แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีกษัตริย์องค์หนึ่งที่คุ้นเคยกับพระพุทธเจ้า นอกจากพระเจ้าพิมพิสารแล้วก็คือพระเจ้าปเสนทิโกศลที่เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่หลายครั้ง แล้วก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างพระเจ้าปเสนทิโกศลกับพระพุทธเจ้าเยอะในพระไตรปิฎก เพราะว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ที่เชตวันกว่า 20 พรรษา พระเจ้าปเสนทิโกศลเป็นผู้ปกครองเมืองสาวัตถีซึ่งเป็นที่ตั้งของเชตวัน มีคราวหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลไปเฝ้าพระพุทธเจ้า พระองค์สังเกตว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลอ้วน เดินเหินไม่คล่องแคล่ว นั่งก็อึดอัด เวลาจะลุกขึ้นก็ไม่สะดวกเพราะว่าอ้วน อ้วนเพราะกินเยอะ พระพุทธเจ้าก็เลยพูดสอนหรือว่าพูดให้คิดว่า ผู้มีสติอยู่ทุกเมื่อรู้จักประมาณในการบริโภค ย่อมมีเวทนาน้อย แก่ช้า และก็อายุยืน ไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าให้พระเจ้าปเสนทิโกศลกินอาหารน้อยลง
แต่ว่าพูดอย่างนี้พระเจ้าปเสนทิโกศลก็รู้แล้วว่าคือสิ่งที่ควรปฏิบัติ คนธรรมดาก็อยากมีเวทนาน้อย คือความเจ็บปวดน้อยอยู่แล้ว อยากจะมีอายุยืน ก็เลยให้หลานซึ่งเสด็จไปด้วยท่องเอาไว้คาถานี้ เสร็จแล้วทุกมื้อทุกวัน เวลาที่พระเจ้าปเสนทิโกศลจะเสวยก็จะมีหลานคอยพูด ท่องคาถานี้ให้ฟัง เป็นการเตือนใจ คือคนกินจุ คนที่ชอบกินอาหาร บ่อยครั้งพอเวลาเจออาหารก็ลืมว่าควรจะทำยังไง เพราะว่า ความเพลิดเพลิน หรือว่าความยินดีในรสอาหารมันครอบงำจิตใจ แต่พอหลานท่องคาถาพระเจ้าปเสนทิโกศลก็จะกินอาหารน้อยลง คือได้สติ มีสติกับการกิน คนเราถ้ามีสติกับการกินจะไม่กินตามใจปาก หรือไม่กินเพราะรสชาติอาหาร ยิ่งมารู้ว่าตัวเองอ้วน ก็ตระหนักว่าต้องกินให้น้อยลง สติมันจะเตือนว่าให้กินน้อย ๆอย่ากินมาก สติเตือนให้ระลึกถึงโทษของการกินมาก ๆ หรือว่าเห็นประโยชน์ของการกินน้อย ๆ พอประมาณ คือเวทนาน้อย แก่ช้าและอายุยืน เวทนาน้อยหมายความว่า ไม่จุก ไม่อึดอัด กินพอประมาณ พระเจ้าปเสนทิโกศลทำอย่างนี้ทุกมื้อทุกวัน จนกระทั่งน้ำหนักลด ก็สามารถจะเดินเหินได้คล่องแคล่วจะลุกจะนั่งจะยืนก็สะดวกไม่อึดอัดก็ดีใจ
วันหนึ่ง ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แล้วตรัสสรรเสริญว่า พระองค์ให้คำแนะนำที่ประเสริฐมาก แล้วพูดต่อไปว่าพระองค์เกื้อกูลข้าพเจ้าทั้งในเรื่องประโยชน์ปัจจุบัน และประโยชน์เบื้องหน้า หรือพูดง่าย ๆ คือว่าเกื้อกูลทั้งประโยชน์ทางโลก และประโยชน์ทางธรรม ประโยชน์ทางโลกคือ การรักษาสุขภาพ ทำให้แก่ช้ามีอายุยืน อันนี้เป็นเรื่องประโยชน์ทางโลก ทางภาษาบาลี เขาเรียกประโยชน์ปัจจุบัน เห็นได้ง่าย จับต้องได้ คนไปคิดว่าพระพุทธเจ้าสอนแต่เรื่องการพ้นทุกข์ ที่เกิดจากการหมดกิเลส การมีจิตอยู่เหนือโลก โลกธรรมไม่อาจแผ้วพาน แปดเปื้อนจิตใจได้ แต่ที่จริงแล้วพระองค์ยังสอนมากกว่านั้น สอนเรื่องทางโลกด้วย อันนี้พระเจ้าปเสนทิโกศลเห็นด้วยตา ประจักษ์ด้วยใจว่าพระองค์สอนได้กว้างมาก ทั้งเรื่องการไม่เป็นทาสของกิเลส เพื่อยกจิตให้พ้นทุกข์ แม้กระทั่งเรื่องการลดน้ำหนัก ให้มีสุขภาพดี เรื่องประโยชน์ทางโลก
พระพุทธเจ้าสอนหลายสิ่ง แม้กระทั่งเรื่องสุขภาพที่พระพุทธเจ้าได้เคยสอนไว้ว่า การที่คนเราจะมีอายุยืนได้ ควรทำอะไรบ้าง บางข้อคล้ายกับที่พระองค์สอนพระเจ้าปเสนทิโกศล ข้อแรกคือว่ากินอาหารที่ย่อยง่าย ถ้าอยากอายุยืน เดี๋ยวนี้อาหารที่คนเรากินสมัยใหม่มันย่อยยากเพราะว่ามันทำด้วยเนื้อ บางมื้อของฝรั่งเป็นเนื้อทั้งแท่งเลยเป็นก้อนเลย เนื้อย่อยยากอยู่แล้ว ไม่เหมือนผักหรือแม้แต่เนื้อปลาเนื้อไก่ก็ยังย่อยง่ายกว่าเนื้อวัว อันนี้เป็นปัญหาของฝรั่ง ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา คือเขากินอาหารที่ย่อยยาก แล้วคนไทยก็เจริญรอยตาม เลยมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โรคมะเร็งเกิดจากการกินอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีน อาหารเนื้อ เนื้อเป็นแผ่น เป็นก้อน
พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้นานแล้วให้กินอาหารที่ย่อยง่าย และข้อที่สองพระองค์สอนให้ทำสิ่งที่สบาย พูดง่าย ๆ คือใช้ชีวิตที่สบาย รู้จักหาความสบายใส่ตัว อันนี้คนบางคนไม่เข้าใจว่า พระพุทธเจ้าสอนให้ทรมาน สอนให้ลำบาก หรือเข้าใจว่า พุทธศาสนาปฏิเสธเรื่องความสบาย ที่จริงพระองค์สอนเลยว่า ให้รู้จักทำความสบายให้กับตัว หรือว่าให้รู้จักทำสิ่งที่สบาย อย่าไปทรมานตน อย่าไปทำอะไรที่มันลำบากหักโหม ทำงานหนัก ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน อันนี้ไม่ถูก ยิ่งทรมานตนแล้ว ยิ่งไม่ใช่คำสอนของพระพุทธองค์
คำว่าสัปปายะ เป็นธรรมะใหญ่หมวดหนึ่งในพระพุทธศาสนา สัปปายะภาษาไทยเรามาแปลให้เป็นคำว่าสบาย คนเราต้องรู้จักหาความสบายใส่ตัว อย่าไปทรมานตน การที่พระไม่ฉันอาหารในเวลาวิกาลหรือญาติโยมที่มารักษาศีลแปด กินมื้อเดียวสองมื้อไม่กินอาหารเย็น มันไม่ใช่ทรมานตน มันเป็นส่วนของการทำความสบายให้เกิดขึ้นกับตัวด้วย เพราะพอไม่ต้องยุ่งยากกับอาหารมื้อเย็นแล้วมันก็สบายไม่แน่นท้อง ถ้าหากว่ากินอาหารกลางคืนเข้าไป ทำความสบายแล้ว เราก็ต้องรู้จักประมาณ อันนี้เป็นข้อที่ 3 รู้จักประมาณในสิ่ง หรือความสบาย สบายมากไปไม่ดี
คนเดี๋ยวนี้ป่วยเป็นโรคนานาชนิดเพราะมันสบายเกินไป กินอาหารเยอะ แต่ไม่ออกกำลังกาย ทั้งวันเอาแต่นั่ง ทำงานก็นั่งโต๊ะ ชาวบ้านสมัยก่อนทำงานคือออกไปทำไร่ ทำนา ออกไปหาบน้ำ ชาวบ้านไม่ค่อยได้นั่งเท่าไหร่ ยกเว้นเวลาเหนื่อยค่อยนั่ง แต่ว่าคนสมัยนี้นั่งตลอด กินข้าวก็นั่งเก้าอี้ ไปทำงานก็นั่งรถ ถึงที่ทำงานก็นั่งโต๊ะ กลับมาบ้านก็นั่งอีก นั่งดูโทรทัศน์ หรือไม่ก็นั่งก้มหน้าดูจอโทรศัพท์มือถือ เล่นไลน์ เพิ่งมาขยับเขยื้อนตอนมีโปเกม่อน เพราะว่าจะจับโปเกม่อนได้ต้องเดิน อันนี้เป็นความตั้งใจที่อยากจะให้คนสมัยนี้เดินบ้าง อย่าเอาแต่นั่งเล่นเกมอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่แล้วก็นั่งกันทั้งนั้น ไม่นั่งก็นอน ไม่ค่อยได้ใช้แรงกายเท่าไหร่ ใช้แค่นิ้วและนิ้วก็ใช้แค่ 2-3 นิ้ว ไม่ได้ใช้มือ ใช้แค่นิ้ว 2-3 นิ้วเท่านั้น อันนี้เรียกว่าสบายมากเกินไป
เมื่อสบายมากเกินไปสุขภาพก็แย่ แย่เพราะว่าเป็นโรคหัวใจ ไขมันเยอะ เป็นโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคซึมเศร้านี่ก็มีส่วนเกิดจากการที่นั่งนาน ๆ นั่งแล้วไม่ทำอะไรใจลอย ไม่ได้ทำงาน ไม่ได้ใช้แรง การที่คนจะหายจากโรคซึมเศร้า เดี๋ยวนี้มีคำแนะนำให้ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นวิธีช่วยบรรเทาโรคซึมเศร้า ซึ่งเป็นปัญหาของคนสมัยนี้เยอะมาก ออกกำลังกายไม่ต้องมาก ไม่ต้องหักโหม วันละครึ่งชั่วโมง แล้วค่อย ๆ เพิ่มไป ๆ ก็ช่วยบรรเทาลดโรคซึมเศร้าได้
ข้อที่ 4 คือ ให้มีศีล การมีศีลช่วยทำให้อายุยืน เพราะว่าถ้าไม่มีศีลแล้วอายุสั้นได้ง่าย ไปเบียดเบียนคน ไปทำร้ายผู้คน ไปลักขโมย ไปประพฤติผิดในกามนี่ตายเร็ว ยิ่งข้อห้าด้วยแล้ว ตายผ่อนส่งนะกินเหล้า การมีศีลเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเราด้วย รวมทั้งศีลแปดด้วย ศีลแปดไม่ใช่เป็นการเพิ่มความทรมานให้กับร่างกาย แต่เป็นการทำให้ประหยัดพลังงาน เพื่อที่เราจะเอาพลังงานไปทำสิ่งที่ดีกว่า ช่วยทำให้อายุยืน เดี๋ยวนี้บางคนเสียพลังงานไปกับเรื่องที่ไม่เป็นสาระ การกิน การเที่ยว การเล่น พวกนี้บั่นทอนสุขภาพเหมือนกัน เที่ยวทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เล่นไพ่ทั้งคืนสุขภาพแย่ อันนี้เพราะว่าไม่รู้จักควบคุมตนเอง แต่ถ้ามีศีลแปด ศีลข้อที่เจ็ดก็บังคับเลยว่าไม่ต้องไปเที่ยวไม่ต้องไปเล่นแล้ว
ข้อสุดท้ายคือการมีกัลยาณมิตร กัลยาณมิตรมีมิตรดีทำให้มีอายุยืน อันนี้เป็นปัญหาของคนสมัยนี้ คนสมัยนี้ไม่มีเพื่อน มีเพื่อนก็เป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนกิน แต่ว่าเพื่อนจริง ๆ ไม่มี กลับมาบ้านก็เหงา เหงามาก ๆ ก็เหี่ยวเฉาแล้วก็ตาย บางทีฆ่าตัวตายก็มี โรคเหงาเป็นปัญหาของคนสมัยนี้มาก เดี๋ยวนี้เป็นกันตั้งแต่เด็กแล้ววัยรุ่นก็เหงาแล้ว ทั้ง ๆ ที่มี Smart Phone สามารถติดต่อคนได้ทั่วโลกแต่เหงา ดังนั้น การมีกัลยาณมิตรช่วยทั้งใจและกาย คนสมัยนี้ พอไม่มีคนเป็นเพื่อนก็ไปเลี้ยงหมาแทน ยังดีมีหมาเป็นมิตร กัลยาณมิตรยังชักชวนให้ทำความดี ทำความดีจิตใจแช่มชื่นเบิกบาน อายุยืน มีกัลยาณมิตรก็ชวนให้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ผิดศีล อันนี้ช่วยทำให้สุขภาพดี
ดังนั้น ใครอยากมีอายุยืน อย่างน้อยทำตามที่พระพุทธเจ้าแนะนำ พระเจ้าปเสนทิโกศลมีสติทุกเมื่อ รู้ประมาณในการบริโภค หรือว่าทำให้ดีกว่านั้นก็คือ ปฏิบัติตามธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนว่า การมีอายุยืนหรือมีอายุวัฒนธรรมคือ กินอาหารที่ย่อยง่าย ทำสิ่งที่สบาย รู้จักประมาณในความสบาย มีศีลและมีกัลยาณมิตร อันนี้จะทำให้อายุยืนได้และสุขภาพจิตก็ดีด้วย