แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อ 3 วันก่อน มีข่าวใหญ่มากที่เกี่ยวกับอาตมา คือข่าวอาตมาจะไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เป็นข่าวที่อาตมาไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย แต่ก็บอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับสื่อมวลชนและสังคมไทย เริ่มต้นจากมีข่าว แต่น่าจะเป็นบทความมากกว่า ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งรายงานว่า มีการเตรียมเสนอชื่ออาตมาไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย แล้วก็เขียนว่าอาตมามีความเหมาะสมอย่างไรบ้าง เชื่อว่าอาตมาจะไปช่วยสะสางแก้ไขปัญหาของวัดพระธรรมกายได้ โดยเขียนเป็นตุเป็นตะความยาวประมาณ 1 ใน 3 ของหน้า อันนี้ยังไม่เท่าไร 2-3 ชั่วโมงต่อมา ก็มีข่าวปรากฎมาในเว็ปไซต์ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งคล้ายกับว่า อาตมารับเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาก็เตรียมฉลอง
ข่าวแรกเพียงแค่ว่าเสนอชื่อของอาตมา ไม่ได้บอกว่าอาตมาจะรับรู้ด้วย ข่าวที่สองเหมือนกับว่าอาตมารับรู้และ รับเป็นเจ้าอาวาสแล้ว ลูกศิษย์ก็เลยบอกว่าอย่างนี้ต้องฉลอง แล้วก็ลือต่อไปว่า คำว่าอย่างนี้ต้องฉลองไม่ใช่ลูกศิษย์พูด บอกว่าเป็นอาตมาพูดเอง คราวนี้ก็ไปกันใหญ่เลย ข่าวแพร่สะพัดกระจายไปทาง Facebook แล้วก็ Line ตลอดตั้งแต่เช้า จนถึงเที่ยง ตอนนั้นอาตมาไม่รู้เรื่องอะไรเลย กำลังบรรยาย ปิดโทรศัพท์ พอเปิดโทรศัพท์ คนโทรเข้ามาถาม ก็ตอบเขาไปว่า มันเป็นข่าวกุข่าวลวง เพราะว่าไม่มีใครมาพูด มาคุย มาปรึกษา หารือ มาสอบถามความเห็น หรือทาบทามเลย เรียกว่าเป็นข่าวโคมลอยก็ได้ แล้วก็ย้ำไปว่า ถ้าเขาเสนอมา ก็ปฏิเสธ
เรื่องนี้แพร่กันไปไกลเร็วมากถึงต่างประเทศเลย คนไทยในต่างประเทศก็เขียนมาถาม บางคนก็ยินดี บางคนก็ดีใจ แต่บางคนก็บอกว่าใช่หรือ เป็นไปได้อย่างไร พระไพศาลรับเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย มันคนละเรื่องกันเลย พอสืบไปสืบมาก็พบว่า ก่อนหน้านั้นหนึ่งวัน มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเคยเป็น สนช. (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ซึ่งเคลื่อนไหวเรื่องต่อต้านธรรมกาย พูดกับนักข่าวว่า ถ้าให้พระอาจารย์ไพศาลไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย จะแก้ปัญหาได้ พูดแค่นั้น แต่วันรุ่งขึ้นก็ปรากฎเป็นข่าวในเชิงบทความว่า ชงเรื่องให้พระไพศาลเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ทั้งที่ต้นเรื่องพูดแบบให้ความเห็นว่า ถ้าให้พระไพศาลไปเป็นเจ้าอาวาส คงดี ยิ่งกว่านั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมากลายเป็นว่า พระไพศาลบอกว่าอย่างนี้ต้องฉลอง ไปกันใหญ่ไปไกลเลย จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 ไป ก็เลยต้องปฏิเสธข่าว
อันนี้ให้แง่คิดอะไรบ้าง คือชื้ให้เห็นว่าคนเรานั้นเชื่อข่าวลือมาก ไม่ใช่แค่สื่อที่รีบทำอะไรแบบไม่ค่อยตรวจสอบ อย่างข่าวนี้ เราก็เห็นอยู่ บางทีเขาได้ยินมา 1 ก็เขียนเป็น 2 เป็น 3 หรือว่าปรุงเป็น 4 โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ว่าที่มันเป็นปัญหามากกว่านั้นก็คือว่า คนไทยจำนวนมากก็หลงเชื่อข่าวโดยที่ไม่ได้ตรวจสอบเหมือนกัน ข่าวโคมลอย ข่าวที่ไม่มีมูลความจริงก็เชื่อ ที่จริงถ้าอ่านข่าวก็จะรู้ว่ามันเป็นแค่ความเห็น หรือว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ ยิ่งคนที่รู้จักอาตมา ก็จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย อยู่วัดป่า แล้วจะไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเมือง ขนาดนั้น อาตมาไม่ได้มีความทะเยอทะยานจะไปทำอย่างนั้น แล้วก็ไม่มีความสามารถด้วย และถ้ามองหาแหล่งข่าว ก็ไม่ปรากฏ ไม่มีที่มา นี้คือข้อที่ 1
ข้อที่ 2 ความเป็นไปได้ก็ยาก บางข่าวบอกว่าอาตมาได้รับทราบเรื่องนี้จากเพื่อนก็คือท่านอาจารย์ดุษฎี เมธงกุโร ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสที่วัดทุ่งไผ่ ชุมพร ท่านอยู่ชุมพร เรื่องนี้ถ้าอาตมาจะได้ทราบข่าวคราว ก็ควรมาจากพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าคณะ ที่ดูแลเรื่องเขตพื้นที่วัดพระธรรมกาย เช่น ปทุมธานี หรือว่า กรุงเทพ อย่างนี้เป็นต้น ชี้ให้เห็นว่าคนไทยนั้นเชื่อข่าวลือได้ง่าย ไม่ตรวจสอบ บางคนไม่พูดพร่ำทำเพลงเขียนด่า หรือคอมเม้นท์ว่า แต่ว่าอาตมาคิดว่ามันยังสะท้อนอีกอย่างหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นในหมู่ผู้คนจำนวนมาก เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วด้วยความยินดีปรีดาปราโมทย์ ก็คือ คนไทยโหยหาอัศวินม้าขาว ตอนนี้ปัญหาวัดพระธรรมกาย ที่คิดว่าจะแก้ได้ด้วยการที่จะมีใครสักคนมาจัดการ เราเรียกว่าอัศวินม้าขาว เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่คนไทยจำนวนมาก
เราต้องการอัศวินม้าขาว เวลามีปัญหาอะไรก็อยากจะมีใครสักคนมาช่วยจัดการเรื่องนั้น ตอนที่มีการเลื่อนสมณศักดิ์ ท่านเจ้าคุณพรหมคุณากรขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ไม่ทันไรก็มีข่าวลือว่าจะมีการสถาปนาท่านเป็นพระสังฆราช และก็มีแรงเชียร์ให้ท่านเป็นด้วย อันนี้เพราะคิดว่าถ้าท่านได้เป็นแล้ว จะช่วยสะสางปัญหาคณะสงฆ์ ยกเครื่องให้หลุดจากปัญหาที่เป็นอยู่ กระแสนี้มันเกิดจากกระแสที่โหยหาอัศวินม้าขาวมาแก้ปัญหา ปัญหาคณะสงฆ์ก็ดี ปัญหาวัดพระธรรมกายก็ดี มันคือปัญหาที่มีเหตุปัจจัยเยอะแยะไปหมด ไม่ใช่เหตุปัจจัยส่วนบุคคลแต่เป็นปัจจัยทางสังคม เรียกว่าปัจจัยเชิงระบบ ซึ่งถ้าอธิบายในที่นี่ก็ยาว มันไม่ใช่ว่าคนๆ หนึ่งจะแก้ปัญหาได้ แม้จะเป็นคนดี คนเก่ง แต่คนไทยเราชอบมองว่าปัญหาจะแก้ได้ด้วยตัวบุคคล ไม่ได้คิดว่าจะแก้ได้ด้วยการสร้างระบบที่ดี รู้ว่าปัญหาคณะสงฆ์มีเยอะ ก็คิดว่าถ้ามีคนดีมาเป็นพระสังฆราชแล้ว ก็จะแก้ได้
ตัวอย่างก็มีมามากแล้ว พระสังฆราชองค์ที่แล้ว สมเด็จพระญาณสังวร ท่านเป็นพระที่ดีมาก มีสติปัญญา มีความสามารถ บารมีก็มาก ก็ยังทำอะไรไม่ได้เลยกับปัญหาคณะสงฆ์ เพราะฉะนั้น เราต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่าปัญหายุ่งยากซับซ้อนจะแก้ได้ด้วยตัวบุคคล มีใครคนใดคนหนึ่งมาแก้ อาตมาคิดว่าอันนี้คือสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง การแพร่หลายกระจายข่าวนี้ คือคิดว่าถ้ามีพระไพศาลมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ปัญหาจะแก้ได้ คนที่เข้าใจปัญหานี้ดี จะรู้เลยว่า ถ้าพระไพศาลไปเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตายแน่ หมดสภาพ เพราะเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก คนหนึ่งแม้เก่งยังไง บริสุทธิ์ยังไง ดียังไง ก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเกินกว่าที่เราคิด อันนี้เป็นภาพสะท้อนที่เราควรจะเข้าใจ ถอดบทเรียนให้เป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่ว่าปล่อยให้ข่าวลือมันหายไป แล้วก็มาลือเรื่องใหม่ เกิดขึ้นซ้ำซาก