แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้จะมีงานใหญ่ประจำปีงานหนึ่งของวัดป่าสุคะโต ปีหนึ่งงานประจำปีมีไม่กี่งาน มีทอดกฐิน แล้วธรรมยาตรา แล้วบวชเณรภาคฤดูร้อนที่กำลังจะจัดขึ้น งานกฐินก็จัดแค่วันเดียว ธรรมยาตราจัด 8 วัน แต่งานบวชเณรและงานบวชศีลจาริณี 3 อาทิตย์ ถือเป็นงานที่สำคัญของทางวัด แต่ก่อนเป็นงานเล็กๆ แต่ตอนหลังขยายใหญ่ขึ้น เพราะว่ามีเด็กชายเด็กหญิง หรือที่เขาเรียกกุลบุตรกุลธิดาสนใจ จริงๆเด็กอาจจะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ว่าพ่อแม่สนใจมากกว่า พ่อแม่ทั้งขอร้องทั้งบังคับทั้งเชิญชวนให้ลูกชายลูกสาวมาบวช ที่นี่เราไม่มีบวชพระฤดูร้อน หลายแห่งเขามีบวชพระฤดูร้อน หรือบางทีเรียกสั้นๆว่าบวชภาคฤดูร้อน แต่ว่าที่นี่เรามีบวชเณรภาคฤดูร้อนและมีศีลจาริณีด้วย ถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้มาพบกับประสบการณ์ที่มีความสำคัญในชีวิต
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม นักเรียนปิดเทอมกันทั้งประเทศ แล้วหลายคนต้องไปเรียนพิเศษ พ่อแม่เคี่ยวเข็ญให้ไปเรียนพิเศษ สมัยอาตมาตอนเป็นเด็กก็เหมือนกัน ตั้งแต่ชั้นประถมปีที่ 1 ถึงชั้นประถมปีที่ 7 ปิดเทอมก็ไม่ได้หยุดเหมือนคนอื่นเขา ต้องไปเรียนพิเศษ พอขึ้นมัธยมศึกษา สมัยก่อนเป็นมัธยมศึกษา ไม่ใช่มัธยมเฉยๆ ไม่ได้เรียนแล้วพิเศษ แต่ว่าไม่ได้เรียนพิเศษก็ไม่ใช่ ถึงแม้ว่าไม่ได้ไปเข้าโรงเรียนเข้าชั้นเรียนเหมือนคนอื่นเขาเหมือนกับปีก่อนๆ แต่ว่าเรียนด้วยตนเอง จำได้ว่าพอถึงฤดูร้อนหน้าร้อนนี่ไปหอสมุดแห่งชาติ บ้านอยู่แถวมหานาคไม่ไกลจากหอสมุดแห่งชาติ ไปอ่านหนังสือเอง สมัยนั้นมีบางห้องที่ติดแอร์ หน้าร้อนไปเข้าห้องแอร์อ่านหนังสือค้นคว้าในเรื่องที่เราชอบ แบบนี้เรียกว่าเรียนพิเศษแต่ว่าเรียนเอง
ที่นี่ก็เปิดเรียนพิเศษ แต่ว่าไม่ใช่เรียนพิเศษเหมือนที่อื่นเขา เด็กๆทั้งหญิงและชายจะมาเรียนพิเศษกันที่วัดป่าสุคะโต เป็นการเรียนพิเศษจริงๆ พิเศษแปลว่าไม่เหมือนกับเรียนที่อื่น หรือว่าไม่เหมือนกับที่เคยเรียนทั่วๆไป วิชาที่มาเรียนที่วัดป่าสุคะโตไม่เหมือนวิชากับที่เด็กๆไปเรียนที่โรงเรียนอยู่แล้ว อันนี้พิเศษแน่นอน แต่เป็นวิชาพิเศษที่ไม่เหมือนที่อื่น แล้ววิเศษด้วย พิเศษอีกความหมายหนึ่งคือ ทำให้เป็นของดี ของประเสริฐ แต่เรียนพิเศษที่นี่ถ้าตั้งใจเรียนจะวิเศษ วิเศษนี่ไม่ได้หมายถึงมีฤทธิ์ มหัศจรรย์ เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ว่ารู้จักครองตนได้อย่างดี แบบนี้จะทำให้เราเป็นพิเศษ ถ้าเรารู้จักครองตนได้
การครองตนเป็นสิ่งที่สถาบันการศึกษาสมัยนี้ไม่รู้สนใจแค่ไหน แล้วมีปัญหามากเลยเพราะว่านักเรียนพ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อเร้าเย้ายวนมาก เดี๋ยวนี้เวลาอาจารย์บรรยายหน้าห้องเรียน นักเรียนหรือแม้แต่นักศึกษาไม่ได้มองกระดาน ก้มหน้าก้มตา ก้มหน้าไม่ได้จดบันทึกด้วย ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถือ อันนี้แม้กระทั่งในโรงเรียนแพทย์ อาจารย์แพทย์บ่นว่านักศึกษาแพทย์ไม่มองอาจารย์เวลาอาจารย์บรรยาย ไม่มองกระดาน เอาแต่ก้มหน้า Chat, Line, Facebook แบบนี้เรียกว่าไม่รู้จักครองตน คือว่าไม่สามารถที่จะควบคุมบังคับจิตใจให้เป็นไปในทางถูกต้อง สามารถที่จะทำกิจการการงานเฉพาะหน้าได้ ดังนั้นถ้าเราครองตนได้ หมายความว่าเราไม่หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุ แล้วไม่พ่ายแพ้ต่อสิ่งเย้ายวน
เดี๋ยวนี้เป็นกันมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่อาจจะบ่นว่า เดี๋ยวนี้ลูกๆ เอาแต่ติดเกม ตื่นสาย เที่ยวเล่น บางทีกลับบ้านดึก ถ้าเป็นผู้หญิงติดผู้ชาย ถ้าเป็นผู้ชายหลงผู้หญิง พ่อแม่มักจะบ่นอย่างนี้โดยเฉพาะเวลาที่ลูกเริ่มโตเป็นวัยรุ่น อย่างนี้เป็นเพราะอะไร เพราะว่าเขาพ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อเร้าเย้ายวน ซึ่งมีรูปแบบมีหลายวิธีหลากหลายมาก เกมออนไลน์อันหนึ่ง หรือการสนทนาแบบไม่มีสาระหรือเขาเรียกว่า Chat เดี๋ยวนี้เด็กๆติดกันมาก บางทีผู้ใหญ่ก็เหมือนกันเป็นมากเหลือเกิน บางทีผู้ใหญ่ไปว่าเด็กแต่ที่จริงผู้ใหญ่เป็นกันมาก เด็กและรวมทั้งผู้ใหญ่พ่ายแพ้ต่อกิเลสและสิ่งล่อเร้าเย้ายวน เลยครองตนไม่ได้ ปล่อยให้กิเลสและปล่อยให้ความอยากความหลงเข้าครอบงำ แบบนี้เราเรียกว่าเราครองตนไม่ได้ หรือไม่เช่นนั้นก็หวั่นไหวต่อสิ่งยั่วยุ เช่นคำต่อว่า คำทักท้วง แม้แต่คำตักเตือนของพ่อแม่ เด็กๆหวั่นไหวมาก คือขัดเคือง ขุ่นเคืองไม่พอใจ แม่ทักท้วง แม่ตักเตือน แม่ตำหนิ หรือแม่แตะนิดหน่อย บางทีโกรธกระฟัดกระเฟียด
ส่วนใหญ่อาจเป็นเพราะการสะสมได้ พ่อแม่ทำอย่างนั้นเป็นประจำ เด็กสะสมความไม่พอใจไว้แล้วไม่รู้ว่าความไม่พอใจเพิ่มพูนมากขึ้นๆ บางทีก็ระเบิด เด็กไม่สามารถจะควบคุมตัวเองได้ เพราะว่าไม่รู้ทันอารมณ์เหล่านี้แล้วครองตนไม่ได้เรียกว่าโดนเล่นงาน อันนี้เรียกว่าพ่ายแพ้ต่อสิ่งล่อ สิ่งยั่วยุ การมาบวชเณรอาจจะไม่ได้เพิ่มวิชาความรู้ให้กับเด็กเท่าไหร่ วิชาความรู้ต้องไปหาเอาที่โรงเรียนหรือโรงเรียนกวดวิชา แต่ความรู้ที่ว่าที่จริงเป็นความรู้ที่ทำให้เราสอบได้ ไม่ใช่เป็นความรู้ใช้งานในชีวิตจริงๆ หรือแม้แต่เอามาใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคต วิชาที่เรียนกันโรงเรียนกวดวิชาหรือโรงเรียนติวทำให้สอบได้เท่านั้น แต่ว่าเอามาใช้จริงไม่ได้ เอามาใช้จริงในที่นี้คือเอามาใช้ในการทำมาหากิน
วิชาเหล่านี้ที่นี่ช่วงที่ 3 อาทิตย์ต่อจากนี้ไป เราไม่ได้สอนเท่าไร สอนเหมือนกันแต่ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องของการทำมาหากินอย่างทั่วๆไป หรือการประกอบอาชีพ แต่เป็นเรื่องการดำเนินการใช้ชีวิต เช่น จุดไฟได้ ทำครัวได้ หุงหาอาหารการกินได้ หรือแม้แต่รู้จักพับเก็บที่นอน รวมทั้งซักจีวร ซักเสื้อด้วย อันนี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินชีวิต อาจจะนำไปใช้ทำมาหากินไม่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้เขาไม่ได้วัดกันตรงนี้ เขาดูปริญญา แต่ว่าเรื่องการเอามาใช้กับชีวิตนี่ ที่นี่เราจะสอน เด็กจะมาเรียนรู้เรื่องนี้มาก แต่ไม่ใช่แค่นั้น ไม่ใช่แค่ปรุงอาหารได้ ติดไฟได้ แต่เป็นเรื่องการครองตนให้มีสติ มีสมาธิ ให้มีปัญญา แล้วความอดทน ขันติ สี่อย่างนี้สำคัญมากที่จะช่วยให้เราครองตนได้ และครองตนเสร็จก็จะออกมาเป็นพฤติกรรมที่งดงาม พูดสุภาพ พูดดีทำดี มีกรุณาเอื้อเฟื้อเกื้อกูลผู้อื่น เสียสละเพื่อส่วนรวม รวมทั้งมีวินัยด้วย
สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทางโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยสอนน้อย หรือไม่ได้สอนเลยถ้าเป็นมหาวิทยาลัย แต่ว่าที่นี่เราจะมาฝึกสอนกันเรื่องนี้มาก จึงเป็นการเรียนวิชาพิเศษที่ไม่ได้ไปโรงเรียนติว ไม่ได้ไปโรงเรียนกวดวิชา แต่ได้มาเรียนพิเศษที่นี่แน่นอน และเป็นพิเศษที่ทำให้เราวิเศษ คือครองตนได้ สามารถที่จะเอาชนะกิเลสตัณหา สามารถที่จะมั่นคงอยู่ในคุณธรรมและมีความสุข เรียนมามากมายแต่ไม่มีความสุขคงไม่ใช่การเรียนที่ถูกต้องแม้จะมีเงินทองมากมายก็ตาม