แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เทศกาลเข้าพรรษากำลังจะยุติหรือพูดภาษาสมัยใหม่คือกำลังจะปิดฉากลง เวลา 3 เดือน ตอนที่เราเริ่มเข้าพรรษาวันแรกอาจจะรู้สึกว่านาน 3 เดือน แต่เผลอแป๊บเดียวก็กำลังจะออกพรรษาละ หลายคนที่ตอนที่มาอยู่วัด มาบวชใหม่ ๆ นับวันถอยหลัง 90 89 88 รอเมื่อไหร่จะออกพรรษา อาจจะรู้สึกว่าเวลาแต่ละวันผ่านไปนานเหลือเกิน กว่าจะจำพรรษาได้ครบอาทิตย์แรกนี้นาน แต่ประเดี๋ยวเดียวเท้าข้างหนึ่งออกจากพรรษาแล้ว ยังเหลือขาอีกข้างหนึ่ง เวลาผ่านไปเร็ว
แต่ว่าก่อนที่จะออกพรรษาควรที่จะได้ถามตัวเจ้าของเองว่าได้อะไรมาบ้างรึเปล่าเกือบ 3 เดือน ที่ผ่านมาต้องทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ตื่นแต่เช้าตี 3 แล้วก็ต้องปฏิบัติ ต้องระมัดระวัง ควบคุมกาย วาจา จะทำตามใจเหมือนก่อนไม่ได้ ต้องอด ต้องละ ต้องลดหลายอย่าง โดยเฉพาะความสุข ความบันเทิงเริงรมย์ ความสนุกสนาน ความอิสรเสรีที่จะทำตามใจ ต้องอุตส่าห์ข่มใจอดกลั้น อันนี้คือสิ่งที่เราได้พยายามทำมาตลอด 3 เดือน ส่วนพ่อออกแม่ออก แม้ว่าจะไม่ได้มาอยู่วัดทุกวัน แต่ว่าก็มาจำศีล แต่ละศีลไม่ใช่ว่าสุขสบายเมื่อเทียบกับอยู่บ้าน เรียกว่าต้องใช้ความตั้งใจ ต้องใช้ความพยายาม โดยเฉพาะคนที่ไม่คุ้นกับการจำศีล เราก็ทำมาตลอดจนใกล้จะออกพรรษาแล้ว ถามใจตัวเองว่า เราได้มีความก้าวหน้าขึ้นบ้างรึเปล่า เพราะว่าการจำพรรษานี้คล้าย ๆ กับการเปิดเรียน นักเรียนเมื่อเปิดเรียน จากวันแรกไม่ค่อยรู้อะไร พอมาถึงวันที่โรงเรียนกำลังจะปิดเทอมต้องรู้อะไรบ้าง ขนาดหัวเผือกหัวฝังดิน 3 เดือนก็โตแล้ว
ถ้าเป็นสมัยก่อน สมัยที่ป่าเพิ่งเปิดใหม่ ๆ หัวนี้เท่าต้นขาเลย หลวงพ่อคำเขียนท่านเคยเล่าให้ฟัง สมัยก่อนหัวใหญ่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ต้นไม้ถ้าเป็น 3 เดือน ฤดูฝนอย่างช่วงเข้าพรรษาต้นไม้ก็โต พระที่ไปบิณฑบาตสังเกตได้ต้นไม้ที่เริ่มปลูก ตอนแรก ๆที่เข้าพรรษาใหม่ ๆ ตามทางที่ไปบ้านกุดโง้ง ต้นเล็ก ๆ 3 เดือน ผ่านไปก็โตแล้ว พอที่จะอยู่ได้ ถึงแม้ว่าหน้าแล้งจะมาถึง ไม่มีฝน ก็คงพอจะอยู่ได้ เพราะว่ารากลึก ใบก็ผลิออกมามากมาย ถ้า 3 เดือน ที่ผ่านมาเราไม่ได้อะไรเลย อันนี้ถือว่าแย่ยิ่งกว่าหัวเผือกหัวหรือต้นไม้ แต่เชื่อว่าเราต้องได้อะไรไปบ้าง ต้องถามตัวเองดูว่าได้อะไร มีสติเพิ่มขึ้นไหม มีความรู้สึกตัวเพิ่มขึ้นหรือเปล่า มีปัญญาคือความเข้าใจในเรื่องชีวิต เข้าใจเรื่องจิตใจของตนเองเพิ่มขึ้นไหม อย่างน้อยก็รู้ว่าความสุขที่แท้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ข้างนอก อยู่ที่เงินทอง ความสนุกสนานรื่นเริง อาหารอร่อย เพลงเพราะ หรือว่าความสะดวกสบายทางวัตถุหรือเปล่า หรือว่าอยู่ที่ใจตัวเรา
ความทุกข์เกิดจากอะไร ทุกข์กายเกิดจากสิ่งภายนอก แล้วทุกข์ใจ เป็นเพราะคนนั้นคนนี้ เป็นเพราะเจ้านาย เป็นเพราะลูก เป็นเพราะเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน เป็นเพราะดินฟ้าอากาศ เป็นเพราะคำพูดที่ไม่ถูกหู คำต่อว่าด่าทอของเขาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะใจของเราที่ไม่รู้จักปล่อย ไม่รู้จักวาง ใจที่ยึดติดถือมั่น ใจที่ไม่ฉลาด อย่างน้อยต้องได้ปัญญา ความรู้ในเรื่องเหล่านี้มาบ้าง
หรืออย่างน้อย ๆ ก็ได้ความรู้จักอดกลั้น เรียกว่าขันติอดทน หลายคนไม่เคยมาใช้ชีวิตในวัดก็จะรู้สึกลำบาก อาหารก็ไม่ถูกปาก จะหลับจะนอนก็ไม่สะดวกสบาย ยุง แมลงก็มารบกวนตลอดเวลา แต่ว่าสามารถจะฝึกใจอดทนกับได้ ทำใจเป็นปกติกับได้ อันนี้เรียกว่ามีขันติ หรือว่าอยู่ง่ายกินง่าย บางคนก็มีความพอใจ พ่อออกแม่ออกเมื่อมาจำศีล ใหม่ ๆ การถือศีล 8 นี้ ยาก กินข้าว กินอาหารในเวลาวิกาลไม่ได้ ต้องนอนเสื่อ หรือว่าบางคนอาจจะนอนคุ้นตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ว่ามาวัดก็ยังไม่สะดวก ไม่มีโทรทัศน์ให้ดู ไม่มีเพลงฟัง ต้องสำรวมกายวาจา ต้องมาปฏิบัติธรรมเพื่อสำรวมจิตด้วย พออยู่ไป ๆ มาจำศีล ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 จน 12 13 ศีล ก็รู้สึกว่าดี ใจสบาย พบกับความสงบ นี้ก็เรียกว่าจิตใจใฝ่ธรรมก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้น อย่างนี้ก็ดี ก็ถือว่าได้อะไรไปบ้างจากการมาจำพรรษา จากการมาจำศีล อย่างน้อยต้องได้พวกธรรมะเหล่านี้ สติ ปัญญา ขันติ สมาธิ ความสันโดษ ถ้าหากว่าอยู่ด้วยความอดกลั้น มีแต่ความทุกข์ข้างใน อันนี้น่าเป็นห่วง เพราะว่าพอออกไปจะกลายเป็นการ เรียกว่าระเบิดเลย หรือว่า ถ้ารู้สึกว่าจำพรรษามีแต่ความทุกข์ ก็จะรู้สึกว่าเหมือนกับอยู่ในคุก ทันทีที่ออกจากคุกก็จะรู้สึกอิสรเสรี ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ได้ตามใจ อันนี้อันตราย
เมื่อสัก 4-5 ปี ก่อน มีผู้ชายคนหนึ่ง ก็ตั้งใจดี งดเหล้าเข้าพรรษา ไม่รู้ว่าในวันศีลมาจำศีลหรือเปล่า แต่ก็พยายามงด เดิมเป็นคนติดเหล้า แล้วก็รู้ว่าเหล้าว่าไม่ดี มีคนเขารณรงค์กันว่าให้งดเหล้าเข้าพรรษาก็พยายามทำ แต่ว่าก็ต้องใช้ความอดทน อดกลั้นมาก พอออกพรรษา ดีใจมากๆ อิสระเสรีแล้ว ออกพรรษาวันแรกก็ตรงเข้าไปซื้อเหล้าทันที กินเหล้า ไม่ได้กินมานาน 3 เดือน ก็เหมือนตายอดตายอยาก กินใหญ่ ๆ ไม่นานก็เมา พอเมาเสร็จกลับมาบ้าน ภาษาชาวบ้านเรียกว่า มาทำไม่ดีใส่เมีย เอะอะโวยวาย เมียพูดไม่ถูกหู นิดหน่อยก็โกรธ เมียก็ผิดหวังออกพรรษาแค่วันเดียวเท่านั้น เป็นวันออกพรรษาด้วย กินเหล้าเมา ทะเลาะกัน ผัวโกรธมากก็พยายามทำร้ายเมีย ด้วยความลืมตัว ก็เหมือนจะบีบคอเมียให้ตาย เมียไม่รู้จะทำยังไง กำลังจะตายอยู่แล้ว มือก็เปะปะ ๆ ก็ไปเจอกับด้ามจอบหรือคราด สะบัดตัวหลุดมาแล้วเอาคราดเหวี่ยงเข้าไป ปักอก ผัวตายคาที่เลย ตายในวันออกพรรษา น่าเศร้า แทนที่จะได้ธรรมะไปคุ้มครองจิตใจเจ้าของ กลับกลายเป็นว่าตายเร็วเข้า อันนี้เพราะว่าเกี่ยวข้องกับธรรมะนี้ไม่ถูกต้อง เข้าพรรษาก็นึกว่าเป็นความอดกลั้นเป็นการกดข่มอย่างเดียว พอออกพรรษาเข้า อิสระเสรีเลย
ให้เรามองว่าออกพรรษาก็เหมือนกับว่าโรงเรียนปิด ถึงแม้จะโรงเรียนปิดเราก็ยังต้องกินข้าว ไม่ใช่ว่าเรากินข้าวแต่เฉพาะช่วงที่โรงเรียนเปิด เรายังต้องกินข้าวแม้โรงเรียนปิด นักเรียนเมื่อโรงเรียนปิด การศึกษาหาความรู้ก็ยังต้องมีอยู่ต่อไป ไม่ใช่ว่าพอโรงเรียนปิดก็ไม่ศึกษาหาความรู้เลย บางคนก็ไปเรียนพิเศษ สมัยนี้ก็ไปเรียนพิเศษ แต่ถึงแม้ไม่ไปเรียนพิเศษก็ยังต้องเรียนรู้ต่อไปเรื่อย ๆ เพราะการเรียนรู้เป็นเรื่องที่ต้องทำตลอดชีวิต จบปริญญาเอกแล้วยังต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ไม่ใช่ว่าจบกัน ธรรมะก็เหมือนกัน ออกพรรษาแล้วก็ไม่ได้แปลว่าหยุดปฏิบัติ หยุดการรักษาศีล หยุดการเจริญสติสมาธิภาวนา ต้องทำ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำทั้งชีวิต จะพูดว่าเป็นวิชาชีวิตก็ได้ ขนาดวิชาทางโลกยังต้องเรียนไม่จบไม่สิ้น จบปริญญาเอกแล้วยังต้องเรียนต่อ อาจจะไม่ได้เรียนต่อเข้ามหาวิทยาลัย แต่ต้องศึกษาหาความรู้ อ่านหนังสือ ไปเข้าสัมมนา มีความรู้ หาความรู้เกี่ยวกับวิชาชีพอยู่เรื่อย ๆ อันนี้คือวิชาทางโลก
แต่วิชาชีวิตก็เหมือนกัน ปิดเทอมแล้วหรือว่าเรียนจบแล้วยังต้องศึกษากันต่อไป จนกว่าจะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ถึงจะเรียกว่าเลิกศึกษา เรียกว่าเป็นอเสขบุคคล คือคนที่ไม่ต้องศึกษาแล้ว แม้แต่พระอริยะชั้นต้น พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ยังต้องศึกษา เรียกว่าเป็นเสขบุคคล เสขะคือ ศึกษาหรือสิกขา ต้องศึกษาต่อไป อันนี้รวมถึงคนที่จะสิกขาลาเพศ สิกขาลาเพศ นิยมทำกันออกพรรษาแล้ว สิกขาลาเพศมาจากภาษาบาลีว่า ลาสิกขา สิกขาคือศึกษา แต่สิกขาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการศึกษาที่เรียกว่าไตรสิกขา ไตรสิกขานี้ต้องทำเรื่อยไปจนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์อย่างที่ว่า ส่วนสิกขาหรือลาสิกขา คือลาสิกขาบท สิกขาบทคือข้อปฏิบัติ 227 ข้อ เราก็ลา เราก็วาง แต่ว่ายังมีอย่างน้อยศีล 5 ที่ต้องศึกษาต่อไป เพราะว่าไตรสิกขายังต้องทำต่อไป
เทอมที่แล้วเรื่องไตรสิกขาคือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหน้าที่ของเรา เป็นหน้าที่ของคนที่รักตัวเอง คนที่รักตัวเองก็ย่อมหวังเฉพาะคุณเบื้องสูงอย่างที่เราสวดกัน เพราะฉะนั้นบุคคลเมื่อรักตน เมื่อหวังเฉพาะคุณเบื้องสูง จงทำความเคารพพระธรรม จำได้ไหมเวลาบางบทก็สวดแบบนี้ ผู้รักตน ใคร ๆ ก็บอกว่ารักตน เมื่อรักตนก็ต้องหวังธรรมเบื้องสูง คือว่าหวังจะพัฒนาตนให้ก้าวหน้าอยู่ในธรรมขั้นสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าศีล ไม่ใช่แค่ศีล 5 ศีล 8 และศีล 10 หรือว่าศีลที่ตัวเองคิดว่าเหมาะสมกับการพัฒนาตนให้เจริญงอกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป จะเป็นศีลเฉพาะตนก็ได้ ที่เหมาะสม เช่น เลิกบุหรี่ เลิกเหล้า เลิกกาแฟ เล่นเกมออนไลน์ให้น้อยลง ดูละครซีรี่ย์เกาหลีให้น้อยลง อะไรแบบนี้ จับจ่ายใช้สอยเข้าห้างช้อปปิ้งให้น้อยลงนี้ก็เป็นศีลได้ เป็นศีลเฉพาะตน หรือว่าตั้งใจจะไม่โกรธ อันนี้ก็อาจจะเอาธรรมะจากทศพิธราชธรรมที่พูดเมื่อวาน อโกธะคือความไม่โกรธ เอามาเป็นธรรมะประจำตัวว่า เราตั้งใจจะไม่โกรธ วันไหนที่โกรธก็บริจาคเงินให้กับสาธารณประโยชน์ มูลนิธิ บริจาคเงินให้วัด 10 บาท 50 บาท 100 บาท ก็แล้วแต่ อันนี้ก็เป็นศีลได้ ดังนั้นคนเรายังต้องเรียนกันต่อไป
เพราะฉะนั้นออกพรรษาแล้ว ก็อย่าทิ้งศีล อย่าทิ้งธรรม ยังต้องทำ ยังต้องปฏิบัติ ต้องเข้าหาธรรมะต่อไป หยุดกินเมื่อไหร่ถึงค่อยวาง ถึงค่อยเลิกศึกษา เลิกพัฒนาตน ตราบใดที่ทุกวันยังกินข้าวก็ต้องหาธรรมะมาใส่ใจของตัวเอง ข้าวเป็นอาหารกาย ส่วนธรรมะเป็นอาหารใจ ถ้ายังมีลมหายใจ ยังไม่ตาย ยังต้องกินข้าวอยู่ ก็ยังทิ้งธรรมไม่ได้ เพราะฉะนั้น ให้มองว่าออกพรรษาไม่ใช่วันที่เราออกจากคุก ไม่ใช่วันที่เราจะมีอิสรเสรี จะทำอะไรตามใจก็ได้ แต่หมายถึงการที่เรายังต้องปฏิบัติธรรมอยู่เรื่อยไป เหมือนกับโรงเรียนปิด โรงเรียนปิดเป็นแค่เหตุการณ์เฉพาะคราว แต่ว่าการศึกษา การเรียนรู้ การพัฒนาตนยังต้องทำต่อไป ต้องระวังนะเพราะว่า กิเลสก็คอยฉวยโอกาสอยู่เสมอ ในช่วงเข้าพรรษาบางคนพยายามเอาชนะกิเลส ควบคุมจิตใจไม่ให้กิเลสเข้ามาพาให้เสีย เคยกินเหล้าพอมาเข้าพรรษา มาถือศีลก็พยายามไม่หลงเชื่อกิเลส เอาชนะกิเลสได้ แต่พอออกพรรษา กิเลสก็ไม่ลดละ ก็จะหาเหตุว่าออกพรรษาแล้ว ไปฉลองกัน เข้าพรรษาตลอด 3 เดือน แกทำได้ดีมากเลย งดเหล้าได้ เพราะฉะนั้นต้องให้รางวัลตัวเองหน่อย ต้องไปฉลองชัยชนะหน่อย กิเลสบอกอย่างนี้ แล้วไปฉลองอะไร ฉลองยังไง ก็ไปกินเหล้า อย่างผู้ชายคนที่พูดเมื่อกี้ ก็โดนกิเลสหลอกอุตส่าห์เอาชนะกิเลสมาได้ตั้ง 3 เดือน ไม่กินเหล้า ไม่แตะเหล้า พอออกพรรษาฉวยโอกาสทันที ไปฉลองกันอิสรเสรีแล้ว เสร็จแล้วเป็นไง แทนที่จะมีความสุขความเจริญ กลับตายในวันนั้น เพราะว่าความเมามาย เพราะไปหลงเชื่อกิเลส
ฉะนั้น อย่างเข้าพรรษาถามตัวเอง ไม่ใช่ว่ามาทำดีแต่เฉพาะเข้าพรรษา ออกพรรษาแล้วก็เสียท่า ให้เรามีความฉลาดในการรู้ทันกิเลส สิ่งที่จะทำให้เรารู้ทันกิเลสคือ สติ สติทำให้เรารู้ทันกิเลสได้ไว เพราะเป็นเหมือนตาใน กิเลสคือศัตรูที่จะเข้ามา หรือเป็นสายลับที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวาย มาก่อการร้ายในเมือง เมืองสมัยก่อนมีกำแพง มีประตูเมือง มีทหารยามเฝ้า ทหารยามทำหน้าที่ดูว่ามีผู้ร้าย มีสายลับจะเข้ามาก่อกวนสร้างความวุ่นวายในเมืองไหม นครนี้อยู่ในใจเรา เรียกว่าจิตตนคร ใจเราเปรียบเหมือนกับนคร ต้องมีกำแพงเมือง ต้องมียามที่คอยเฝ้าประตูเมือง ยามนั้นคือสติที่คอยดูว่ามีใครที่มีพิรุธเข้ามาหรือเปล่า สติที่ไวจะรู้ทันกิเลสได้อย่างฉับพลันมาก กิเลสไม่ว่าจะเป็นความโลภ ความโกรธ แม้แต่ความเศร้า สติไม่ยอมให้ผ่านง่าย ๆ
ดังนั้น ถ้าใครมีสติ รักษาใจ แล้วก็มีสติที่เจริญงอกงามถือว่าเป็นคนมีโชค พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้มีสติย่อมโชคดีตลอดเวลา หรือจะพูดให้กลายเป็นว่า ผู้มีสติย่อมโชคดีตลอดกาลก็ได้ ผู้มีสติย่อมโชคดีตลอดเวลา หลายคนไปหาโชคจากที่นั่นที่นี่ ไปหาโชคจากวัตถุมงคล ไม้มงคล สีมงคล ไปหาโชคจากอะไรต่ออะไรมากมาย ที่จริงมีอยู่แล้วในใจของเรานั่นคือสติ แต่เราก็ต้องสร้างสติขึ้นมาให้แข็งแรง ถ้ามีสติจะมีความโชคดีตลอดเวลา เช่น เวลาเราเดินลงบันได ถ้าเรามีสติ ก็ไม่เกิดอุบัติเหตุตกลงมาหัวฟาดพื้น อย่างนี้เรียกว่า ถ้าใครที่ไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ถือว่าโชคดี เข้าห้องน้ำ ถ้ามีสติ ก็เข้ามาแล้วออกไปอย่างปลอดภัย แต่ถ้าไม่มีสติก็อาจจะก้าวพลาด ลื่นไถล หัวฟาดพื้น กลายเป็นอัมพาต พิการ ถ้าไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ถือว่าโชคดี เข้าห้องน้ำแล้วหัวไม่ฟาดพื้นถือว่าโชคดี โชคดีเพราะสติ ขับรถถ้าหากว่าไม่เจออุบัติเหตุเพราะความเมามาย เพราะความประมาท ไม่ไปชนคนตาย หรือว่าไม่ไปแหกโค้ง ลงคู เรียกว่าโชคดี โชคดีเพราะอะไร เพราะมีสติ เดินผ่านร้านเหล้า กิเลสก็จะมาชวน ชวนให้ไปกินเหล้า หรือว่าเดินผ่านบ้านเพื่อน เพื่อนกำลังก๊งเหล้ากันอยู่ กิเลสมาชวนให้กินเหล้า ถ้ามีสติรู้ทันกิเลสไม่หลงเชื่อ เดินผ่านไป อย่างนี้เรียกว่าโชคดี เพราะถ้าเกิดหลงเชื่อเมื่อไหร่ อาจจะเดือดร้อนกินเหล้าเมามาย ไปทะเลาะกัน ตีกันตาย ขับรถเกิดอุบัติเหตุ พิการ อันนี้โชคร้าย
บางครั้งเห็นเงินคนอื่นเขาวางอยู่บนโต๊ะ โทรศัพท์ หรือว่าเป็นทอง สายสร้อยวางไว้ หรือแขวนไว้ในห้องน้ำ กิเลสก็มาชวนว่า เอาไปเถอะ ไม่มีใครเห็น ถ้าเกิดหลงเชื่อกิเลสก็อาจจะอยู่ร้อนนอนทุกข์ หรือว่าอาจจะต้องติดคุกติดตารางในวันหน้า ถ้าไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้ถือว่าโชคดี และที่โชคดีนั้นเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าตำรวจจับไม่ได้ แต่เพราะมีสติรู้ทัน มีสติรู้ทันไม่หลงเชื่อคำชักชวนของกิเลส
ให้ลองดูดี ๆ ชีวิตประจำวันของเราที่เราอยู่ได้ราบรื่น อย่างเมื่อวานเราก็อยู่ได้อย่างราบรื่นปลอดภัย วันนี้ถ้าเราอยู่ได้อย่างราบรื่นปลอดภัยไม่มีอันตรายใด ๆ ไม่เกิดอุบัติเหตุก็ให้รู้ว่าเป็นเพราะสติ เดินลงบันได เข้าห้องน้ำ เสียบปลั๊ก ขับรถ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นราบรื่นปลอดภัย นั่นเพราะสติ อันนี้เรียกว่าโชคดี พระพุทธเจ้าบอกว่า ผู้มีสติย่อมโชคดีตลอดเวลา อยากโชคดี ออกพรรษาแล้วหลายคนก็อาจจะรู้สึกเสียว ๆ เพราะว่าตอนเข้าพรรษามาจำศีล อยู่ใกล้วัดอาศัยบารมีของพระรัตนตรัยคุ้มครอง อาศัยบารมีของศีลคุ้มครอง ออกพรรษาแล้วเหลือแค่ศีล 5 หรือบางทีอาจจะไม่ค่อยแน่ใจว่าศีล 5 ครบหรือเปล่า เสียว ๆ ว้าเหว่ ไม่ค่อยมั่นใจ หลายคนก็ไปให้พระมารดน้ำมนต์ ที่จริงไม่ต้องหรอก แค่มีสติรักษาใจ จิตใจก็จะมั่นคง มั่นใจได้ว่าจะปลอดภัย จะมีแต่ความโชคดี
ออกพรรษานี้ก็ยังชวนให้เราคิดว่า มีเข้าก็ต้องมีออกนะ ก็เช่นเดียวกัน เจอกับจากก็เป็นของคู่กัน มากับไปก็เป็นของคู่กัน มาแล้วก็ต้องไป เจอแล้วก็ต้องจาก เหมือนกับเข้าแล้วก็ต้องออก ในชีวิตเรา เรามาโลกนี้สักวันหนึ่งก็ต้องไปจากโลกนี้ ให้เข้าพรรษามาเตือนใจเราอย่างนี้ด้วยว่าเป็นธรรมดาโลก มีเข้าก็ต้องมีออก เจอก็ต้องจาก พบแล้วก็ต้องพราก มาแล้วก็ต้องไป สักวันหนึ่งเราก็ต้องออกจากโลกนี้ไป มีหลายคนไปก่อนเราจนนับไม่ถ้วน ให้ระลึกบ้างว่าทุกอย่างต้องมีวันสิ้นสุด เรารอให้เข้าพรรษาสิ้นสุด เราจะได้ไปเที่ยว เราจะได้มีอิสระ แต่อย่าลืมว่าชีวิตของเราก็ต้องมีวันสิ้นสุดเหมือนกัน ความสิ้นสุดของชีวิตระลึกไว้บ้างก็ดี โดยเฉพาะในช่วงนี้ มีการพูดถึงการสวรรคตของในหลวง ก็อย่านึกถึงแค่นั้นให้นึกถึงเราว่า สักวันหนึ่งเราก็ต้องเดินตามท่านไปเหมือนกัน
ถ้าถามใจเราว่า เราพร้อมหรือยัง เราพร้อมหรือยังถ้าวันนั้นมาถึง เรามีเสบียงติดไปหรือเปล่า เมื่อจะต้องเดินทางไกล เสบียงในที่นี้ ไม่ใช่เงินทอง ไม่ใช่ที่ดินที่สะสมมาในเวลานี้ แต่หมายถึงบุญกุศล บุญกุศลนี้จะเป็นเสบียงที่จะพาเราไปให้อยู่รอดปลอดภัยในภพหน้า ระลึกไว้ว่า สักวันหนึ่งเราก็ต้องมีวันสิ้นสุดชีวิต จะต้องจากโลกนี้ไป ฉะนั้น พยายามสร้างสมความดี สร้างบุญสร้างกุศล ปลูกธรรมะให้เป็นที่พึ่งในจิตใจเอาไว้ แล้วก็ให้คิดว่า แต่ละวันที่เรายังมีลมหายใจอยู่เป็นโชคอย่างหนึ่ง เพราะความตายเกิดขึ้นได้กับเราได้ตลอดเวลา
ถ้าเรายังไม่ตายแสดงว่าเรายังมีโชค และเมื่อเรามีโชคเราก็ควรจะใช้โชคนั้นให้ดี ก็คือทำความดี ทำบุญทำกุศล ทุกวันที่ยังมีชีวิตอยู่ควรตอบแทนโอกาสนี้ โชคนี้ด้วยการทำความดี ไม่ใช่ทำชั่ว ไม่ใช่เที่ยวสนุกสนาน แต่ละวันที่เรายังไม่ตายคือโชค เป็นพรที่ได้ ได้รับ ก็ตอบแทน ไม่ใช่เป็นโอกาสในการที่จะหาความสุข แต่เป็นความรู้สึกขอบคุณว่า ในเมื่อเรายังไม่ตาย เรายังมีลมหายใจอยู่ ยังได้อยู่กับลูก ได้อยู่กับคนรัก ได้อยู่กับพ่อแม่ ก็ตอบแทนโชคที่เราได้ด้วยการทำความดี หมั่นให้ทานรักษาศีล และเจริญภาวนาอยู่เป็นนิตย์ ทำอย่างนี้ก็มีโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ ออกพรรษาแล้ว ก็อนุโมทนาพ่อออกแม่ออกที่มาจำศีล ส่วนใหญ่ก็มากันทุกศีล ก็ถือว่ามาเป็นเพื่อนร่วมปฏิบัติกับพระ โดยเฉพาะพระใหม่ กับแม่ชี ออกพรรษาแล้วปีหน้าเข้าพรรษาก็มาใหม่ คนอื่นใครจะมาหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา แต่เราถ้ามาได้ก็มา ถือว่ามาตอบแทนบุญคุณ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เรายังมีลมหายใจ ยังมีชีวิต ยังสามารถจะเดินเหินมาที่วัดได้ ปีหน้าก็มาพบกันใหม่อย่าเพิ่งรีบตาย มาพบกันใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนจะมาจำศีลหรือมาภาวนาก็ตาม