แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อวานมีเด็กผู้ชายสองคนมาหาที่ศาลาน้ำ มากับพ่อแม่ ก็มาหาเป็นประจำ สองคนนี้ชอบเล่นปิงปอง เป็นนักกีฬา แข่งปิงปองมาหลายนัดแล้ว มีช่วงหนึ่งที่น้องคุยกันเรื่องปิงปอง แล้วคนน้องก็พูดทำนองว่าการแพ้นี่มันไม่มีศักดิ์ศรี อาตมาเลยคุยกับเขาว่าศักด์ศรีของนักกีฬาไม่ได้อยู่ที่แพ้หรือชนะ แต่อยู่ที่มีความพากเพียรพยายามหรือเปล่า มีความซื่อสัตย์สุจริต หรือว่าคดโกงไม่ทำตามกติกาหรือไม่ รวมทั้งมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วย ตรงนี้ต่างหากคือศักดิ์ศรีของนักกีฬา ถึงแม้จะแพ้แต่ว่ามีความซื่อตรง ไม่โกง แล้วก็มีความกรุณาช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่น คือมีคุณธรรม ถึงแม้แพ้แต่ก็ถือว่ามีศักดิ์ศรี
ตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นในกีฬาโอลิมปิกที่เพิ่งจบไป มีการแข่งวิ่งแข่ง 5,000 เมตร รอบคัดเลือก 5,000 เมตร ระยะทาง 5 กิโลเมตร เป็นการแข่งของนักวิ่งผู้หญิง มีคราวหนึ่งวิ่งไปได้สัก 2,000 เมตร นักกีฬาชาวนิวซีแลนด์ชื่อนิกกี้ เกิดพลาดท่าหกล้ม นักกีฬาอเมริกันชื่อแอ็บบี้ วิ่งตามหลังมาก็เลยชน ชนเสร็จแอ็บบี้นักกีฬาอเมริกันเห็นนิกกี้นักกีฬานิวซีแลนด์ทำหน้าเสียท่าทางเหมือนกับจะร้องไห้ เพราะว่าพอล้มแล้วก็แปลว่าโดนคนอื่นแซง แล้วอาจจะเข้าถึงเส้นชัยช้าไม่ได้เวลาที่ต้องการ แอ็บบี้ซึ่งเป็นชาวอเมริกันแทนที่จะวิ่งต่อก็เลยพยุงนิกกี้ขึ้นมา แล้วก็บอกว่าสู้เถอะนะ เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด ต้องวิ่งไปถึงเส้นชัยให้ได้ อันนี้น่าทึ่ง ตัวแอ็บบี้แทนที่จะรีบวิ่งกลับมาช่วยพยุงเพื่อนซึ่งไม่ได้รู้จัก แถมเป็นคู่แข่งด้วย พยุงนิกกี้ขึ้นแล้ววิ่งไปต่อ วิ่งไปสักพักแอ็บบี้นักกีฬาอเมริกันเกิดบาดเจ็บที่ข้อเท้า คงเพราะผลจากการล้ม ก็เลยวิ่งกะเผลกๆ
คราวนี้นิกกี้ชาวนิวซีแลนด์แทนที่จะวิ่งเลยไปก็ช่วยพยุงเพื่อน เพราะซาบซึ้งในน้ำใจของแอ็บบี้ที่เมื่อสักครู่ก็ยังช่วยพยุงเขาขึ้นมา ตอนนี้ก็เป็นโอกาสที่เขาจะได้ช่วยแอ็บบี้ นิกกี้พยุงแอ็บบี้ขึ้นแล้ววิ่งไปด้วยกัน ทั้งสองคนวิ่งไปถึงเส้นชัยช้า ไม่ได้เวลาที่ต้องการคือมีคนอื่นแซงไปก่อน แต่ว่าโชคดีที่กรรมการเขาเห็นความดี เห็นน้ำใจนักกีฬาของสองคนนี้ เลยอนุญาตให้สองคนนี้เข้ารอบได้ อันนี้เป็นตัวอย่างถึงแม้สองคนนี้แพ้ แพ้คนอื่นเพราะว่าเข้าถึงเส้นชัยช้า แต่ว่าเป็นการแพ้ที่มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่แพ้เพราะว่าไม่เพียรพยายาม แต่ว่าเพราะมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น ตรงข้ามกับคนที่ชนะแต่ว่าชนะโดยการคดโกง เช่นโด๊ปยา อันนี้ก็ไม่ใช่ศักดิ์ศรี
ได้เล่าให้เด็กเขาเข้าใจว่าศักดิ์ศรีไม่ใช่แพ้ชนะ แต่เป็นเรื่องของน้ำใจ เรื่องคุณธรรม เรื่องความซื่อสัตย์สุจริตมากกว่า พูดถึงเรื่องโอลิมปิกยังมีตัวอย่างทำนองนี้อยู่มาก ถึงแม้ว่าโอลิมปิกจะมีเรื่องราวของการคดโกงมาก โดยเฉพาะการโด๊ปยา แต่ว่าเรื่องของความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเกื้อกูลก็มีมาก เมื่อประมาณ 70-80 ปีก่อน มีการแข่งวิบาก มีชาวนอร์เวย์เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง แล้ววิ่งนำมาตลอด แต่ว่ามีช่วงหนึ่งปรากฎว่าพอไปเจอน้ำ ปรากฎว่าเขาหกล้มแล้วก็ทำนาฬิกาหล่นหาย นาฬิกาคงมีค่ามากเขาก็พยายามงม นักกีฬาฝรั่งเศสตามมาติดๆ พอเห็นเพื่อนหกล้มแล้วพยายามงมหานาฬิกา เขาจึงช่วยเพื่อนหานาฬิกาจนเจอ
นักกีฬาฝรั่งเศสคนนี้ชื่อดูเกรส พอหาเจอเสร็จทั้งสองคนจึงวิ่งต่อ แต่คราวนี้นอร์เวย์ชื่อนูมิ ซาบซึ้งน้ำใจของดูเกรสมาก แทนที่จะวิ่งฉลุยไปเลยก็วิ่งเคียงข้างดูเกรส ทั้งที่ตัวเองวิ่งเร็วกว่าแต่วิ่งเคียงข้าง แล้วก็บอกให้ดูเกรสวิ่งแซงไปเลยเพราะว่าคุณมีโอกาสที่จะได้เป็นที่หนึ่งแล้ว แต่คุณมาเสียเวลาช่วยฉัน คุณวิ่งไปเลย ดูเกรสไม่ยอมแล้วบอกว่าให้นูมิวิ่งไป ไม่ต้องมาวิ่งประคองผม นูมิก็ไม่ยอม สุดท้ายก็เข้าเส้นชัยทั้งคู่ แต่ว่าเขาก็ให้นูมิได้รางวัลไป ได้เหรียญทอง อันนี้เป็นเรื่องของคนที่มีโอกาสจะได้ที่หนึ่งคือดูเกรส เพราะว่าเบอร์หนึ่งเขาล้มแล้วเขากำลังงมหานาฬิกา แต่ดูเกรสไม่ฉวยโอกาสแถมช่วยเพื่อนด้วย อันนี้เป็นน้ำใจนักกีฬาที่มักจะมองข้ามกันไป น้ำใจนักกีฬาไม่ได้แปลว่ารู้แพ้รู้ชนะเท่านั้น แต่ว่ายังรวมถึงว่า ถึงแม้จะมีโอกาสชนะแต่ไม่ทำ ถ้าหากว่ามีสิ่งที่ควรทำมากกว่าเช่นช่วยเพื่อน
อีกคราวหนึ่งที่แข่งในหลายปีต่อมา ประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว ประมาณ พ.ศ.2531 การแข่งเรือใบ นักกีฬาชื่อเรอมิส ชาวแคนาดาเป็นตัวเต็งแล่นเรือฉิวเลย ปรากฎว่ามองไปข้างหลังเห็นนักกีฬาสิงคโปร์เรือจม เจ้าตัวก็ลงไปอยู่ในทะเล แล้วตอนนั้นก็คงไม่มีใครอยู่ด้วย เรอมิสหันกลับเลย กลับไปช่วยนักกีฬาสิงคโปร์ เพราะเหตุที่ว่าไปช่วยเขานั้นเลยพลาดเหรียญทองโอลิมปิก แต่เขาไม่เสียใจเพราะถือว่าเหรียญทองสำคัญน้อยกว่าการช่วยชีวิตของเพื่อนมนุษย์ ถึงแม้จะเป็นคู่แข่งคนละชาติก็ตาม
ล่าสุดเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มีการแข่งสกี ปรากฎว่านักกีฬาฟินแลนด์เป็นนักกีฬาตัวเต็งเหมือนกัน แข่งไปๆ ไม้ค้ำสกีหักไปข้างหนึ่ง ใจเสียเลยเพราะว่าไปต่อไม่ได้ จู่ๆ มีนักกีฬาแคนาดายื่นไม้ค้ำสกีให้ข้างหนึ่ง เขาก็จึงคว้าไม้ค้ำสกีแล้วเล่นต่อ คนที่ยื่นไม้ค้ำสกีให้มีโอกาสได้รางวัลแต่ว่าเขาเห็นเพื่อนไม้ค้ำสกีหักจึงอยากจะช่วย ทั้งๆที่อยู่คนละชาติ กลายเป็นว่า นักกีฬาฟินแลนด์ได้เหรียญทองไป อันนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจที่มีอยู่เป็นระยะๆ ในการแข่งขันที่สำคัญรวมทั้งโอลิมปิกด้วย แต่คนมักจะมองข้าม ไปสนใจกับคนที่ได้ชัยชนะ แต่ว่าคนที่ไม่ชนะแต่มีน้ำใจก็ถือว่าเขาชนะเหมือนกัน อย่างคนที่ยื่นไม้ค้ำสกีให้ชาวแคนาดา เขาก็บอกว่าคนเราถ้าชนะโดยที่ไม่สนใจที่จะช่วยเหลือคนอื่น จะเป็นชัยชนะที่น่าภาคภูมิใจได้อย่างไร อันนี้เป็นคำพูดที่น่าประทับใจมาก
เพราะว่าเดี๋ยวนี้เวลาแข่งขันผู้คนมักจะไม่สนใจเรื่องน้ำใจ คิดแต่จะเอาชนะอย่างเดียว ที่จริงการแข่งขันไม่ว่าจะแข่งขันอะไรก็ตาม สิ่งที่เราควรมีคือการรักษาความเป็นมนุษย์ของเราเอาไว้ เดี๋ยวนี้การแข่งขันทำให้คนกลายเป็นเครื่องจักร เป็นเครื่องจักรที่จะไล่ล่าเหรียญทอง ไล่ล่าเหรียญเงิน หรือว่าไล่ล่าถ้วย การแข่งขันทำให้คนเรียกว่าหลุดจากการเป็นมนุษย์ กลายเป็นเครื่องจักร คิดแต่เอาชนะอย่างเดียว ไม่มีความเป็นคนหลงเหลือแล้ว เพราะว่าไม่สนใจเรื่องคุณธรรม คิดแต่จะหาทางกลั่นแกล้งคู่ต่อสู้ อย่างนี้เราเป็นเครื่องจักรแล้ว เป็นเครื่องจักรไล่ล่าเหรียญทอง แล้วคนก็เชิดชูการทำให้คนกลายเป็นเครื่องจักร ที่จริงไม่ว่าเราจะแข่งอะไรก็ตาม เช่น วิ่งแข่ง กรีฑา ฟุตบอล บาสเกตบอล คนเราจะต้องคงความเป็นมนุษย์เอาไว้ คือมีน้ำใจ เห็นเพื่อนที่เป็นคู่แข่งเขาหกล้มก็ช่วยพยุงเขา แต่เดี๋ยวนี้การทำแบบนี้ถูกหาว่าโง่ ถูกหาว่าทิ้งโอกาสทองไป คนที่ว่าทิ้งโอกาสทองก็เรียกว่าเขาทำตัวเป็นเครื่องจักรไปเสียแล้ว เป็นเครื่องจักรที่จะไล่ล่าเอาชัยชนะ หรือว่าเอาเหรียญทองอย่างเดียว แต่คนเราไม่ใช่เครื่องจักร
คนเราไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือเป็นคนอาชีพใดก็ตาม สิ่งที่ต้องมีเป็นเบื้องต้นเป็นพื้นฐานคือความเป็นมนุษย์ จะอยู่ในลู่ จะอยู่ในสนาม อย่าให้กติกาหรือว่าสิ่งแวดล้อมทำให้เราสูญเสียความเป็นมนุษย์หรือว่าลดทอนความเป็นมนุษย์ในตัวเรา ยังเป็นมนุษย์เหมือนเดิมแม้ยังต้องแข่ง แม้ยังต้องวิ่ง แม้ยังต้องทำเวลาให้ดีที่สุด ถ้าหากว่าคนเราวิ่งไปๆ แข่งไปๆ ความเป็นมนุษย์หายไป เราจะกลายเป็นเครื่องจักรได้ง่ายๆ อันนี้ไม่ใช่เฉพาะนักกีฬาอย่างเดียว เวลาแข่ง เวลาสอบ สอบสัมภาษณ์ สอบเข้ามหาวิทยาลัย เดี๋ยวนี้คน นักเรียน นักศึกษา กลายเป็นเครื่องจักรไปแล้ว คือคิดแต่จะไล่ล่าหาคะแนน เอาคะแนนให้ได้แม้จะต้องโกงก็ทำ ความเป็นมนุษย์หล่นหายไปแล้ว ความซื่อสัตย์สุจริตถูกทิ้งไป เรื่องกีฬาที่เขาบอกว่ากีฬาเป็นยาวิเศษ ต้องทำให้คนเรามีน้ำใจ มีคุณธรรมแบบนี้ ไม่ใช่มีน้ำใจนักกีฬาแค่ว่ารู้แพ้รู้ชนะ แค่นั้นยังไม่พอ แม้จะมีโอกาสชนะแต่ว่าไม่ทำเพราะว่าต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เพราะถือว่าการช่วยเหลือสำคัญกว่าชัยชนะ อย่างนี้แหละที่เรียกว่าเป็นน้ำใจนักกีฬาอย่างแท้จริง และเป็นเครื่องแสดงความเป็นมนุษย์ และนี่แหละคือศักดิ์ศรีที่สำคัญยิ่งกว่าอย่างอื่น