PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • การบวชในศาสนาเชน
การบวชในศาสนาเชน รูปภาพ 1
  • Title
    การบวชในศาสนาเชน
  • เสียง
  • 5714 การบวชในศาสนาเชน /aj-visalo/2020-11-04-03-56-45.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 04 พฤศจิกายน 2563
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  •             เช้านี้มีพิธีอุปสมบท เรียกว่า บวชพระ พิธีในการอุปสมบท เริ่มต้นด้วยการปลงผม โกนหัว การโกนหัวเป็นลักษณะที่โดดเด่นของพระภิกษุหรือผู้บวชในพระพุทธศาสนา อันนี้รวมถึงแม่ชี และสมัยนี้ก็มีภิกษุณีด้วย การบวชเริ่มต้นด้วยการปลงผมเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธศาสนาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ในสมัยพุทธกาลมีนักบวชมากมายหลายลัทธิหลายนิกาย แต่ว่าส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดไม่โกนหัว แล้วไว้ผมยาวด้วย อย่างพวกพราหมณ์ พวกฤๅษีชีไพร พวกโยคี พวกนี้มีหนวดเครายาว ผม  ยาว แต่พุทธศาสนามีความพิเศษคือ มีการโกนหัว แต่ว่าก็มีอีกศาสนาหนึ่งที่ผู้บวชมีการโกนหัวเหมือนกันคือ ศาสนาเชน

                ศาสนาเชน เรียกได้ว่า เจริญเติบโตคู่กันมากับพระพุทธศาสนาเลยก็ว่าได้ พระมหาวีระซึ่งเป็นพระศาสดาของศาสนาเชนอยู่ร่วมสมัยเดียวกับพระพุทธเจ้า แต่ว่าการโกนของเขาแปลกตรงที่เขาไม่ได้ใช้มีด เขาใช้วิธีถอนผมทีละเส้นๆ ลองนึกภาพถอน ทีแรกให้คนอื่นถอนก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขาจะถอนทีละเส้น ๆ จนกว่าจะหมดใช้เวลาเป็นชั่วโมง แล้วต่อไปต้องถอนเอง อันนี้หนักเข้าไปใหญ่ เป็นการบำเพ็ญขันติบารมีมาก กว่าจะหมดทั้งหัว เลือดก็เต็มหัว เขาต้องการพิสูจน์ความจริงใจ ความตั้งมั่น ความศรัทธา และต้องการฝึกความเข้มแข็งในจิตใจ เพราะว่าพอบวชแล้ว ยังต้องเจออะไรอีกมากมายที่ต้องใช้ความเพียร

                พิธีบวชเขาใหญ่โตมาก อย่างเช่นว่า คนที่มาบวชพระส่วนใหญ่จะเป็นคนที่มีอายุแล้ว ธรรมเนียมบวชของเขาไม่เหมือนเรา ของเรา คนหนุ่มสาวก็บวชกันแล้ว แต่ของเขาส่วนใหญ่จะอยู่จนประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว อายุ ๕๐ บ้าง ๖๐ บ้าง ผู้ชายถึงจะบวชแล้ว คนที่นับถือศาสนาเชนส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ พ่อค้า ร่ำรวยมาก พิธีบวช  จะมีงานเลี้ยง พอเสร็จก็มีการแจก มีการบริจาคเงิน แล้วก็สละทรัพย์สมบัติจนหมด ผู้บวชจะต้องสละทรัพย์จนหมด ไม่เหลืออะไรเลย เคยมีการทำข่าวเศรษฐีคนหนึ่งในอินเดียจะบวช เขาสละทุกอย่าง แจกหมด ไม่ได้ทิ้งเป็นมรดกให้แก่ลูกหลานสักอย่าง แจกให้คนทั้งหลายทั้งปวงจนไม่เหลืออะไรเลย เขาจะมีก็แต่แค่เนื้อตัว  อาจจะแค่เสื้อผ้าง่ายๆสีขาว เดินสู่สำนัก หรือไม่ก็จาริกไปในที่ต่าง ๆ อันนี้เรียกว่าเขาใจถึงกว่าบวชพระในพุทธศาสนา

                ถ้าเป็นการบวชพระในพุทธศาสนา ไม่ถึงกับต้องละทิ้งทรัพย์สมบัติมากมาย หรือว่าทั้งเนื้อทั้งตัว โดยเฉพาะในเมืองไทย หลายคนบวชชั่วคราว บวชแล้วยังกลับมาบวชใหม่ได้ เพราะฉะนั้นทรัพย์สมบัติที่มี จะเป็นโทรศัพท์ รถยนต์ แก้วแหวนเงินทอง เงินในบัญชีธนาคาร ยังเก็บไว้ มีบ้างที่สละ แต่ไม่มีพิธีสละให้เห็นชัด ส่วนใหญ่ทำกันเงียบๆถ้าจะสละก็มีบ้างเหมือนกัน ประเภทที่ศรัทธามาก ทิ้งหมดไม่เหลืออะไรเลย เงินทองในธนาคารโอนให้พ่อแม่หรือภรรยา แต่ว่าทำกันแบบไม่เป็นสาธารณะ

                แต่ของเชน ทำเป็นสาธารณะเลย  เพื่อแสดงว่าไม่เอาอะไรเลยจริง ๆ จากเศรษฐีร้อยล้านพันล้านเหลือแค่ตัว บางคนศรัทธามากอยู่ในนิกายทิคัมพร ทิคัมพรแปลว่า นุ่งลมห่มฟ้า จะไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งเสื้อผ้า เดินตัวเปล่า จากคนที่อยู่ท่ามกลางทรัพย์สินเงินทอง อยู่ปราสาท อยู่คฤหาสน์ สวมเพชร สวมแก้วแหวนเงินทอง เอาทิ้งหมด แล้วเข้าป่า หรือไม่ก็ไปอยู่สำนักที่มีความเคร่ง

                ผู้หญิงก็เหมือนกัน  เมื่อเร็วๆ นี้มีผู้หญิงซึ่งเรียกว่าการศึกษาสูง ยังสาว ศรัทธาในศาสนาเชน ออกบวช แต่กว่าจะบวชได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องฝึกเป็นผ้าขาวก่อน และขั้นตอนแรก คือการถอนผม ถอนผมทีละเส้น ๆ ผู้หญิง ต้องทนมาก พอเป็นผ้าขาว ได้สักพักสามสี่เดือนหรือว่าบางทีเป็นปี เขาจะออกบวช เมื่อตัดสินใจบวช โดยมีการสอบถามแล้วสอบถามอีกว่าแน่ใจพอที่จะบวช เขาจะมีพิธีให้ผู้หญิงแต่งตัวสวยงาม มีเพชรนิลจินดามากมาย คนอินเดียปกตินิยม ชอบทองอยู่แล้ว เขาจะใส่สร้อยทอง ใส่กำไลทองทั้งข้อมือข้อเท้า เรียกว่าเต็มทั้งตัวเลย แล้วนั่งรถม้าไปตามหมู่บ้านต่างๆ  มีการเลี้ยง มีการบริจาคเงิน ทำแบบนี้อยู่หลายวัน เป็นอาทิตย์บางทีเป็นสองอาทิตย์  เขาถือว่าเป็นเรื่องการบริจาคทาน ไม่ใช่เป็นงานเลี้ยงแบบหาความบันเทิงอย่างที่บ้านเราทำ ส่วนใหญ่หมดเงินไปกับเรื่องสนุก ฉายหนังกลางแปลงบ้าง จัดมหรสพบ้าง แต่ของเขา เอาไว้เลี้ยงเอาไว้แจก เสร็จแล้วพอถึงวันบวช  ถอดออกหมดเลย เหลือแต่ผ้าขาว แล้วก็อำลาพ่อแม่ จะไม่มีการกลับไปหาพ่อแม่อีก ไม่มีการกลับไปบ้านอีก  เขาทำจริงจังมากจนทุกวันนี้ยังทำ อันนี้เขาเรียกว่าความศรัทธาของเขาเต็มร้อย หรือเกินร้อย

                แต่ว่าคนจะศรัทธาแบบนี้ได้มีน้อย เพราะฉะนั้นนักบวชแบบเขามีไม่มากแล้ว  การอยู่เน้นในเรื่องของภิกขาจารคือบิณฑบาตอย่างเดียว นิมนต์ไปฉันตามร้านนี้ยาก แล้ววันดีคืนดีถ้าต้องการปฏิบัติธรรมขั้นสูง จะบำเพ็ญธรรมที่เรียกว่าสัลเลขธรรม สัลเลขธรรมในพระพุทธศาสนาแปลว่า ขูดกิเลสขัดเกลากิเลส แต่ของเขาหมายถึงการอดอาหารจนตาย ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากครูบาอาจารย์ว่า คนนี้มีความเพียรมีความสามารถที่จะบำเพ็ญสัลเลขธรรมได้ ถือเป็นการปฏิบัติธรรมที่ยิ่งใหญ่มาก ศาสดาของเขามีหลายคนบำเพ็ญสัลเลขธรรมแบบนี้จนตาย อย่างปู่พระเจ้าอโศกเป็นกษัตริย์มีอำนาจมากและตอนหลัง รู้สึกสำนึกผิดในบาปกรรมที่ทำไว้ ฆ่าคนมากมายในการทำศึกสงคราม พอบ้านเมืองเกิดความแห้งแล้งเกิดทุพภิกขภัย  คิดว่าเป็นเพราะกรรมที่ตัวเองทำไว้ วิธีที่จะชดใช้กรรมคือ ออกบวช โดยออกบวชอย่างที่ว่า คือไม่เหลืออะไรเลย มีแค่เสื้อผ้า ไม่รู้ว่าเสื้อผ้าในตอนหลังจะถอดทิ้งหรือเปล่า เดินเข้าป่าไปเลย ไม่มีองครักษ์ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

                ตอนหลังใช้วิธีนี้ปฏิบัติธรรมขั้นสูง   คืออดอาหารจนตาย   เป็นที่ยกย่องสรรเสริญ เคารพบูชามาก อย่างล่าสุดเมื่อสักไม่กี่ปีมานี้ มีแม่ชีหรือเรียกว่านักบวชแบบภิกษุณี อดอาหารจนตาย เวลาที่เขาจะอดอาหาร เขาจะมีวิธีการค่อย ๆ ลดทีละนิด อาหารพวกเนื้อ เขาไม่กินอยู่แล้ว  พวกเชนเป็นพวกที่เคร่งครัดเรื่องการไม่เบียดเบียนมาก เวลาจะเดินไปไหนต้องมีไม้กวาดคอยปัดทาง เพราะกลัวว่าจะเหยียบแมลง ปัดทางตลอดเวลา  เวลาจะกินอาหาร ต้องดูแต่ละช้อน แต่ละคำว่า มีแมลงหรือเปล่า ถ้ามีแมลง เช่น พวกมอด ไม่กินเลย ทั้งจานเลิกกินเลย แล้วเวลากิน ๆนิดเดียว เรียกว่าเป็นผู้ที่บำเพ็ญเพียรอย่างหนัก นักบวชแบบพุทธสำนักวัดป่าของเรา  ว่าเคร่งแล้ว พอเจอสำนักของพวกเชน เรียกว่าชิดซ้ายไปเลย แต่ก็ไม่ได้แปลว่าการเคร่งมาก ๆ ดี ตั้งใจจะพูดว่าเขามีความเคร่งแบบไหน เรื่องเนื้อสัตว์นี้เขาไม่กินอยู่แล้ว

                เรื่องข้อวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์ของเรานี้หลายอย่าง  คล้ายกับเชน เช่น มีข้อกำหนดว่า ถ้ารู้ว่าน้ำมีตัวสัตว์ และกินน้ำนั้น เป็นอาบัติ น้ำมีตัวสัตว์เช่นแมลง หรือเอาน้ำมีตัวสัตว์รดหญ้าหรือดินถือว่าอาบัติ ของเชนเขา  แบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าของเขาไปไกลกว่า เคร่งกว่าอีกมากมาย

                ทีนี้พอจะอดอาหาร ค่อยๆ งดทีละอย่างๆ แล้ว  ค่อย ๆ ตาย ทีละน้อย ๆ โดยมีคนดูแล คนที่ดูแลทำหน้าที่เป็นอุปัฏฐาก ช่วยให้สามารถบำเพ็ญธรรมขั้นสูง ขั้นอุกฤษฏ์จนตายได้ และคนที่ดูแลเข้มแข็ง เพราะว่าส่วนใหญ่  มักจะเป็นเพื่อนกัน  ดูแลจนเห็นเขาค่อย ๆ หมดเรี่ยวหมดแรง แล้วสุดท้ายหมดลม อันนี้เป็นการปฏิบัติธรรมขั้นสูง

                แต่ทางพุทธศาสนาเราไม่มีปฏิบัติแบบนี้ การกินอาหาร  ยังเป็นสิ่งจำเป็น ถือว่าเป็นปัจจัยสี่ แต่แทนที่จะอดอาหาร เราจะเน้นที่การพิจารณาอาหารมากกว่า เวลาที่จะกินอาหาร จะพิจารณาที่เรียกว่า ปัจจเวก ก่อนพระฉัน  จะสวดเป็นภาษาบาลี เขาเรียกว่าการพิจารณาอาหาร พิจารณาอาหารว่าเรากินเพื่ออะไร ไม่ได้กินเพื่อความเพลิดเพลินสนุกสนาน ไม่ได้กินเพื่อรสชาติความเอร็ดอร่อย ไม่ใช่กินเพื่อรักษาทรวดทรง หรือว่าเพื่ออวดฐานะว่าร่ำรวย แต่ว่ากินเพื่อให้ร่างกายอยู่ได้ เพื่อลดทุกขเวทนาเก่า แล้วไม่ทำทุกขเวทนาใหม่ให้เกิดขึ้น และเพื่อเกื้อกูลแก่การประพฤติพรหมจรรย์   คือเพื่อให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ได้ในการทำความดีทั้งประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน พูดง่าย ๆก็คือ กินด้วยสติ ไม่ใช่ว่าไม่กินเลย แต่มีบางท่าน ไม่กินอาหาร อดอาหาร อันนี้  เพราะต้องการมุ่งปฏิบัติแล้ว  อาจจะเน้นสมาธิด้วย คือเน้นสมถะ พอไม่กินอาหารแล้ว ใจฟุ้งซ่านน้อย ราคะมารบกวนน้อย ทำให้การปฏิบัติดี แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมากิน กลับมาฉัน

                อันนี้  เล่าความแตกต่างระหว่างนักบวชพุทธกับนักบวชเชน หลายอย่างเหมือนกัน คำสอนหลายอย่างคล้ายๆกัน เช่นการไม่เบียดเบียน อหิงสา การโกนผม โกนหัว แค่ว่าพอดูรายละเอียดแล้ว เรียกว่าแตกต่างกันมาก

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service