แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พวกเราคงรู้จัก และเคยเห็นเต่าทอง เต่าทองเป็นแมลงที่ไม่ค่อยมีพิษ ไม่มีภัย สำหรับคนเราเท่าไหร่ และสีสวยด้วย แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมเต่าทองที่มีสีสวย สดใส แต่ไม่ค่อยโดนพวกนกมาจิกกิน ปกติธรรมชาติของแมลงตัวเล็กๆ มักจะชอบพรางตัวไม่ให้เห็นเด่นชัด เพราะไม่เช่นนั้นผู้ล่าจะเห็นชัดเจน และจับกินเป็นอาหาร แต่ว่าเต่าทองไม่มีพฤติกรรมแบบนี้ และไม่มีนิสัยที่จะพรางตัว สีสดใส นกมองเห็นแต่ไกล นกนั้นชอบกินแมลง แต่ว่าที่เต่าทองมีสีสดใสได้เพราะว่ารู้ว่านกกินไม่ได้ เพราะรู้ว่ามีพิษ เวลานกจะมากิน จะคายพิษ พอคายพิษออกมานกจะคายทิ้งไป นกรู้ว่าสีสดใสตัวเล็กๆนี้อันตราย
ในแง่หนึ่ง เต่าทองเป็นแมลงที่ดุ แต่ว่าไปพลาดท่าเสียทีแมลงที่เล็กว่าอีก มีแมลงชนิดหนึ่งเรียกว่าแตนเบียน แตนเบียน มีวิธีการที่จะใช้ประโยชน์จากเต่าทอง พอเต่าทองโตเต็มวัยมันจะไปเจาะอยู่ที่ตรงแถวท้องของเต่าทอง เจาะเพื่อวางไข่ ตัวอ่อนของแตนเบียนพอค่อยๆโตขึ้นกินอาหารในตัวเต่าทองนี้ คือ ปรสิต หรือ พาราไซด์ คล้ายๆ กับพยาธิในตัวเรา แต่ว่าพยาธิกินอาหารในกระเพาะของเรา ในลำไส้ของเรา กินนิดกินหน่อย แต่ว่าแตนเบียนนี้กินเยอะ จนกระทั่งท้องของเต่าทองจะเรียกว่ากลวงได้ แต่ไม่ถึงกลับตาย พอตัวอ่อนโตเจาะออกมาจากหน้าท้อง และทำรังไหมอยู่ที่หน้าท้อง อันตรายรังไหมอยู่ที่หน้าท้องของเต่าทอง
แต่ว่าแตนเบียนไม่กลัว เพราะว่าจะไปบังคับหรือว่าส่งสัญญาณให้เต่าทองคอยปกป้อง เวลาจะมีแมลงจะมากินแตนเบียน ที่อยู่ในรังไหม อยู่ในภาวะที่ช่วยตัวเองไม่ได้ เพราะว่าอยู่ในรังไหมเป็นตัวดักแด้ แต่มันไม่กลัวเพราะว่าเต่าทองจะคอยปกป้อง จะคอยขยับแข้งขยับขาไม่ให้อะไรตามมากินแตนเบียนที่อยู่ในรังไหมหรือดักแด้ กลายเป็นว่า เต่าทองเป็นตัวปกป้อง หรือองค์รักษ์พิทักษ์แตนเบียนเอาไว้ ทั้งที่แตนเบียนไม่มีพิษไม่มีภัยอะไรในสภาพเช่นนั้น แต่ว่าสามารถที่จะสั่งการให้เต่าทองเป็นองค์รักษ์พิทักษ์แตนเบียน จนกระทั่งแตนเบียนโต จะออกจากรังไหม ส่วนเต่าทองค่อยๆตาย ในแง่นี้แตนเบียนฉลาด สามารถที่จะใช้เต่าทองเพื่อความเจริญเติบโต และเพื่อปกป้องมันได้
เดี๋ยวนี้พบว่า มีสัตว์นานาชนิดที่มีพฤติกรรมแปลกๆ แล้วเขาศึกษาพบว่า ที่มันมีพฤติกรรมแปลกๆ เพราะว่ามีพวกปรสิต หรือพาราไซด์ บางทีเป็นพวกคล้ายๆเชื้อโรคที่อยู่ในตัว อย่างเช่น หนู ถ้าเกิดปรสิตชนิดนี้เข้าไปอยู่ในตัว ไปมีผลบังคับสมอง ธรรมชาติของหนู กลัวแมว แต่ว่าพอปรสิตเข้าไปในสมองของหนู สั่งให้หนูเดินเข้าหาแมว ไม่กลัวแมว เดินเข้าหาแมว และให้แมวกินหนูเป็นอาหาร เรียกว่า สั่งให้หนูฆ่าตัวตาย เดินเข้าหาแมว พอแมวกินหนูปรสิตนี้ไปเติบโตในกระเพาะของแมว พอแมวขี้ออกมาปรสิตตัวอ่อน ออกมา ไข่ออก ออกมาทางขี้ แล้วขี้เข้าไปสู่ตัวหนู แล้วหนูจะมีพฤติกรรมเหมือนเดิม เหมือนกับตัวอื่นๆ คือ ไม่กลัวแมว ไม่กลัวแมว เดินเข้าหาแมว แล้วแมวกินเป็นอาหาร
ปลาบางชนิดเหมือนกัน ธรรมชาติของปลากลัวนก เช่น นกกระยาง แต่ถ้าปรสิตเข้าไปในตัวปลา มันจะว่ายเข้าหานก ให้นกกิน แล้วปรสิตจะไปโตในกระเพาะของนก แล้วพอขี้ออกมาลงน้ำติดมากับขี้ของนกแล้วเข้าสู่ตัวปลา วงจรจะครบสมบูรณ์ อันนี้เพราะว่ามีพฤติกรรมแบบนี้กับสัตว์หลายชนิดมาก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม หรือว่าสัตว์ที่เป็นปลา หรือว่าแมลง
โชคดีสำหรับมนุษย์ ที่เราไม่พบว่ามันมีปรสิตแบบนี้เข้าสู่ตัวมนุษย์ ซึ่งถ้าเกิดมีคงน่ากลัว มนุษย์อาจจะไม่มีประชากรมากขนาดนี้ได้ สมมุติว่ามีปรสิตบางอย่างเข้าไปในตัวคน ทำให้คนไม่กลัวสิงโต ไม่กลัวเสือ คนเดินเข้าหาเสือ เข้าหาสิงโต มนุษย์เราคงจะไม่ได้แพร่พันธุ์กันมากมายจนเต็มโลกขนาดนี้ แต่ว่ามนุษย์เราโชคดี ที่ไม่มีปรสิตหรือตัวอันตรายอย่างที่ว่า แต่ว่าเราเจอภัยอีกแบบหนึ่ง ซึ่งบางทีอาจจะแรงกว่า อาจจะน่ากลัวกว่าพวกปรสิตได้ มันไม่ได้ส่งผลต่อสมอง หรือร่างกายของเรา เหมือนกับที่ส่งผลต่อเต่าทอง หรือต่อหนู แต่ส่งผลต่อจิตใจของเรา ไม่ใช่ปรสิต เป็นอารมณ์
เวลาอารมณ์ใดเกิดขึ้นกับใจของเรา ถ้าใจของเราไม่มีการปกป้องที่ดี อารมณ์พวกนี้ จะเข้าไปครอบงำจิตใจของเรา อย่างเช่น ความโกธร ความเศร้า ความเกลียด เวลาเข้าไปในจิตใจของเรา จะสั่งให้เราคอยปกป้องตัวเรา จะสั่งให้เราคอยปกป้องความความโกธร สั่งให้เราคอยปกป้องความเศร้า ลองสังเกตดูคนเราเวลาโกธร จะไม่ค่อยอยากจะทำอะไรตามเพื่อทำให้ความโกธรทุเลาเบาบาง ความโกธรจะทุเลาได้เพราะการให้อภัย แต่คนเราเวลาโกธร นอกจากจะจมดิ่งอยู่ในความโกธร หรือว่าคอยสรรหา คิดอะไร เรื่องราวต่างๆ เช่น ขุดคุ้ยเรื่องราวของคนนั้น คนนี้ที่เราโกธร เรื่องราวที่ไม่ดี ซึ่งทำให้เราโกธรเขามากขึ้น เกลียดเขามากขึ้นแล้ว นอกจาก ความโกรธจะเติบโตขยายใหญ่ ครอบงำจิตใจเรารุนแรงขึ้นแล้ว จะสั่งให้ตัวเราทำตามอำนาจของ เช่น สั่งให้เราด่า สั่งให้เราต่อว่า สั่งให้เราทำร้าย ความโกธรสั่งเราเหมือนกับที่แตนเบียนสั่งให้เต่าทองคอยปกป้องตัวมัน
ความโกธรสั่งให้ตัวเราปกป้องตัวมันอย่างไร เช่น เวลามีใครมาแนะนำว่า ให้อภัยเขาเถิด อย่าไปโกธรเขา ความโกธรจะสั่งเราว่า อย่าให้อภัย เพราะถ้าให้อภัยความโกธรจะหมดพิษสง หรือว่าค่อยๆ เสื่อมสลายหายไป ความโกธรจะบอกเราว่า อย่าให้อภัย และถ้าใครมาแนะนำว่า ให้เราอภัย เราจะพลอยโกธรคนนั้น คนนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวเรา อาจจะเป็นเพื่อน อาจจะเป็นเป็นลูก อาจจะเป็นคนรัก แต่ถ้ามาแนะนำว่า ให้อภัยเขาไปเถิด อย่าไปถือโทษ โกธรเคืองเขา นอกจาก เราจะไม่ให้อภัยเขา เรายังโกธรคนที่ให้แนะนำอย่างนี้กับเราด้วย
ลูกสาวคนหนึ่ง พยายามแนะนำ พยายามบอกแม่ว่า ให้อภัยคนๆหนึ่งเถอะ แม่เป็นคนดี เป็นคนที่มีเมตตา โอบอ้อมอารี ใจเย็น แต่ว่าจะผูกใจเจ็บอยู่กับคนๆ หนึ่ง เพราะว่าเป็นคนที่เนรคุณ และเวลาแม่พูด หรือนึกถึงคนๆ นี้จะโกรธมาก เหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละคน ธรรมชาติของความโกธรเป็นแบบนี้คือว่า สามารถเปลี่ยนนิสัยของคนเราได้ ลูกกลัวแม่ จะป่วย เพราะความโกธร เพราะโกธรอย่างรุนแรงมาก และกลัวอีกอย่างหนึ่ง คือว่า เวลาแม่จะตาย แม่ยังมีจิตผูกใจเจ็บพยาบาท จะกลัวว่าแม่จะตายไม่สงบ ลูกพยายามบอกแม่ว่า ให้อภัยเขาไป อย่าไปสนใจ แม่กลับโกธรลูก และต่อว่าลูกอย่างรุนแรง เหมือนกับว่า ลูกนี้กำลังมาช่วงชิงเอาของรักของหวงไปจากแม่ ลูกไม่ได้ทำอะไร
แต่ว่าสำหรับแม่การที่ลูกมาแนะนำแบบนี้ แม่ไม่พอใจ เหมือนกับว่ากำลังเอาของรักของหวงของแม่ไป ยิ่งความโกธรแบบนี้ ไม่น่าเป็นของรักของหวงของใคร สิ่งที่น่าจะต้องกำจัด หรือคายออกไปด้วยซ้ำ เพราะว่าเป็นขยะ เป็นพิษต่อจิตใจ แต่เพราะธรรมชาติของความโกธร พอครอบงำจิตใจ จะสั่งให้เราอยู่ในอำนาจของมัน และปกป้องมัน
อันนี้รวมถึงอารมณ์อื่นด้วย เช่น ความเศร้า เวลาเราเศร้า เพราะสูญเสียคนรัก เราจะเอาแต่เจ่าจุกนั่งจมอยู่กับความเศร้า เพื่อนมาชวนให้ไปเที่ยว เพื่อจะได้เปลี่ยนอารมณ์ เพื่อจะได้ออกไปเจอแสงสี เจอผู้คน เจออะไรที่ทำให้คลายความเศร้า แต่ความเศร้าจะไม่ยอม ความเศร้าจะสั่งให้เราอยู่กับที่ สั่งให้เราไม่ไป เพราะถ้าเราไปมันจะมีอำนาจต่อจิตใจเราน้อยลง จะสั่งให้เรานั่งเจ่าจุก คิดวกไปวนมาถึงคนที่จากไป ถึงของที่หายไป เป็นต้น เวลาฟังเพลง จะสั่งให้เราฟังเพลงอะไร มันไม่เคยคิดอยากจะฟังเพลงสนุกสนาน จะสั่งให้เราฟังเพลงเศร้า เพื่อที่เราจะได้ตกอยู่ในอำนาจของความเศร้ามากขึ้น
ลองพิจารณาอารมณ์พวกนี้ มีพฤติกรรมที่ไม่ต่างจากแตนเบียนที่ไปครอบงำจิตใจ ครอบงำร่างกายของเต่าทอง เพียงแต่ว่าความโกธรทำกับจิตใจของเรา ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายด้วย เช่น เจ็บป่วย ความดันขึ้น หรือว่ากลายเป็นโรคต่างๆ มากขึ้น อารมณ์พอเข้าไปในจิตใจเราแล้ว สามารถสั่งให้เราทำอะไรได้ เพื่อที่จะรักษาตัวเอาไว้ หรือเวลาคนเราเครียด คนเราเครียดหลายคนจะมีพฤติกรรมที่ทำให้ตัวเองจมปักอยู่กับความเครียดมากขึ้น คล้ายๆ กับตัวปรสิตที่สั่งให้หนูเข้าหาแมว
ความเครียดบางอย่างจะสั่งให้เราทำร้ายตัวเอง มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง เช่น หลายคนพอเครียดแล้ว จะเข้าไปหาเหล้า พอกินเหล้า จะทำให้เครียดมากขึ้น ตอนกินอาจจะไม่เครียด แต่ว่าผลที่ตามมาอาจจะทำให้เครียดหนักขึ้น เพราะว่ามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับผู้คน ตื่นสายไม่เป็นอันทำงาน บางที่ถูกไล่ออกจากงาน หรือว่าใช้จ่ายกับเรื่องเหล้ามากขึ้น จนกระทั่งเป็นหนี้เป็นสิน ผลคือเครียดหนักขึ้น กลุ้มหนักขึ้น แล้วต้องกินเหล้ามากขึ้น เพื่อดับกลุ้ม เป็นพฤติกรรมที่ทำร้ายตัวเองมากขึ้น ทำให้จมอยู่กับวัฏจักรแห่งความเครียด ความกลุ้มอกกลุ้มใจ เป็นเพราะความเครียดสั่ง มันยิ่งครองจิตครองใจเรามากขึ้น สุดท้าย บางทีกลุ้มใจหนักเข้าฆ่าตัวตาย มีพฤติกรรมเปรียบกับการฆ่าตัวตายเหมือนกับพวกปลาเข้าหานก หรือหนูที่เข้าหาแมว
ลองดูคนเราจะว่าไป ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีอันตรายอย่างพวกปรสิตที่กล่าวมา แต่อันตรายที่เกิดขึ้นกับใจของเราน่ากลัวกว่า ไม่ใช่แค่อารมณ์ เท่านั้น ความคิดเหมือนกัน ความคิดถ้าครองจิต ครองใจเรา ทำให้เรามีพฤติกรรมเปลี่ยนได้เหมือนกัน อย่างเช่น ถ้ามันไปยึดติด ไปครอบงำจิตใจเรามากขึ้น ใครที่คิดไม่เหมือนเรา หรือใครที่คิดต่างจากเรา ความคิดในหัวเราจะสั่ง สั่งให้ไปว่าเขา ความคิดในหัว จะไม่ชอบความคิดอื่นที่ต่างจาก ถ้าคิดเหมือนกันไม่เป็นไร ถ้าคิดไม่เหมือนกัน ความคิดในหัวจะสั่งให้ว่าเขา ตำหนิติเตียนเขา หรือถึงขั้นตัดพ่อตัดลูก ตัดเพื่อนมี อันนี้เราคงเห็นอยู่ได้บ่อยๆ ตัดญาติ ขาดมิตร ตัดพ่อตัดลูก เพราะความคิดแตกต่างกัน อันนี้เรียกว่า ความคิดสั่ง จะเป็นความคิดทางการเมือง หรืออุดมการณ์ทางศาสนาได้ ต่างศาสนา หรือบางทีในอเมริกา แค่เชียร์พรรคการเมืองต่างกันระหว่าง เดโมแครต กับ รีพับลิกัน มีเรื่องได้เหมือนกัน ตัดขาดจากพ่อ แม่ ลูก
ความคิดสามารถจะสั่งให้เราทำในสิ่งที่เป็นโทษกับเรา สิ่งที่เป็นผลเสียกับเราได้ เพียงเพราะว่า คนอื่นคิดไม่เหมือนเรา ที่จริงไม่ต้องอะไรอื่น ความคิดธรรมดาๆ เวลาอยู่ในที่ประชุม เรามีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ถ้าเราไม่มีสติ ความคิดจะสั่งเรา พยายามกระตุ้นให้เราหาทางพูดออกมาให้ได้ คนหลายคน พอมีความคิดอยู่ในหัว ถ้าไม่พูดออกมาในที่ประชุม เหมือนกับว่า จะอัดอั้นตันใจมาก ความคิดสั่งให้เราพูด แต่ไม่มีโอกาสจะพูด เพราะว่าคนอื่นยังพูดอยู่ เราจะหงุดหงิดรำคาญมาก อยากจะพูดออกมาให้ได้ อันนี้เป็นธรรมชาติของความคิด ที่จะพยายามหาทางแพร่พันธุ์ออกไปให้ได้ เหมือนกับคนเป็นหวัด พอเป็นหวัด อยากจะไอ อยากจะจาม เพื่อที่จะได้แพร่พันธุ์ไวรัส หรือโรคหวัดให้กระจายออกไปกว้างขวางขึ้น หวัดสั่งให้เราจาม สั่งให้เราไอ เพื่อจะได้ระบายออกไปให้ได้ไกลๆ
ความคิดเป็นอย่างนั้น พอมีความคิดเห็นเกิดขึ้น อยากจะพูด อยากจะเขียน อยากจะเผยแพร่ อยากจะเอาขึ้นเฟส ถ้าไม่มีโอกาสที่จะพูด ไม่มีโอกาสที่จะประกาศออกไป จะหงุดหงิด รำคาญอัดอั้นตันใจมาก อันนี้เป็นเพราะความคิดครองจิตครองใจเรา ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะว่าใจเรา ไม่มีเครื่องปกป้องรักษา ถ้าใจเราไม่มีเครื่องปกป้องรักษา อารมณ์ดีไม่ว่าจะเป็นความโกธร ความเศร้า หรือแม้แต่ความคิด จะเข้ามาครอบงำจิตใจเรา ใช้ให้เราทำนู้นทำนี่ ซึ่งไม่ได้เป็นผลดีกับเรา ทำให้เรามีศัตรูมากขึ้น หรือทำให้เรามีพฤติกรรมที่เป็นโทษกับตัวเอง หรือว่าทำให้เราเจ็บป่วยมากขึ้น พอโกธรมากๆ เข้า ความดันขึ้น หรือบางทีเส้นเลือดในสมองแตก เรียกว่า ประสงค์ของมัน
เราต้องระมัดระวัง เราอาจไม่ค่อยมองว่า คือ ปัญหามากเท่าไหร่ แต่นี่คือ ภัยที่เป็นอันตรายของคนสมัยนี้มาก สิ่งจำเป็นที่เราควรจะมีคือ การรักษาใจของเรา ไม่ให้อารมณ์เหล่านี้มาครอบงำ หรือไม่ให้อารมณ์เหล่านี้มาใช้เรา เพื่อปกป้องตัว เป็นองค์รักษ์พิทักษ์ตัวมัน หรือว่ามีพฤติกรรมที่เป็นโทษกับตัวเราเอง จนกระทั่งเหมือนกับว่า เป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม บางทีเป็นการฆ่าตัวตายจริงๆ มี เพราะว่าพอเครียดมากๆ ซึมเศร้ามากๆ หลายคนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงฆ่าตัวตาย คนเราทำอย่างนี้ได้อย่างไร เพราะว่าการที่ไม่มีสติ ถ้าหากเราไม่มีสติรักษาใจ ใจอาจจะกลับมาเป็นโทษกับเราเอง หรือพูดให้ถูกคือ อารมณ์ต่างๆ จะเข้ามาครอบงำ อันนี้รวมถึงกิเลสชนิดอื่นๆ ด้วย เช่น อัตตา พออัตตา เข้ามาครองใจ จะสั่งให้เราปกป้องอัตตา ใครมาว่าเรา เราตอบโต้ด่ากลับไป ใครคิดไม่เหมือนเรา เหมือนกับว่ามากระแทกอัตตาของเรา เรามองเขาเป็นศัตรู
ภัยของคนเราสมัยนี้ ไม่ใช่สิ่งนอกตัวเท่าไหร่ สมัยก่อนภัยของคนเราอยู่นอกตัวเป็นส่วนใหญ่ เช่น สิงสาราสัตว์ สัตว์มีพิษ พวกภัยธรรมชาติ อาหาร ผักที่มีพิษกินแล้วตาย รวมไปถึงคนที่เป็นคนละเผ่ากับเรา สมัยที่เรายังอยู่ป่า ฆ่ากันตายเพียงเพราะอยู่คนละเผ่า ดังนั้น ต้องระมัดระวัง เราต้องอาศัยตา ต้องอาศัยใช้หู ใช้จมูก ใช้ลิ้น รวมทั้งใช้กายเพื่อปกป้องอันตรายที่จะมาจากภายนอก อันตรายจากภายในมีซึ่งธรรมชาติให้สิ่งที่คอยปกป้องรักษาใจไม่ให้อันตรายจากภายในเข้ามาเป็นภัยคุกคาม สิ่งนั้นคือสติและปัญญา แต่สมัยก่อนเป็นอาจเป็นเพราะภัยจากธรรมชาติหรือภัยจากภายนอกมีมากกว่า เราจึงมีสิ่งที่คอยป้องกัน คอยสอดส่องดูแลอันตรายจากภายนอก ไม่ให้เข้ามารบกวนคุกคาม เรามีกลไกถึง 5 อย่าง ตา หู จมูก ลิ้น กาย เพื่อคอยระวังอันตรายจากภายนอก แต่ว่าเรามีแค่กลไกเดียว เพื่อปกป้องอันตรายจากภายใน คือ สติ เป็นเพราะว่าธรรมชาติของคนเรา สมัยก่อน ภัยมาจากข้างนอกมากกว่า เรียกว่า 5 ต่อ 1 แต่เดี๋ยวนี้ ภัยจากธรรมชาติ หรือภัยจากภายนอกมีน้อยลงแล้ว คนตายเพราะโรคระบาด คนตายเพราะเสือสิงห์ กระทิงแรด หรือสัตว์ร้ายฆ่าน้อย หรือตายเพราะภัยธรรมชาติน้อย
แต่ตายเพราะความเครียด ตายเพราะอารมณ์ต่างๆเยอะมาก เขาบอกว่าเดี๋ยวนี้ ความเครียดเป็นสาเหตุการตายที่ร้ายแรงที่สุด ถ้าพูดถึงสาเหตุการตาย คนตายเพราะความเครียดมากกว่าตายเพราะบุหรี่ หรือเหล้าเสียอีก แสดงว่า เรื่องของจิตใจเป็นปัญหาของคนสมัยนี้มาก แต่เราไม่ได้ตระหนัก เราไม่ได้ระมัดระวังกับการที่จะป้องกันเท่าไหร่ เราไม่ได้ใช้สติให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ ในการที่จะปกป้องรักษาใจ แต่ว่าถ้าหากว่า เราใช้สติให้ดี พัฒนาให้ดี ไม่จะเพียงแต่ จะปกปักรักษาใจของเรา ไม่ให้เกลียด ไม่ให้โกธร ไม่ให้เครียด ไม่ให้วิตกกังวลแล้ว ยังสามารถทำให้เรามีความสุข เป็นสุขชนิดที่เรียกว่า สุขเหนือสุขได้
พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า โจรกับโจรทำร้ายกันไม่ก่อความเสียหายมากเท่ากับจิตที่วางไว้ผิด ลองนึกภาพโจรเกลียดกัน โกธรกัน พอมาเจอกันหรือแม้กระทั่งคนที่มาจองเวรกัน พอมาเจอกันล้างแค้นกันน่าดูแต่ไม่ก่อความเสียหาย มากเท่ากับจิตที่วางไว้ผิด ในทางตรงข้าม พ่อแม่ทำอะไรให้กับเรา ไม่ว่าประเสริฐแค่ไหน ไม่มีทางประเสริฐเท่ากับจิตที่วางไว้ถูก หรือจิตที่ฝึกฝนไว้ถูก จิตที่ฝึกฝนไว้ถูกคือ จิตที่มีสติ มีปัญญา
ทุกวันนี้คนเราทุกข์เพราะอารมณ์ต่างๆ มาก ถ้าเราดูให้ดี ล้วนแล้วอยู่กับความติดยึด ความโกธรดี ความเกลียดดี ความเศร้าดี ถ้าเราสาวไปถึงสาเหตุจริงๆ เกิดจากความยึดติด ยึดติดในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เก็บเอามาคิด เก็บเอามาเป็นอารมณ์ ทำให้จิตใจเศร้าโศก ทำให้โกธรเคือง หรือว่าทำให้เกิดความอาลัยอาวรณ์ การครุ่นคิดถึงความสูญเสีย ความผิดพลาด ไม่เพียงทำให้เกิดความโศกเท่านั้น อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้าด้วยได้
เดี๋ยวนี้โรคซึมเศร้า เป็นโรคใหญ่ เป็นปัญหาใหญ่ของคน ซึมเศร้าเกิดกับคนทุกเพศทุกวัย อาจมีความเครียด เพราะความหวาดกลัวก็ได้ เดี๋ยวนี้เขาว่ามีความเครียดชนิดหนึ่ง เรียกว่า Post trauma stress disorder แปลว่า ความเครียดที่เกิดจากความเจ็บปวด อาจจะเป็นคนที่ผ่านสงคราม คนที่ผ่านเหตุการณ์ก่อการร้าย คนที่ผ่านเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่คนที่ไม่ได้เจอด้วยตนเอง แต่ว่ามีโอกาสจะเจอ ไม่ได้เจอเอง เพียงแค่ว่ามีโอกาสจะเจอ เครียดมากๆ เป็นโรคนี้มากขึ้น และทำให้ชีวิตย่ำแย่ไป ไม่เป็นผู้ ไม่เป็นคน
อันนี้เป็นเพราะใจปรุงแต่ง ยึดติดอย่างเดียวไม่พอ เอามาปรุงแต่งต่ออีกด้วย เอาเรื่องราวในอดีต ความเจ็บปวดในอดีตมาแบกเอาไว้ แล้วปรุงแต่งต่อ หรือไปยึดติดกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ว่าสร้างภาพเอาไว้ ว่าเป็นเรื่องเลวร้าย เรื่องหนี้สิน แม้แต่การตกงาน เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ การเมืองที่วุ่นวาย ยังไม่เกิดจริง แต่ว่าพอคิดไปแล้วเครียด วิตกนอนไม่หลับ คนเราทุกข์เพราะเหตุนี้จำนวนมาก เรียกว่า ยึดติดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
แต่ไม่ใช่อดีต หรืออนาคตที่เรายึดติด ปัจจุบัน อารมณ์ที่เป็นปัจจุบันเรายึดติดเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น เกิดมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาในศาลานี้ บางทีเสียงจะไม่ค่อยได้ดังมาก หรือบางทีเสียง คุยกันข้างล่างหรือใต้ถุน เสียงไม่ค่อยดังมากเท่าไหร่ เสียงอาจเบากว่า เสียงบรรยายของอาตมาเสียอีก แต่บางคนพอไม่ชอบเสียงนั้น ใจจะไปจ่อ ไปจับ ไปยึด ไปติด แล้วยิ่งไปจดไปจ่อ ไปยึดไปติดเสียงจะยิ่งดังขึ้นๆ ในความรู้สึก ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น บางทีปรุงแต่ง สิ่งที่เกิดขึ้น
เคยมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ไปกินข้าว ตอนประมาณเย็นๆ ไม่ถึงกับเย็นมาก ช่วงแดดร่มลมตก ร้านที่กินเป็นร้านคล้ายๆ กับเป็นที่โล่งที่ยื่นจากหลังคา กำลังกินอยู่ดีๆ มีนกบินผ่านมา แล้วขี้ตกลงบนหัวของวัยรุ่นคนหนึ่งในนั้น ซึ่งพอดีกับที่เมียเจ้าของร้านเดินผ่านมาพอดี หนุ่มคนนั้นนึกว่าเมียเจ้าของร้านถุยน้ำลายใส่ โวยวายใส่เมียเจ้าของร้าน เจ้าของร้านซึ่งเป็นสามีของผู้หญิงคนนั้นไม่พอใจ พอเถียงกันหนักๆ เอามีดอีโต้ขู่ แล้วไล่วัยรุ่นกลุ่มนั้นออกไป เพราะท่าทางจะทะเลาะกันหนัก คุยกันไม่รู้เรื่อง ต้องเอามีดไล่ วัยรุ่นกลุ่มนั้นไป สักพักกลับมา พาพวกมาพร้อมกับมีด พร้อมกับปืน แล้วยิงกัน ปรากฏว่า มีคนตาย สามีคือเจ้าของร้านตาย ส่วนวัยรุ่นตาย เพราะโดนมีด ตายไป 2 ศพ สาเหตุเป็นเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คือว่านกขี้ตกลงมาบนหัวของวัยรุ่น วัยรุ่นปรุงแต่งว่าเป็นน้ำลายที่ถูกถ่มมาจากเมียเจ้าของร้าน อันนี้เรียกว่า ยึดติดถือมั่นในความคิดปรุงแต่ง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นจริง แต่พอปรุงแต่งแล้วเราเชื่อในความคิดนั้น ทะเลาะกัน เสร็จแล้วสิ่งที่ต้องสูญเสียไปคือ ชีวิตคน 2 คน หรือบางคนอาจจะต้องสูญเสียไปมากกว่านั้นได้
คนเราหากรู้จักปล่อย รู้จักวางบ้าง มีสติรู้ทันอารมณ์ที่เกิดขึ้น เวลารู้ว่า ใจเราไปจมอยู่กับอดีต รู้แล้ววาง มีสติรู้ทัน เวลาใจเราจมอยู่กับอนาคต สิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ปรุงแต่งไปแล้วรู้ทันแล้ววาง หรือเวลาใจเราไปคิดไปนึกเรื่องอะไรตาม รู้แล้ววาง ไม่เกิดปัญหา รวมถึงเรื่องของอารมณ์ที่พูดมาเมื่อสักครู่นี้ ความโกธร ความเกลียด ความเศร้า ความคิดที่ยึดติดถือมั่น ล้วนแล้วแต่ทำให้ทุกข์ ความโกธร ถ้าเราไม่ยึดติดถือมั่น เพียงแค่รู้ทัน ไม่มีโทษ ความโศก ความเศร้าเหมือนกัน เกิดขึ้นแล้ว เรารู้ทัน บางทีสามารถที่จะเป็นครูสอนเรา หรือว่าสามารถจะเป็นตัวกระตุ้น ให้เราคอยระมัดระวังจิตใจของตัวได้ ความกลัวถ้าใช้เป็น ก็ดีเหมือนกัน ช่วยทำให้เราไม่ประมาท ช่วยทำให้เราระมัดระวังมากขึ้น คนเราถ้าไม่กลัวก็อันตรายเหมือนกัน
แต่ปัญหาคือว่า เรากลับเผลอปล่อยให้มันใช้เรา ปล่อยให้ครองจิตครองใจ และสั่งให้เราทำในสิ่งที่เป็นโทษกับเราเอง และเป็นอันตรายกับคนอื่นด้วย ถ้าเราเห็นและตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ การที่พยายามที่จะเจริญสติ ให้ไวต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้น สติช่วยทำให้เรารู้ทัน เมื่อรู้ทันแล้ว จะละ จะวาง รู้บางอย่างทำให้เรายึดติด เช่น การเรียนรู้ทางโลก คนที่มีความรู้มาก บางทียึดติด ถือมั่นมาก เกิดอีโก้ เกิดอัตตามาก หรือว่าเกิดความหลงในความรู้ความคิดของตัว บางทีทะเลาะกัน เพียงเพราะทฤษฎีต่างกัน หรือว่ารู้ข้อมูลคนละทางทะเลาะกันได้ รู้แบบนี้ทำให้ยึดติด แต่ถ้ารู้ทันอารมณ์ รู้แล้วทำให้ละ จะรู้ได้ด้วยการมีสติ เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากจะรักษาใจของเราให้เป็นปกติ อยากจะรักษาชีวิตของเราให้เป็นอิสระ รอดพ้นจากภัยอันตรายที่ครอบงำจิตใจ ต้องพยายามหา รักษา สติ สร้างสติขึ้นมา เพื่อจะช่วยปกป้องรักษาใจเราให้ได้