แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เราก็ทราบกันดีว่า เป็นวันสำคัญสำหรับชาวพุทธ เป็นวันที่มีความหมายอย่างมากสำหรับพระพุทธศาสนา เมื่อถึงวันเพ็ญเดือนหกเราชาวพุทธทุกคนก็ย่อมจะทราบดีว่าวันนี้คือวันวิสาขบูชา ความหมายของวันนี้คืออะไร ก็คือวันที่ระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งบังเกิดขึ้นในวันเพ็ญเดือนหกเหมือนกัน เราก็ได้ยินได้ฟังได้รู้ถึงความหมายของวิสาขบูชามาตั้งแต่เล็กแล้วโดยเฉพาะนักเรียนรุ่งอรุณ ถ้าถามใครก็ตอบได้ แต่มันสำคัญอย่างไร
การที่ศาสดาของเราคือพระพุทธองค์ได้ทรงประสูติ และปรินิพพานนี้ ถือว่าเป็นวันสำคัญเหตุการณ์สำคัญอยู่แล้ว คนที่สำคัญในประวัติศาสตร์ วันเกิดและวันตายของเขาก็ย่อมมีความสำคัญ อย่างเราคนไทยก็ถือว่าวันที่ 23 ตุลาคมเป็นวันสำคัญของชาติ และต่อไปก็เป็นวันที่ 13 ตุลาคม เพราะเป็นวันสวรรคตของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ห้า และรัชกาลที่เก้า ดังนั้นวันใดก็ตามที่เป็นเครื่องหมายของการประสูติ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้าก็ย่อมเป็นวันที่สำคัญอยู่ในตัว แต่จะว่าไปก็เป็นวันธรรมดาเพราะคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องตาย ไม่มีใครเกิดมาแล้วไม่ตาย การที่พระพุทธองค์ได้ประสูติ และปรินิพพานก็เป็นธรรมดาของสังขารเป็นธรรมดาของทุกชีวิต แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ วันตรัสรู้ เพราะไม่มีใครในโลกนี้จะทำได้อย่างพระองค์ ทุกคนต่างก็ตายหลังจากเกิด แต่ไม่มีใครที่จะได้ตรัสรู้เหมือนพระองค์ ตอนตรัสรู้ของพระองค์นั้นสำคัญ เพราะว่าเป็นเหมือนกับประตู เป็นการเปิดประตูสู่ความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง เรียกได้ว่า เป็นประตูสู่พระนิพพาน
มนุษย์เรานี้เมื่อเกิดมาแล้วก่อนจะตาย ก็มีสุขและก็มีทุกข์ ส่วนใหญ่นี่ทุกข์มากกว่าสุข เพียงแต่เราไม่ค่อยสังเกต แม้จนทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ก็สุขน้อยกว่าทุกข์ แต่ว่ามันไม่ได้แปลว่าคนเรานี้ จะต้องวนเวียนอยู่กับความทุกข์เสมอไป พระพุทธเจ้าได้ทรงเป็นบุคคลแรกที่ชี้และก็แสดงให้เป็นแบบอย่างว่า ความพ้นทุกข์นั้นเป็นไปได้ แต่เราเคยสังเกตไหมว่า การพ้นทุกข์ของพระองค์เกิดขึ้นเมื่อพระองค์ประทับอยู่ใต้ต้นไม้ คนเรานี้เวลาจะแสวงหาความสุข หรือต้องการหนีทุกข์ เราจะทำอย่างอื่น เช่น วิ่งไปเข้าห้าง ไปเที่ยว ไปช้อปปิ้ง ไปหาของอร่อย ๆ กิน ถ้ามีความเครียด ความวิตกกังวล ความกลุ้มใจ ก็จะหาหนังดู จะหาของกินหรือว่าจะไปหาเงินหาทองมาเพื่อที่จะได้มีวัตถุสิ่งเสพมาก ๆ
การแสวงหาความสุขและการหนีทุกข์ของคนทั้งโลกนี้ ตั้งแต่ยุคใดสมัยใด รวมทั้งพวกเราทุกคนในที่นี้ก็คือการเข้าไปหาของอร่อย สิ่งบันเทิงเริงรมย์ ไปหาของมีค่ามีราคามาประดับตัว ถ้าเป็นเด็กก็ไปหาโทรศัพท์มือถืออย่างดี ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็หาบ้านหารถ แสวงหาตำแหน่ง แต่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบทางพ้นทุกข์ และเข้าถึงความสุขอย่างประเสริฐด้วยการที่นั่งอยู่ใต้ต้นโพธิอย่างสงบนิ่ง ไม่ใช่เพราะการนั่งที่ทำให้พระองค์ค้นพบทุกข์ พบทางแห่งการดับทุกข์ แต่พระองค์ยังได้เข้ามาพิจารณาถึงความเป็นจริงของกายและใจ ซึ่งก็มีอยู่แล้วในตัวเรา พิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายและใจ ทำให้ทรงค้นพบว่าอะไรคือเหตุแห่งทุกข์ และจะดับทุกข์ หรือเข้าถึงความสุขอันประเสริฐได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น ในวันวิสาขบูชานี้ก็ควรจะเป็นโอกาสที่เราจะได้ไตร่ตรองว่า วิธีการหาความสุขและการพ้นทุกข์ของเรานี้มันถูกต้อง มันใช้ได้จริงหรือ เรามาพิจารณาถึงสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญ และที่นักเรียนรุ่งอรุณ และก็อีกหลายคนมาที่วัดเพื่อมาปฏิบัติธรรมนั้น อันนี้แหละคือการเดินตามรอยของพระองค์ และก็เป็นนิมิตดี เป็นโอกาสดีที่พวกเรามาทำสิ่งที่มีค่าต่อชีวิตจิตใจของเราในวาระนี้ ในวันที่เราชาวพุทธถือเป็นวันวิสาขบูชา และเมื่อระลึกถึงวันวิสาขบูชา ระลึกถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อยากจะให้ระลึกอีกอย่างหนึ่งว่า ที่พระองค์ตรัสรู้ได้ก็เพราะมีเหตุปัจจัยหนึ่งมาเกื้อหนุนอย่างสำคัญ เมื่อครั้งที่พระองค์ได้ยกเลิกการทรมานตนเพราะรู้ว่าไม่ใช่หนทางแห่งการดับทุกข์นั้น พระองค์ก็แสวงหาหนทางใหม่และเชื่อว่าการบำเพ็ญภาวนานี้จะช่วยทำให้พ้นทุกข์ได้ และพระองค์ก็เริ่มหาที่ที่จะบำเพ็ญความเพียร เมื่อพระองค์มาถึงริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา พระองค์ก็เห็นบรรยากาศที่ร่มรื่น ในภายหลังพระองค์ได้กล่าวกับพระสาวกว่า วันนั้นพระองค์เห็นอะไร สถานที่ที่พระองค์พบนั้นคืออะไร พระองค์ตรัสว่า “ภูมิสถานถิ่นนี้เป็นที่รมณีย์หนอ มีไพรสณฑ์ร่มรื่น น่าชื่นบาน มีแม่น้ำไหลผ่าน น้ำใสเย็นน่าชื่นใจ ชายฝั่งท่าน้ำก็ราบเรียบ โคจรคามก็มีโดยรอบ เป็นสถานที่เหมาะจริงหนอที่จะบำเพ็ญเพียรสำหรับกุลบุตรผู้ปรารภความเพียร” และพระองค์ก็ตัดสินใจนั่งประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราตรงนั้นแหละ แล้วก็ตกลงปลงใจว่าที่นี่แหละ เป็นที่ที่เหมาะสำหรับการบำเพ็ญเพียร ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น พระองค์ก็ตรัสรู้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
อันนี้หมายความว่าอะไร หมายความว่าการตรัสรู้ของพระองค์ นอกจากอาศัยการบำเพ็ญเพียร อาศัยบุญบารมีที่สั่งสมมานานแล้ว อาศัยสติปัญญา แล้วก็อาศัยธรรมชาติด้วย ธรรมชาติที่พระองค์เรียกว่าเป็นที่รมณีย์ ดังนั้นเวลาเราระลึกถึงวันวิสาขบูชา นอกจากเราจะปรารภความเพียร หรือตั้งจิตที่จะทำความเพียรเพื่อการเข้าใจสัจธรรมความจริงของชีวิต ของกายและใจเพื่อการพ้นทุกข์แล้ว อย่างหนึ่งที่พวกเราไม่ควรมองข้ามก็คือรำลึกถึงความสำคัญของธรรมชาติที่ประกอบกันเป็นถิ่นรมณีย์ ที่นำให้พระพุทธเจ้าสามารถที่จะบำเพ็ญเพียรได้อย่างสำเร็จจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อเรารำลึกแล้วก็พยายามสร้าง ฟื้นฟูธรรมชาติ ให้เกิดขึ้นในท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อให้เป็นรมณีย์สถาน
เพราะฉะนั้นวันนี้ นอกจากการทำพิธีต่าง ๆ เนื่องในวันวิสาขบูชา รวมทั้งการมาทำความเพียรเป็นพุทธบูชาแล้ว เราก็จะมีการไปปลูกต้นไม้ ปลูกต้นไม้ฟื้นฟูป่าทำให้เกิดรมณีย์สถาน อันเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรสำหรับพวกเราและคนรุ่นหลัง ดังนั้นตอนเช้านี้พอเราทานข้าวเสร็จ เราก็จะไปที่ภูหลงแล้วก็จะไปปลูกต้นไม้กัน สำหรับคนที่มีเวลา อันนี้เพื่อเป็นการบูชาคุณพระพุทธองค์ แล้วก็ตอบแทนคุณธรรมชาติที่เกื้อกูลให้เรามีพระบรมศาสดาซึ่งเป็นผู้เปิดทางให้เราได้ค้นพบชีวิตที่ดีงามและเป็นสุข ก็ขอเชิญชวนทุกท่าน แต่ถ้าใครไปไม่ได้ก็มาทำความเพียรที่นี่ วันนี้เราจะทำความเพียรอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งข้ามคืนด้วย