PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ประโยชน์ของความพิการ
ประโยชน์ของความพิการ รูปภาพ 1
  • Title
    ประโยชน์ของความพิการ
  • เสียง
  • 5773 ประโยชน์ของความพิการ /aj-visalo/2020-11-06-07-43-28.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันศุกร์, 06 พฤศจิกายน 2563
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  •             ในบรรดาข้าวที่ปลูกในเมืองไทย ข้าวหอมมะลิก็ถือว่าเป็นอันดับหนึ่ง เพราะว่ามันหอมอร่อย แต่ก็ราคาแพง ขายได้ราคาดี มีคนสงสัยว่าข้าวหอมมะลิทำไมมันถึงหอม เป็นเพราะดินหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ก็ศึกษาพยายามเจาะไปที่ว่ามันเป็นที่พันธุ์ข้าว นักวิทยาศาสตร์ไทยใช้เวลานานถึง 15 ปีกว่าจะพบว่าที่ข้าวหอมมะลิหอมเพราะว่ามันมียีนบางอย่างที่ไม่เหมือนข้าวทั่วไป ได้ยินแล้วก็ประหลาดใจเพราะว่ามันเป็นยีนผิดปกติ ยีนพิการ มันขาดองค์ประกอบไปหรือขาดสารพันธุกรรมไปประมาณ 7-8 คู่ ถ้าเทียบกับข้าวปกติก็คือข้าวพิการ เป็นยีนพิการ แต่ว่าความพิการของยีนนี้กลับเป็นสิ่งดี มันทำให้เปลี่ยนสารพิษในเมล็ดข้าวให้กลายสารละเหยที่หอมได้ นี่ก็เป็นความรู้ที่คนทั่วไปประหลาดใจ ซึ่งปกติแล้วเราจะถือว่าข้าวหอมมะลิเป็นข้าวชั้นสูง ยีนในข้าวคงจะเป็นยีนพิเศษ แต่ปรากฏว่ามันไม่ใช่ มันเป็นยีนผิดปกติ เป็นยีนพิการ

                มันก็เหมือนกับว่าคนที่ทำงานเก่งคิดว่าตนเองมีไอคิวสูงแต่ที่จริงกลับมีไอคิวต่ำ มันก็เป็นเรื่องประหลาด แต่ก็ชี้ให้เห็นว่าความพิการนี้บางทีมันก็เป็นของดี สิ่งที่พิการสิ่งที่ผิดปกติก็จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีให้เกิดขึ้นได้  ไม่ใช่เฉพาะกับพืชพันธุ์ธัญญาหารเท่านั้น คนเราก็เหมือนกัน คนที่ผิดปกติหรือที่เราเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า “พิการ”ก็จะสามารถทำสิ่งที่พิเศษหรือว่าสร้างสรรค์อย่างที่คนธรรมดาทำไม่ได้ อย่างนักดนตรีหลายคนที่มีชื่อเสียง บางคนพิการอย่างเช่น บีโธเฟน เป็นคนหูหนวกแต่สามารถประพันธ์เพลงที่ไพเราะได้ หรืออีกอย่างมีนักดนตรีคนหนึ่ง ไม่มีแขน แต่ว่าสามารถดีดกีต้าร์ได้อย่างไพเราะมาก กีต้าร์คลาสิคด้วย เขาใช้เท้า ใช้นิ้วเท้านี่แหละดีดกีต้าร์ ซึ่งคนธรรมดาก็อาจเล่นได้ไม่ดีเท่าเขา นิ้วเท้าซึ่งหยาบและไม่อ่อนช้อยเหมือนนิ้วมือ สามารถเอามาใช้ดีดกีต้าร์ได้เพราะมาก คนที่ว่านี้ชื่อ โทนี่ เมเลนเดซ

                นี่ก็พบว่าคนที่ฉลาดเก่ง ๆ เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่ใช่คนปกติ ไม่ได้เรียกว่าอัจฉริยะแต่เรียกว่า“คนผิดปกติ”มากกว่า อย่างเช่นพวกที่เป็นผู้บริหารหรือผู้คิดค้นเทคโนโลยีที่กำลังโด่งดัง ซึ่งปัจจุบันมีกิจการที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ธุรกิจดิจิตอล เพราะผู้บริหารที่เก่ง ๆ เป็นโรคออทิสติกอ่อน ๆ ซึ่งออทิสติกเป็นโรคที่ทำให้คนมีปัญหาในการเรียนรู้ แต่ว่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในกิจการสมัยใหม่ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เป็นออทิสติกอ่อน ๆ กันเยอะหรือที่เรียกว่าโรคแอสเพอร์เกอร์ ตัวอย่างเช่น บิล เกตส์ หรือมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็เป็นออทิสติกอ่อน ๆ เหมือนกัน แต่ว่าสามารถจะบริหารกิจการ หรือว่าสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้

                คนปัญญาอ่อนบางคน ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถจำหนังสือได้เป็น พัน ๆ เล่ม มีคนหนึ่งสามารถจำหนังสือได้ถึง ๗,๐๐๐ เล่ม คนธรรมดาท่องบทสวดมนต์ ให้ท่องบทธัมมจักกัปปวัตตนสูตรต้องใช้เวลาหลายวันทั้ง ๆ ที่มีไม่กี่หน้า  แต่ว่าคนปัญญาอ่อนหลายคนให้อ่านหนังสือทีเดียวสามารถจำได้ จำได้เป็นหน้า ๆ จำได้เป็นเล่ม ๆ จำได้ถึง ๗,๐๐๐ เล่มก็มี ซึ่งมีข้อพิสูจน์มาแล้ว แสดงว่าความผิดปกติความพิการก็ไม่ใช่เป็นผลเสีย มันสามารถทำให้คนเรามีความสามารถพิเศษบางอย่างได้ คนตาบอดอย่างที่เรารู้กันว่าเขาจะเป็นคนที่มีหูที่ไวมาก หลายคนเดินโดยไม่ใช้ไม้เท้าแต่ใช้วิธีเดาะลิ้นให้มีเสียง เวลาเสียงไปกระทบสิ่งกีดขวางด้านหน้ามันจะสะท้อนกลับ คนตาบอดบางคนหูไวมาก หูฟังเสียงที่สะท้อนกลับก็รู้ว่าข้างหน้าเป็นเสา เป็นคน เป็นรถ หรือว่าไม่มีอะไรเลย

                บางคนเก่งกว่านั้น ไม่ใช่แค่เดินแต่เป็นการขี่จักรยาน ขี่จักรยานและใช้วิธีเดาะลิ้น แบบนี้เก่งมากเลยกลางวันหรือกลางคืนไม่มีความหมาย ขับรถตอนกลางคืนไม่มีไฟก็สามารถจะขับได้โดยที่ปลอดภัยเพราะใช้วิธีเดาะลิ้น  หูไวมากเหมือนค้างคาว ค้างคาวก็ใช้วิธีนี้ มันส่งเสียงเป็นเสียงที่คนธรรมดาไม่ได้ยิน เป็นเสียงโซน่า พอไปกระทบต้นไม้ ไปกระทบสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งก็สะท้อนกลับมา มันก็รู้ว่าเป็นเหยื่อหรือว่าเป็นศัตรูที่จะไล่ล่ามัน

                หรืออย่างอาจารย์กำพลซึ่งเป็นคนพิการ แต่ความพิการก็ทำให้สามารถเข้าใจธรรมะด้วยเร็ว คนธรรมดาหากว่าปกติอาจจะไม่สนใจธรรมะเลยก็ได้ เพราะว่ามันมีสิ่งเย้ายวนเยอะ ชวนให้ไปทำโน้น ชวนให้ไปเที่ยวนี่ ชวนให้ไปเล่น ชวนให้ไปเพลิดเพลินความสุข  แต่ว่าคนพิการคนป่วยจะไปทำแบบนั้นไม่ได้ สังขารไม่อำนวยก็ทำให้สนใจธรรมะได้ง่าย ยิ่งมีความเจ็บความป่วย มีความทุกข์เกิดขึ้น ยิ่งต้องขวนขวายหาธรรมะมาช่วยบำบัด  โดยเฉพาะถ้าหากว่ามันไม่มียารักษา คนที่สุขสบายดี ก็จะเพลินกับความสุข ไม่ได้คิดเฉลียวใจว่าสักวันจะต้องทุกข์จะต้องเจ็บต้องป่วย สุขภาพดีก็จะใช้ร่างกายไปในการเสพสูบ หาความสุขตักตวงความสุข ไม่ได้คิดเตรียมตัวเตรียมใจไว้เลยว่าถึงเวลาแก่ถึงเวลาเจ็บป่วยไปนี่จะทำอย่างไร แต่คนพิการอย่างอาจารย์กำพลหันมาสนใจธรรมะ ซึ่งอาจารย์กำพลเคยพูดไว้ว่า “ขอบคุณความพิการ เพราะความพิการทำให้ผมรู้จักทุกข์ และทำให้รู้วิธีพ้นทุกข์” 

                คนเราจะพ้นทุกข์ได้ จะต้องรู้จักทุกข์ และจะรู้จักทุกข์ได้อย่างไรถ้าไม่เจอทุกข์ และความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็คือ ความพิการ เพราะฉะนั้นความพิการ หรือความผิดปกติ ความเจ็บความป่วยมันก็มีข้อดีของมัน เหมือนกับข้าวหอมมะลิซึ่งยีนมันพิการ แต่ว่ามันกลับกลายเป็นของดีเปลี่ยนสารที่เป็นพิษให้กลายเป็นสารระเหยที่หอมได้ เพราะฉะนั้นเราคนเมื่อรู้ว่าตนเองมีความผิดปกติ มีความเจ็บความป่วย ความพิการ หรือความบกพร่อง อย่าไปมองว่ามันคือข้อเสีย ธรรมชาติจะสร้างอะไรบางอย่างเพื่อเป็นการชดเชย ให้เราสามารถจะทำสิ่งที่ดีมาชดเชยได้ อย่างคนตาบอดก็หูไว คนหูหนวกก็จะสามารถสังเกตปากของคนแล้วสามารถรู้ได้ว่าคนคนนั้นพูดอะไร แค่ดูริมฝีปาก บางทีดูหน้าตาด้วย แล้วสามารถบอกได้ว่าคนพูดโกหกหรือไม่ คนหูหนวกสามารถทำได้ขนาดนี้ รู้ว่าคนพูดโกหกหรือเปล่า ดูจากหน้าตา ดูจากริมฝีปาก ดูจากแววตา  ซึ่งกลับกันคนที่หูดีไม่ค่อยไว ไม่ค่อยจะสังเกตในเรื่องนี้เท่าไหร่เพราะว่าไปสนใจความหมายหรือข้อความที่ได้ยินทางหูมากกว่า

                นี่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่จะไม่ปล่อยให้ใครต้องทุกข์กับความพิการ แต่ว่าจะสร้างหรือว่าหาอะไรมาชดเชย ซึ่งเราก็ต้องรู้จักความสามารถพิเศษตรงนี้ด้วย ถ้ารู้จักก็จะเอามาใช้มาทดแทนความความบกพร่อง ความผิดพลาดได้

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service