้าว แต่ทั้งที่ๆ ชาวบ้านเขาต้องใช้เวลาในการทำสิ่งนั้นสิ่งนี้มากมาย แต่แปลกไหมเขามีเวลา ชาวบ้านไม่ค่อยมีความรู้สึกหรือบ่นว่าไม่มีเวลา
คนสมัยนี้มีเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกมาก แต่ชอบบ่นว่าไม่มีเวลา ไม่รู้เวลาหายไปไหนหมด ไม่มีเวลาแม้กระทั่งอยู่กับลูก ไม่มีเวลากินข้าวพร้อมหน้า ไม่มีเวลาแม้กระทั่งพักผ่อน เวลาหายไปไหน เวลาหายไปกับการแสวงหาความสะดวกสบาย เวลาหมดไปเพราะอยากจะหาเงินหาทองเพื่อให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น และยิ่งทำ เวลาก็ยิ่งหายไป และชีวิตก็ยุ่งยากกว่าเดิม เพราะเหตุนี้ชีวิตก็เลยเครียด พอเครียดมากๆ ก็อายุสั้น ถึงแม้ว่าอายุไม่สั้น สุขภาพก็ไม่ค่อยดี เป็นโรคเบาหวาน หัวใจ ความดัน สารพัด อันนี้สรุปง่ายๆ คือไม่รู้จักประมาณในความสบาย การทำความสบายให้กับตนเองเป็นของดี แต่ต้องให้มีพอดี อย่าให้มากเกินไป ชีวิตจะไม่สบาย ชีวิตจะยุ่งยาก