แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อวานพูดค้างเอาไว้ สรุปที่พูดไว้เมื่อวานก็คือว่า เมื่อเรามาที่นี้แล้วก็ขอให้เราได้พบมิตรที่สำคัญอย่างหนึ่งที่มักจะมองข้ามไปหรืออาจจะไม่รู้จักเลย นั่นก็คือใจนี่แหละ ใจของเราสามารถเป็นมิตรประเสริฐของเราได้ และมิตรชนิดนี้สามารถจะนำสิ่งประเสริฐที่แม้แต่พ่อแม่มิตรสหายก็ให้ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งครูบาอาจารย์ด้วยซ้ำ
ยังมีพุทธพจน์ตรัสว่า สิ่งประเสริฐหรือสิ่งดีงามที่พ่อแม่สามารถจะให้กับเราได้ แต่จิตที่ฝึกไว้ดีแล้วสามารถจะให้ได้ยิ่งกว่าที่พ่อแม่จะให้ได้ แต่ว่าทุกวันนี้น้อยคนที่จะมีใจเป็นมิตรหรือว่ามีจิตเป็นเพื่อนอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่แล้วตรงข้ามมากกว่าก็คือว่าจิตกลับกลายเป็นเสมือนศัตรูของเรา สร้างความทุกข์ให้กับเราไม่หยุดหย่อน เป็นจิตที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าอารมณ์ อะไรมากระทบก็ไม่พอใจโมโหฉุนเฉียวง่าย หรือว่าเป็นจิตที่คิดลบ เจออะไรก็เห็นแต่แง่ลบก็เลยไม่มีความสุข มีแต่ความหงุดหงิด บางทีก็เป็นจิตที่คิดเหงาขี้เหงา อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายก็ยังเหงาอ้างว้าง บางทีก็เลยผลักดันให้เราต้องไปหาใครสักคนมาเป็นคู่ครอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคน ๆ นั้นนิสัยไม่ดี เจ้าชู้ หรือว่าไม่เคารพ แต่ว่าเนื่องจากกลัวเหงาก็เลยต้องยอม ยอมเขาทุกอย่างเพียงแค่ให้เขาได้อยู่กับเรา ใจมันจะได้ไม่เหงา อย่างนี้ก็มี หรือว่าจิตที่ขี้อิจฉา เห็นใครดีใครเด่นใครเก่งก็ไม่ได้ทนไม่ได้ อาจจะไม่อิจฉาแต่ว่าชอบคิดเปรียบเทียบ คิดเปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองด้อยอยู่เสมอ หรือบางทีก็เป็นจิตที่ไม่รู้จักพอ มีแล้วมากมายก็ยังอยากจะได้อีก เห็นคนนั้นมีก็อยากจะมีบ้าง ก็ทำให้ต้องดิ้นรนทำให้ต้องเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสวงหาเงินทอง ชื่อเสียง การยอมรับ เห็นใคร ๆ ก็กดไลค์ให้เขา แต่เราไม่ค่อยมีคนกด หรือมีคนกดเป็นพันแต่ยังอยากได้เป็นหมื่นก็ทุกข์
ถ้าจิตนี้เป็นจิตที่ป่วน เป็นจิตจอมป่วนที่ทำให้นอกจากเราจะหาความสุขได้ยากแล้วบางทีก็เต็มไปด้วยความทุกข์ เป็นจิตที่ปล่อยวางไม่ได้ ชอบเก็บชอบจำในสิ่งที่เป็นลบ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ไม่ยอมวาง แบกเอาไว้ อะไรที่ยังมาไม่ถึงก็ไปคว้ามา สร้างความวิตกกังวลให้กับตนเอง บางทีก็เป็นจิตที่ติดเกม อะไรต่ออะไรมากมาย ทำให้ไม่สามารถที่จะพบกับความสงบ หรือสามารถที่จะมีสมาธิกับสิ่งใด ๆ ได้ บางคนก็ติดเหล้าติดบุหรี่ บางคนก็ติดการพนัน ติดหรือแสวงหาความตื่นเต้น หลายคนที่เข้าหาการพนันมันก็ไม่ใช่เพราะอยากจะรวยหรืออยากจะมั่งมี แต่ว่าอยากจะได้ความตื่นเต้น หลายคนก็รอคอยความตื่นเต้นวันที่ 16 บ้างวันที่ 1 บ้าง นี่ก็เป็นอาการของจิตที่คอยสร้างความปั่นป่วนให้กับตัวเรา สร้างความทุกข์ และเป็นจิตที่เกเร เป็นจิตที่บางครั้งก็อันธพาลมาก ถึงเวลาอยากจะหลับจิตตัวนี้มันก็ไม่ยอมหลับ มันจะคิดสารพัดปรุงแต่งนานา ไปเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาทิ่มแทงทำร้ายตัวเรา หรือว่าผลักดันพาให้เราไปมีชีวิตที่ตกต่ำย่ำแย่
เราเคยตระหนักบ้างหรือเปล่าว่าจิตนี่แหละที่เป็นศัตรูที่น่ากลัวยิ่งกว่าอย่างอื่น พุทธเจ้าตรัสว่า คนพาลปัญญาทรามย่อมทำประหนึ่งตนเองเป็นศัตรู ก็คือทำร้ายตัวเอง ศัตรูชนิดนี้น่ากลัวว่าศัตรูที่อยู่ข้างนอกที่เป็นคนอื่น ไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงาน หรืออยู่บนท้องถนนด้วยซ้ำ เพราะว่าศัตรูชนิดนี้มันตามติดเราไปตลอด ทำกับตัวเองเหมือนเป็นศัตรูหมายความว่ายังไง ความหมายพื้นฐานก็คือว่าชอบไปผิดศีลทำชั่วทำบาป เมื่อทำแล้วมันก็ย่อมเกิดความทุกข์ตามมา ผิดศีลไม่ว่าข้อ 1 ข้อ 2 หรือข้อ 3 มันก็ล้วนแล้วแต่ตามมาด้วยความเดือดเนื้อร้อนใจ อาจจะได้ประโยชน์ชั่วครั้งชั่วคราว เช่น ไปขโมยเขามามันก็มีเงินใช้ แต่ว่ามันก็เป็นสุขชั่วคราว แล้วก็ที่ยาวนานตามมาก็คือความทุกข์นั่นแหละ หรือความเดือดเนื้อร้อนใจ แต่ถึงแม้ไม่ผิดศีล รักษาศีลไว้ดีแต่ว่าใจมันชอบคิดชอบแค้น ชอบคิดติดลบ หรือว่าชอบไปเก็บเอาเรื่องราวในอดีตมาตอกย้ำซ้ำเติมตัวเอง เอาคำพูดคำจาของคนนั้นคนนี้มากรีดแทงซ้ำเติมตัวเองก็หาความสุขได้ยาก อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นการทำร้ายตัวเอง ทำตัวเองประหนึ่งเป็นศัตรู
คนทุกวันนี้ทำร้ายตัวเองอยู่บ่อย ๆ อาจจะไม่ได้ทำร้ายด้วยการเอาของมาทิ่มแทงตัวเอง แต่จิตใจมันเอาความทุกข์มันไปคว้าความทุกข์ต่าง ๆ มาบั่นทอนทำร้ายตัวเองอยู่เป็นประจำ ทำให้กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทำให้ความดันขึ้น พุทธเจ้าเคยตรัสว่าเราไม่ควรเอาทุกข์มาทับถมตน เพราะทุกวันนี้มันก็มีความทุกข์อยู่แล้ว เช่น ทุกข์เพราะหิว ทุกข์เพราะปวด ทุกข์เพราะเมื่อย ทุกข์เพราะปวดหนักปวดเบา แต่เป็นเพราะใจนี่แหละที่ชอบเอาทุกข์มาซ้ำเติมตัวเอง บางทีปวดเมื่อยแค่ปวดกายก็พอแล้ว ใจก็ยังไปแบกเอาความปวดความเมื่อย หรือไปจดจ่ออยู่กับความปวดความเมื่อยจนใจก็เป็นทุกข์ด้วย สังเกตไหมเวลาเราปวดเราเมื่อยใจมันจะเข้าไปจดจ่ออยู่ตรงนั้นแหละ ที่จริงใจมันควรจะวางมากกว่า ควรจะปล่อยควรจะวางควรจะลืม มันจะได้ปวดอย่างเดียวคือปวดกาย แต่ใจมันไปจมจ่อมอยู่ตรงที่ปวดนั่นแหละ ไม่ว่าจะปวดหัวปวดท้องปวดฟันปวดเท้า ใจมันจะจี้ นั่นแหละคืออาการที่ใจมันไปแบกเอาความทุกข์ของกายมาเป็นความทุกข์ของกูไปด้วย นี่เรียกว่าซ้ำเติมตัวเอง
เวลาของหายแทนที่จะหายแต่ของ หรือว่าเสียแต่เงิน ใจมันก็เอาแต่คิดถึงเงินที่เสียไป มันไม่เพียงแต่เกิดความอาลัยอาวรณ์เกิดความเสียใจ หรือใจเสียเท่านั้น ทำไปมาก ๆ ก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ สุขภาพก็เสีย เวลาจะทำงานก็ไม่มีสมาธิทำงาน งานก็เสีย เวลาอยู่กับเพื่อนฝูงก็ไม่มีอารมณ์ หงุดหงิด เพื่อนหยอกล้อก็ด่าเพื่อน เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันก็เสียเพื่อนอีก อันนี้เรียกว่าซ้ำเติมตัวเอง ทั้ง ๆ ที่คนเราควรจะรักตัวเอง แต่มักจะซ้ำเติมตัวเอง เพราะอะไร เพราะใจที่มันแปรพักตร์ ใจที่เป็นจิตอันธพาลจอมป่วน ที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะเป็นนิสัยเดิมของใจ แต่ถ้าเราดูให้ดีเป็นเพราะว่าเราไม่ดูแลรักษาใจ เราไม่ดูแลรักษาใจของตัวเองปล่อยให้มันกลายเป็นใจอันธพาล ไม่ให้ความใส่ใจ มันก็เหมือนกับเรามีลูกหรือมีหลาน เราไม่ดูแลไม่สนใจไม่ให้ความรักกับเขา เขาก็อาจจะกลายเป็นคนเกเร วัยรุ่นที่เป็นอันธพาล นักเรียนอาชีวะที่ก่อความรุนแรงถึงขั้นไปทำร้ายคนอื่น พวกนี้เขาก็เป็นพวกที่ขาดความอบอุ่น ไม่ค่อยได้รับการดูแลเท่าไร ใครที่ไม่ดูแลก็พ่อแม่ หรือว่าญาติผู้ใหญ่ จิตที่ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเรามันก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน กลายเป็นจิตที่ป่วนกลายเป็นจิตที่เกเรอันธพาล
การที่เราไม่ดูแลรักษาใจมันก็ทำให้ตัวอารมณ์อกุศลต่าง ๆ เข้ามาครอบงำได้ จริง ๆ จิตเราไม่ได้เป็นจิตที่เจ้าคิดเจ้าแค้นเจ้าโกรธถ้าเกิดว่าเราดูแลรักษาใจให้ดี ที่จิตเป็นอย่างนั้นเพราะว่ามีอารมณ์ตัวกิเลสต่าง ๆ เข้ามาป่วนมากกว่า ธรรมชาติของจิตไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่พออารมณ์ต่าง ๆ กิเลสเหล่านี้เข้ามาครอบงำครองใจเราแล้ว มันก็ทำให้จิตเราแปรผัน กลายเป็นจิตที่อันตรายขึ้นมา มันก็เหมือนกับร่างกายหรืออวัยวะของเรา ปกติเขาก็สร้างความปกติสุขให้กับเรา แต่ถ้าเกิดว่าเราไม่ดูแลรักษาร่างกาย เช่น ปล่อยให้ท้อง กระเพาะอาหาร มีเชื้อโรคเข้ามา ท้องก็เสียบ่อย ๆ ท้องเสียบ่อยๆ เรียกว่าหาความสุขไม่ได้เลย จะทำอะไรก็ทำไม่ได้ เพราะท้องมันเสีย มันคิดแต่จะถ่ายอยู่ตลอดเวลา ท้องมันกลับกลายมาเป็นตัวป่วนสร้างความวุ่นวายให้กับเรา ไม่ใช่เพราะเป็นนิสัยของเขา แต่เป็นเพราะว่าเขาถูกเชื้อโรคเข้ามารังควาญก่อกวน และที่เชื้อโรคเข้ามารังควาญก่อกวนเป็นเพราะว่าเราไม่ดูแลด้วยซ้ำ กินอาหารก็กินสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ใจก็เหมือนกัน ถ้าปล่อยให้พวกกิเลสเข้ามา หรือว่าตัวอารมณ์อกุศลเข้ามา มันก็กลายเป็นจิตที่ป่วนใจที่เกเรอันธพาลจิตที่คิดอิจฉาคิดเล็กคิดน้อย หรือว่าชอบคิดลบ ถ้าเราอยากจะให้ใจกลับมาเป็นมิตรอันประเสริฐ สิ่งที่ต้องทำก็คือรักษาใจไว้ อย่าให้อารมณ์อกุศลต่าง ๆ เข้ามาครอบงำซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำได้ การใส่ใจให้ความดูแลเอาใจใส่จิตมันจะช่วยให้ใจกลับมาเป็นมิตรของเรา ทำให้จิตกลับมาเป็นเพื่อนที่ประเสริฐที่สุดของเรา และถ้ามีใจเป็นเพื่อนแล้วมันไม่ใช่แค่ว่ามีความอบอุ่นในทุกที่เป็นสุขในทุกสถาน แต่ว่ายังพบกับความสงบได้ทุกเวลา เมื่อคืนนี้ฝนตกกระหน่ำขณะที่แสดงธรรม ถึงแม้ว่าทำให้การแสดงธรรมต้องยุติ แต่สิ่งดีอย่างหนึ่งที่เราอาจไม่สังเกตก็คือว่ามันตกหนักเท่าไรแต่ว่าตัวเราก็ไม่เปียก ลองนึกสิว่าถ้าฝนตกลงมาแล้วตัวเราเปียกคงจะวุ่นวาย แต่เราก็ยังอยู่นิ่ง ๆ นั่งนิ่ง ๆ ได้ทุกคนก็ตัวแห้ง ฝนก็ไม่มาสัมผัสเนื้อตัวเรา ทั้ง ๆ ที่ฝนมันก็เทกระหน่ำลงมา ลองจินตนาการว่าแทนที่จะเป็นฝน แต่เป็นเสียงด่า เสียงต่อว่า และหลังคาอุปมาเหมือนกับหูของเรา เสียงด่ามากระทบหูแต่ว่าเรายังอยู่นิ่งไม่รู้สึกอะไร เหมือนกับเมื่อวานฝนตกลงมาเทลงมาแค่ไหนเราก็นั่งนิ่ง จินตนาการว่าเสียงด่ามันมากระทบหูเรา แต่ว่าใจเรานิ่ง เสียงด่าทำอะไรใจไม่ได้เลย จินตนาการว่าแทนที่จะเป็นสายฝนแต่ว่าเป็นของแหลมที่มันมาทิ่มเนื้อเรา หลังคาอาจจะเปรียบเหมือนกับเนื้อเรา ของแหลมมาทิ่มเนื้อเรา แต่ใจเรานิ่ง มียุงมากัดยุงมาสัมผัสที่เนื้อเหมือนกับสายฝนที่กระทบหลังคา แต่ใจเราเป็นปกติ จะเปลี่ยนสายฝนให้เป็นแดดร้อนหรือว่าความหนาวที่มากระทบหลังคาคือผิวกายของเรา แต่ใจเรานิ่ง หรือจะเปรียบสายฝนเหมือนกับภาพที่ปกติเราไม่อยากเห็น อาจจะเป็นภาพตุ๊กแกมากระทบตาเรา หลังคาก็เปรียบเหมือนตาเรา มากระทบแต่ว่าใจเรานิ่ง ถ้าอะไรก็ตามที่มากระทบไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสมากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือแม้แต่ใจ แต่ใจเรานิ่งสงบ เหมือนเมื่อคืนที่สายฝนเทลงมายังไงกระทบหลังคาดังสนั่นแค่ไหน แต่ตัวเราก็ไม่เปียกนิ่ง มันจะมีความสุขเพียงใด การที่ใจเรานิ่งได้ไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย แม้มีของแหลมมาแทงทำให้เจ็บปวดกาย แต่ว่าใจเรานิ่ง ไม่ร้อนไม่เป็นทุกข์ มันจะวิเศษเพียงใด
สิ่งนี้ไม่ใช่จินตนาการหรือว่าฝันเฟื่อง ทำได้ จิตเราสามารถจะนิ่งได้ ไม่ว่ามีอะไรมากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย จะเป็นคำต่อว่าด่าทอ จะเป็นภาพที่ดูน่ากลัว หรือว่าจะเป็นความปวดความเมื่อย ข้อความที่เป็นข้อความที่สำหรับคนทั่วไปแล้วมันทำให้โกรธทำให้โมโห แต่ว่าใจเรานิ่งได้ ใจเป็นสิ่งที่ฝึกได้ มนุษย์เราเขาเรียกว่าเวไนยสัตว์แปลว่าสัตว์ที่ฝึกได้ ไม่ใช่ฝึกได้ทางกายเท่านั้น ไม่ใช่ฝึกการใช้มือให้สามารถที่จะวาดรูปที่สวยงาม หรือว่าเขียนตัวอักษรที่งามพลิ้ว แต่ใจของเราก็ทำได้ นักกีฬาโอลิมปิกเขาฝึกกายจนกระทั่งเขาสามารถทำสิ่งที่น่าทึ่งอัศจรรย์ได้ แต่ความเป็นเวไนยสัตว์มันไม่ได้จำกัดอยู่ที่กายเท่านั้น อยู่ที่ใจด้วย ใจสามารถฝึกได้ ถ้าเราฝึกใจให้ดี ใจก็จะเป็นมิตรที่ประเสริฐที่สุดของเรา ชนิดที่พ่อแม่ก็ไม่สามารถจะทำให้ได้ หรือแม้แต่กัลยาณมิตรครูบาอาจารย์ก็ไม่สามารถจะทำให้ได้ คือไม่สามารถทำให้พ้นทุกข์ได้เลย สามารถทำให้ใจสงบไม่ว่ามีอะไรมากระทบตา หู จมูก ลิ้น กาย แม้จะเจ็บป่วยแค่ไหนมันก็ป่วยแต่กาย แต่ว่าใจสงบ
ทุกวันนี้พอป่วยกายใจก็ป่วนตามไปด้วย พอใจป่วนมันก็ไปซ้ำเติมกายทำให้หนักขึ้น พอป่วยไม่ว่าโรคอะไรก็ตาม พอใจวิตกกังวลใจเครียด มันก็ทำให้อาการมันลุกลามมากขึ้น แต่ถ้าเราป่วยกายแต่ใจสงบ ใจที่สงบจะฉุดจะดึงกายให้หายไว ๆ ให้หายเร็วขึ้น สามารถที่จะทำอะไรได้ทั้ง ๆ ที่ร่างกายเจ็บป่วย ใจเป็นของประเสริฐมากที่ฝึกได้ แต่เราต้องให้เวลากับใจของเรา ทุกวันนี้เราไปให้เวลากับกายเสียเยอะ ถ้าไม่นับการนอนซึ่งจริง ๆ ก็คือการพักกาย เวลานอนก็ไม่ได้พักใจเราเท่าไร เราก็ยังใช้ใจทำงานสารพัด ถึงเวลาตื่นนอนขึ้นมาเราก็ใช้ใจทำอะไรต่ออะไรมากมายซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นไปเพื่อการปรนเปรอกาย ที่ทำงานทั้งหมดก็เพื่อหาเงินมาสร้างความสะดวกสบายให้กับร่างกาย เช่น มีบ้านมีรถ เสื้อผ้าอาภรณ์ แก้วแหวานเพชรนิลจินดา พวกนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องประดับกาย หรือเพื่อเสริมสร้างกายให้สุขสบาย เงินที่เราใช้กี่เปอร์เซ็นต์ที่มันเป็นไปเพื่อการบำรุงจิตใจ เวลาแต่ละวัน ๆ กี่เปอร์เซ็นต์ที่เอามาใช้เพื่อการดูแลรักษาจิตใจ ส่วนใหญ่มันเป็นไปเพื่อการดูแลรักษาหรือปรนเปรอกายทั้งสิ้น เราใช้เวลาวันหนึ่งหลายชั่วโมงกับการกินอาหารการทำอาหารการหาอาหาร พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารกาย เราให้เวลากี่นาทีสำหรับการเติมอาหารให้กับจิตใจของเรา เราอยู่ในห้องน้ำเป็นชั่วโมง ๆ ในแต่ละวันไม่ว่าจะเป็นการชำระร่างกาย การตบแต่งหน้าตาทำผม เรื่องนี้ล้วนเป็นเรื่องของกายทั้งสิ้น แต่เรามีเวลากี่มากน้อยในการชำระใจให้สะอาดดูแลรักษาใจให้ผ่องแผ้ว เป็นเพราะเราไม่ค่อยมีเวลาให้กับจิตใจ เรียกว่าแทบจะละเลยไปเลย หรือถึงจะดูแลจิตใจก็ดูแลแบบไม่ถูกต้อง เวลาดูหนังอาจจะเป็นการเติมความสนุกให้กับจิตใจ แต่ว่าสิ่งที่เติมให้กับจิตใจมันก็แฝงไปด้วยมลพิษทั้งนั้น ละครโทรทัศน์มันก็มีแต่จะเติมความขี้อิจฉาความเจ้าคิดเจ้าแค้นความโลภให้กับจิตใจ ลองดูสิว่าสิ่งที่เรารับรู้แล้วก็ถ่ายทอดให้กับจิตใจมันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อจิตใจของเรามากสักเท่าไร มันล้วนแล้วแต่เป็นมลพิษมลภาวะทั้งนั้น
ไม่จำเป็นต้องเข้าวัดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องฟังธรรมที่พระเทศน์ก็ได้ มันมีสิ่งดี ๆ ที่จะมอบให้กับจิตใจของเราได้อีกมากมาย เช่น ความสงบสงัดของธรรมชาติ หรือว่าสิ่งดี ๆ ที่ผู้คนกระทำต่อกัน เมื่อเห็นแล้วก็เกิดความซาบซึ้ง เช่น ความเมตตากรุณา ความเผื่อแผ่ ความเสียสละ สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ควรนำมาเติมให้กับใจของเรา เพื่อให้ใจเป็นใจที่มีเมตตา ใจที่ไม่คิดเอาเปรียบ หรือว่าชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น และที่สำคัญคือว่าการให้เวลาในการฝึกจิตของเรา เติมสติเติมสมาธิให้กับใจของเรา การภาวนามันก็ไม่ใช่อะไรอื่น มันไม่ใช่เป็นการทรมานตน มันเป็นการเติมสิ่งดี ๆ ให้กับจิตใจของเรา หรือว่าเป็นการสร้างสิ่งที่จะมาช่วยคุ้มกันจิตของเราได้ เช่น สติ ความรู้สึกตัว สมาธิ สิ่งเหล่านี้มันจะช่วยรักษาใจคุ้มครองปกป้องใจไม่ให้อารมณ์อกุศลเข้ามาครอบงำ และถ้าสามารถจะปกป้องคุ้มกันจิตไม่ให้อารมณ์เหล่านี้เข้ามาครอบงำได้ มันก็ไม่สามารถจะทำให้จิตของเรากลายเป็นจิตที่ชอบคิดชอบแค้นคิดเล็กคิดน้อย เป็นจิตที่เต็มไปด้วยโทสะ ดังนั้นถ้าเรารักษาใจของเราให้ดี จิตของเราก็จะกลายเป็นจิตที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมมั่นคงหนักแน่น เวลามีอะไรมากระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย จิตเราก็นิ่งได้ จะมีเสียงต่อว่าด่าทอมากระทบหู ใจก็นิ่งได้ เวลาเจ็บเวลาป่วยมันก็ป่วยแต่กาย ใจไม่ไปแบกเอาความปวดของกายมาเป็นความปวดของกูจนกระทั่งกระสับกระส่ายทุรนทุราย กายป่วยก็ป่วยไปแต่ใจก็ยังนิ่งได้ เวลาทำงานมันก็เหนื่อยแต่กาย ใจไม่พลอยเหนื่อยด้วย
เดี๋ยวนี้ผู้คนเวลาทำงานไม่ใช่แค่เหนื่อยกายแต่เหนื่อยใจ เพราะเห็นคนอื่นเขาทำงานน้อยกว่า เห็นคนอื่นไปเที่ยวแล้วก็โมโหหรือว่าน้อยใจหรือว่าฉุนเฉียวขึ้นมา ทำไมเขาทำงานเบากว่าเรา ทำไมเขาไปเที่ยว แล้วทำไมปล่อยให้เราทำงานคนเดียว จิตที่คิดไม่เป็นก็คิดแบบนี้แหละ ผลที่ตามมาก็คือเหนื่อยกายด้วยเหนื่อยใจด้วย บ่อยครั้งที่เราซ้ำเติมตัวเองเพราะใจที่คิดไม่ถูกใจที่ชอบแบก แต่ถ้าเกิดว่าใจเรามีสติมีสมาธิมีความรู้สึกตัวเป็นเครื่องรักษาเป็นเครื่องคุ้มครอง ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจะทำอะไรใจก็สงบได้ ทำงานเหนื่อยมันก็เหนื่อยแต่กาย แต่ใจเป็นปกติ เพราะใจเพียงแต่รู้ว่ากายทำอะไรเท่านั้นเอง แม้แต่เวลาแบกหินกายมันเหนื่อยแต่ใจไม่ได้เหนื่อยด้วย เพราะกายสักแต่รู้ว่าใจทำอะไร ไม่ได้ไปแบกหินซ้ำเข้าไปด้วย
เวลาทำงานเราสามารถจะทำงานได้อย่างมีสมาธิแล้วก็เป็นปกติสุข เพราะใจไม่ไปมัวแต่คิดว่าเมื่อไรจะเสร็จเมื่อไรจะเสร็จ ไม่คอยกังวลว่าเสร็จแล้วจะเป็นยังไง จะได้ผลไหม คนเขาจะว่าอย่างไร ใจมันก็ไม่เอาเรื่องเหล่านี้มาคิด เพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิด สิ่งที่ควรทำในเวลานั้นก็คืออยู่กับปัจจุบัน แค่รับรู้ว่ากายทำอะไร หรือถ้าจะต้องใช้ใจคิดในการวางแผนในการทำงานเฉพาะหน้า หรือที่อยู่ข้างหน้าก็คิดได้อย่างมีทิศมีทาง คิดจบก็วางลงได้ ไม่ใช่คิดแล้ววางไม่ลง หรือว่าคิดวกคิดวนก็ทำให้เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ แถมงานก็ไม่ได้เรื่อง หรือว่าไม่ดีเท่าที่ควร เสร็จแล้วก็มาเสียใจ ให้ลองพยายามนะเรามาที่นี้ก็พยายามให้เวลากับใจของเราบ้าง ถึงแม้ว่าที่นี้มันจะไม่ค่อยสะดวกกายเท่าไร การหลับการนอนหรือว่าที่นอนเสนาสนะอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็คงไม่สะดวกเท่าที่บ้านของเรา แต่นั่นเป็นเรื่องของกาย แต่ว่าสิ่งอำนวยความสุขความสงบทางจิตใจที่นี้มีเยอะ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม หรือว่าวิถีชีวิต อยู่ที่บ้านสิ่งอำนวยความสะดวกทางกายมีเยอะ แต่ว่าสิ่งที่จะอำนวยความสงบทางจิตกลับขาดแคลน มันมีเสียงดังเสียงกระทบต่าง ๆ ตลอดเวลา รวมทั้งสัญญาณโทรศัพท์ที่ทำให้ใจไม่สงบ ที่นี่ก็มีสัญญาณแต่ว่าถ้าเราพร้อมใจกันปิดโทรศัพท์ มันก็เท่ากับเป็นการเติมปัจจัยที่จะช่วยทำให้ใจสงบมากขึ้น จริงอยู่สัญญาณโทรศัพท์กับความสงบของใจมันก็ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกัน
อย่างที่บอกเสียงกระทบหลังคา หรือว่าเสียงมากระทบหู เหมือนกับสายฝนกระทบหลังคา ใจเราก็นิ่งได้ แต่จะนิ่งได้ต้องฝึก ถ้าไม่ฝึกก็เหมือนหลังคาที่รั่ว ฝนตกลงมาเราอยู่ข้างล่างเราก็เปียก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับจิตใจของเราที่ผ่านมา แต่ถ้าเราฝึกไว้ดีก็เหมือนกับว่าเรามีหลังคาที่แข็งแรง ฝนตกลงมาแค่ไหนเทลงมาแค่ไหนมันก็ได้แค่ส่งเสียงสนั่น แต่ว่าใจเราก็สงบได้ ใจเราฝึกได้ และถ้าเราสงบอย่างนั้นได้ความสุขก็จะเป็นสิ่งที่ไม่ยากเลย เราก็สามารถสุขได้ในทุกที่สงบได้ในทุกสถาน