แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้คล้ายวันมรณภาพของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ถ้าท่านมีอายุถึงวันนี้ก็ ๑๐๕ ปี ที่จริงท่านมรณภาพตั้งแต่เมื่อ ๒๘ ปีที่แล้ว ปี ๓๑ ดูเหมือนเพิ่งไม่กี่ปีมานี้เอง แต่เวลาก็ผ่านไปเร็ว หลวงพ่อเทียนเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อคำเขียน เรียกว่าเป็นอาจารย์คนเดียวก็ว่าได้ ท่านเป็นพระที่มีวิธีการสอนที่แปลก จุดมุ่งหมายท่านก็มุ่งการทำให้คนหายจากความหลง เพราะความหลงมันทำให้คนทุกข์ ทุกข์ทั้งทางโลกและทุกข์ทั้งทางธรรม วิธีการสอนให้คนพ้นจากความทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิง ท่านสอนไม่เหมือนใคร ท่านคิดค้นวิธีการยกมือสร้างจังหวะ หรือเดินจงกรมโดยเน้นเรื่องความรู้สึกตัว ที่จริงก็ตรงกับที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้ในหลักสติปัฏฐาน ๔
แต่นอกจากการสอนเรื่องสมาธิภาวนาแล้ว การสอนให้คนพ้นจากความหลง อีกอย่างที่ท่านทำอยู่บ่อยโดยเฉพาะช่วงที่ท่านอายุยังไม่มากก็คือให้พ้นจากความหลงงมงาย หลงมันมีหลายแบบ หลงเพราะไม่รู้ตัวอย่างหนึ่ง หลงเพราะไม่รู้ความจริงก็อย่างหนึ่ง หลงเพราะไม่รู้คุณรู้โทษหรือว่าผิดชอบชั่วดีก็อย่างหนึ่ง หลงงมงายในที่นี้ก็หมายถึงหลงในประเพณีโดยไม่รู้จักความหมาย ไปติดยึดอยู่กับประเพณีจนกระทั่งลืมสาระที่แท้จริง อันนี้ก็เรียกว่าไม่รู้ความจริง แล้วก็ไม่รู้คุณไม่รู้โทษ ไม่รู้ประโยชน์หรือสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์
มีอยู่คราวหนึ่งหลวงพ่อท่านไปเมืองลาวแล้วญาติโยมก็นิมนต์ท่านกับพระรูปอื่นให้ไปสวดต่ออายุทำบุญพ่อแม่ ท่านก็ไปแต่ว่าไม่ได้สวด พระรูปอื่นก็สวดไปท่านก็เงียบ พอสวดจบเจ้าภาพถวายปัจจัยให้กับพระที่สวดแต่ไม่ถวายท่าน ท่านก็ไม่ว่าอะไร เสร็จแล้วท่านก็คุยกับเจ้าภาพว่าการต่ออายุพ่อแม่ที่ดีที่สุดคือการทำดีกับท่าน ไม่ใช่การนิมนต์พระมาสวด และท่านชวนให้เจ้าภาพก็คือลูกทำดีกับพ่อแม่ เริ่มต้นด้วยการกราบท่าน กราบด้วยความสำนึกในบุญคุณ ท่านไม่ได้ชวนอย่างเดียว ท่านกราบให้ดูด้วย คือท่านชวนให้ลูกๆ กราบตามท่าน ชาวบ้านก็ตกใจเพราะเห็นพระกราบโยม ท่านก็บอกว่าท่านไม่ได้กราบโยม ไม่ได้กราบพ่อแม่ของเจ้าภาพ ท่านกราบตัวเองที่สามารถจะชักชวนให้เจ้าภาพเห็นว่าการต่ออายุพ่อแม่ที่ดีที่สุดคืออะไร คือคนส่วนใหญ่เวลาพูดถึงการต่ออายุให้พ่อแม่ก็ไปนึกถึงเรื่องพิธีกรรมอย่างนั้นอย่างนี้ รวมทั้งการนิมนต์พระมาสวด แต่ไม่ได้เห็นเลยว่าการต่ออายุพ่อแม่ที่ดีที่สุดคือการทำดีกับท่านด้วยการสำนึกรู้ในบุญคุณท่าน รวมทั้งการทำดีกับตัวเองด้วย ประพฤติตัวเป็นคนดี ลูกที่ทำตัวเป็นคนดีพ่อแม่ก็จะอายุยืนได้มากกว่า ไม่ต้องมากลุ้มใจว่าลูกทำตัวเกกมะเหรกเกเร ติดยาหรือทำตัวเป็นผู้ร้าย ติดเหล้า ติดการพนัน พ่อแม่คนไหนมีลูกติดเหล้าติดการพนันก็อายุสั้นหรือว่าอยู่ร้อนนอนทุกข์ด้วยความกลุ้มใจ
อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้ที่เมืองไทย โยมนิมนต์ท่านไปทำน้ำมนต์ ปกติทำน้ำมนต์ต้องใช้บาตร แต่ท่านไม่เอาบาตร ท่านบอกว่าเอากาละมังมาแล้วก็เติมน้ำให้เต็ม พอทำน้ำมนต์เสร็จท่านว่าให้เอาน้ำในกาละมังสาดไปทั้งบ้านเลย แล้วก็ให้ถูให้สะอาด อย่างนี้แหละเป็นมงคลกว่า พรมน้ำมนต์นี่หญ้าหรือใบไม้อาจมีพิษก็ได้ พรมน้ำมนต์แล้วก็อาจทำให้เกิดผื่นคันต้องไปหาหมอรักษาอีก อย่างนี้จะเป็นมงคลได้อย่างไร นี่ท่านสอนแบบไม่ประนีประนอมเลย แทนที่จะให้พรมน้ำมนต์จากบาตร ท่านใช้วิธีเอาน้ำในกาละมังสาดให้ทั่วบ้านเลย เป็นการทำความสะอาดบ้าน อย่างนี้จะเป็นมงคล หลายคนก็ไม่เข้าใจ แต่คนที่เข้าใจท่านตาสว่างก็มี
นอกจากเรื่องพิธีกรรมแล้วเรื่องวัตถุมงคลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท่านสอนไม่เหมือนใคร มีหมอคนหนึ่งที่ดูแลท่าน ท่านเป็นมะเร็งในช่วงท้ายของชีวิตที่กระเพาะอาหาร หมอคนนี้เก่ง หมอคนนี้ก็มีพระเครื่อง วันหนึ่งก็เอาพระเครื่องพระนางพญาพิษณุโลกมาให้หลวงพ่อดูแล้วบอกว่าพระเครื่ององค์นี้เก่านะ อายุตั้ง ๗๐๐ ปี หลวงพ่อถามว่าพระเครื่ององค์นี้ทำจากอะไร หมอตอบว่าทำจากเนื้อดินและมีแร่ธาตุหลายอย่าง สวยนะ เนื้อแกร่งสีน้ำตาล ท่านบอกว่าดินที่ไหนๆ มันก็เกิดมาพร้อมกันเมื่อสร้างโลก ดินของพระเครื่องนี้ก็ไม่ได้เก่าแก่ไปกว่าดินที่เราเหยียบอยู่หน้าบ้านก่อนจะเข้ามาบ้าน พอพูดอย่างนี้หมออึ้งเลย ไม่ได้คิดมาก่อน ไปอวดว่าดินนี่เก่า พระเครื่องนี้เก่า ๗๐๐ ปี พอท่านบอกว่ามันก็ไม่ได้เก่าไปกว่าดินที่เหยียบอยู่หน้าบ้านหรอก ก็ตาสว่างเลย
อีกคราวหนึ่งก็มีคนมาถามท่านว่าแขวนพระเครื่องดีไหม มาถามท่าน ท่านก็บอกว่าดี แต่ของดีกว่านั้นจะเอาไหม แขวนพระเครื่องนี้ดี แต่ดีกว่านี้จะเอาไหม หมายถึงอะไร หมายถึงพระในใจเรานี่แหละ พระในใจที่เกิดจากการปฏิบัติ ธรรมะในใจที่เกิดจากการทำความดี หรือพระสงฆ์ในใจเราที่เกิดจากการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
มีอยู่คราวหนึ่ง มีโยมมาอวดท่าน มาถามท่านว่าพระเครื่องที่เขามีอยู่ตอนนี้บอกรุ่นมาถามท่านว่ามันขลังจริงหรือเปล่า ท่านก็ไม่ตอบตรงๆ แต่ถามว่าคนทำพระเครื่ององค์นี้ตายหรือยัง เขาบอกตายไปนานแล้ว หรือที่จริงต้องบอกมรณภาพไปนานแล้ว เพราะว่าเป็นมรดกตกทอดมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ท่านก็เลยตอบว่าแม้แต่คนทำพระเครื่องนี้ยังตายเลยแล้วจะไปหวังว่าคนที่มีพระเครื่องนี้จะไม่ตายได้อย่างไร คือปกติเวลาพูดถึงความขลังของพระเครื่องเราคิดว่ามันจะช่วยทำให้อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดจากอันตราย แต่ไม่ว่าจะอยู่ยงแค่ไหนมันก็ไม่มีวันคงกระพันก็ต้องตาย คนทำยังตายเลย คนห้อยจะไม่ตายได้อย่างไรถึงแม้จะแคล้วคลาดจากอันตรายในที่สุดก็ต้องตาย ไม่ตายเพราะอุบัติเหตุก็ตายเพราะมะเร็ง หรือว่าตายเพราะเส้นเลือดในสมองแตกหรือว่าหัวใจวาย
เพราะฉะนั้นอันนี้ก็เป็นเรื่องที่ท่านก็พูดให้คิด คำสอนของหลวงพ่อท่านจะไม่ค่อยประนีประนอมเท่าไร พูดตรงๆ และที่ท่านพูดก็เป็นธรรมะมีเหตุมีผล อันนี้ก็เรียกว่ามุ่งทำให้คนคลายจากความหลง หลงงมงาย คือให้รู้ความจริง อะไรที่เป็นของจริง อะไรที่เป็นของปลอม อะไรที่เป็นกระพี้ อะไรที่เป็นแก่น พิธีกรรมมันก็ดีแต่มันเป็นกระพี้ ถ้าไปยึดติดมันมากคิดว่าทำแล้วจะมีความสุขความเจริญ มันก็จะกลายเป็นความหลงได้ แต่ถ้าทำเพราะรู้ว่ามันมีประโยชน์ที่ช่วยทำให้เกิดความพร้อมในการทำความดี อย่างเช่นจะถวายสังฆทานก็มีพิธีกรรมสักหน่อย มีการอาราธนาศีล มีการกล่าวคำถวายสังฆทาน ส่วนนี้เป็นพิธีกรรม ซึ่งก็มีประโยชน์คือเป็นการเตรียมใจผู้ถวายให้สงบ เมื่อใจสงบจิตก็เป็นกุศลง่าย เกิดความปีติปราโมทย์เพราะการถวายทานก็ง่ายขึ้น ใจที่มีปีติ ใจที่มีปราโมทย์นั่นแหละคือบุญแล้ว แต่ถ้าถวายตอนที่ใจยังว้าวุ่น เพิ่งเสร็จงาน เพิ่งกระหืดกระหอบมา ลงจากรถรีบมาถวาย ใจยังไม่เป็นกุศลดีเพราะยังไม่สงบ อันนี้ก็ได้บุญน้อย
แต่อย่าไปเข้าใจว่าพิธีกรรมนี้มันเป็นสาระ บางคนก็ไม่สบายใจ จะถวายสังฆทานแต่กล่าวคำถวายสังฆทานไม่ได้ หรือว่าไม่มีใครทำพิธีรับศีล จิตใจก็เลยเศร้าหมองไปคิดว่าบุญได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย อันที่จริงไม่เกี่ยว บุญนี้เกิดขึ้นอยู่ที่ตอนก่อนถวายใจนี้เป็นกุศลไหม ถวายเสร็จใจนี้มีปราโมทย์ มีความปีติไหม คุณภาพจิต ก่อน-ระหว่าง ถวายนี้อันนี้แหละคือตัวสาระ ถ้าถวายแต่ใจลอยไปนึกถึงลูก ไปนึกถึงงานที่ยังค้างอยู่ หรือไปนึกถึงคนที่เพิ่งด่าเรามาเมื่อสักครู่ อย่างนี้ก็ไม่ได้บุญหรอกถึงแม้ของที่ถวายจะราคาแพงแค่ไหน พิธีกรรมมันทำหน้าที่นี้แหละ คือช่วยทำให้ใจสงบเป็นการเตรียมใจพร้อม ให้เกิดความพร้อมเพรียงกัน ทีนี้พอคนไม่รู้ก็ไปยึดติดพิธีกรรม ถ้าไม่ทำแล้วจิตใจจะไม่สบายจะมีความกังวล จะทำบุญพ่อแม่ก็คิดถึงแต่เรื่องพิธีกรรมจัดงานใหญ่แต่ว่าไม่ได้คิดที่จะทำดีกับท่าน ไม่ได้คิดจะทำตัวให้ท่านสบายใจ อันนี้แหละก็เป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อเทียน การสอนแบบตรงจุดตรงประเด็นเพื่อให้หลุดจากความงมงาย ที่มากกว่านั้นคือการสอนให้พ้นจากความหลง หลงที่มันเป็นอวิชชา เพราะไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับกายและใจ เกี่ยวกับตัวเองซึ่งอันนี้ก็อาศัยการภาวนา สติปัฏฐาน