แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีคลิปวีดีโอเรื่องหนึ่ง เข้าใจว่าแพร่หลายไปทางไลน์พอสมควร วีดีโอนี้สั้นๆ 2 นาทีเศษ เข้าใจว่าถ่ายทำที่ประเทศอินเดีย เป็นภาพชายผู้หนึ่ง เข้าใจว่าเป็นข้าราชการกำลังเซ็นเอกสาร เอกสารนำเสนอมาเป็นแฟ้มๆ เข้าใจว่าเป็นการเซ็นอนุมัติหรือเซ็นอนุญาต พอเปิดแฟ้มมามีธนบัตรสอดอยู่ ธนบัตรก็ประมาณ 100 หรือ 500 ชายผู้นั้นก่อนจะเซ็นก็จะหยิบธนบัตรใส่กระเป๋าแล้วถึงเซ็น เข้าใจว่าเป็นเหมือนเงินสินบน เพราะว่าเดี๋ยวนี้ในหลายที่หลายแห่ง ข้าราชการจะเซ็นอนุมัติอะไรได้ก็ต้องมีเงิน แกก็เปิดแฟ้มแล้วแฟ้มเล่า แล้วทุกแฟ้มก็มีเงินติดอยู่ พอมาเปิดอีกแฟ้มหนึ่งปรากฏว่ามองไม่เห็นเงินไม่เห็นธนบัตร แกก็พลิกดูตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายของเอกสารก็ไม่เห็น ไม่เห็นเงินเลย ก็เลยขว้างทิ้ง
เผอิญลูกสาวกำลังทำการบ้านอยู่ใกล้ๆ เห็นพ่อโยนแฟ้มทิ้งก็ไปเก็บเอามาให้พ่อ พ่อไม่เห็นธนบัตรก็เลยไม่สนใจโยนทิ้งไป ไปเปิดแฟ้มใหม่ที่มีเงินมีธนบัตรสอดอยู่ สักพักลูกสาวไปหาพ่อ เอาสมุดพกหรือสมุดรายงานผลการเรียนมาให้พ่อ พ่อดูผลการเรียนปรากฏว่ามีหลายวิชาที่ได้คะแนนต่ำ ไม่ถึงสองด้วยซ้ำถือว่าต่ำกว่ามาตรฐาน พ่อก็ว่าลูกแล้วก็ไม่ยอมเซ็นชื่อ เพราะสมุดต้องให้พ่อเซ็นหรือให้ผู้ปกครองเซ็นถึงจะนำไปให้ครูได้ แล้วก็เขวี้ยงสมุดไปไกลๆ ด้วยความโมโห ลูกก็ใจหายเดินไปหยิบสมุดพก/รายงาน สักพักก็เอาสมุดพก/รายงานมายื่นให้พ่อใหม่
ทีนี้พ่อเปิดดูปรากฏว่ามีเงิน มีเหรียญอยู่ในสมุดนั้น เด็กนี้ไปแคะกระปุกมา เอาเงินมาสอดไว้ในสมุดเพราะเข้าใจว่าที่พ่อไม่เซ็นเพราะว่าไม่มีเงิน พอพ่อเห็นเงิน เห็นเหรียญแทนที่จะดีใจกลับเสียใจ เพราะว่าตัวเองรู้ดีว่า ลูกสาวกำลังเจริญรอยตามพ่อ แกก็ร้องไห้และกอดลูกด้วยความเสียใจ เพราะแกกำลังเป็นแบบอย่างให้ลูกได้เห็นว่าจะเซ็นชื่อต้องมีเงิน ลูกเลยเข้าใจว่าพ่อจะต้องได้เงินจากลูกก่อนพ่อถึงจะเซ็นชื่อในสมุดพกได้ เรื่องจบลงที่ว่าพ่อรู้สึกผิดว่าได้มีพฤติกรรมเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่ลูก เรื่องนี้ก็เป็นการสอนและเตือนใจคนว่าคนที่ชอบคอรัปชั่นทำอะไรก็ต้องมีผลตอบแทน สักวันหนึ่งมันก็จะส่งผลเสียต่อลูก ลูกจะมีนิสัยแบบนี้จากพ่อ เริ่มต้นอาจจะทำอะไรต้องมีผลตอบแทนหยิบยื่นให้ จะให้พ่อเซ็นชื่อให้ก็ต้องมีเงินให้พ่อ ลูกจะเข้าใจแบบนั้นเพระว่าพ่อทำตัวเป็นแบบอย่าง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คนไม่ค่อยตระหนักว่าความชั่วที่ตัวเองทำนี้ อาจจะสุขสบายชั่วคราวแต่ว่าจะเกิดผลเสียมากมาย นอกจากผิดศีลเป็นบาปแล้วมันยังเป็นการสร้างแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับลูก และยังเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกได้ด้วย
มีเรื่องราวทำนองนี้อาจจะไม่ใช่การคอรัปชั่น แต่เป็นเรื่องของคนที่เอาเงินเป็นเป้าหมายของชีวิต ทำแต่งาน พ่อคนหนึ่งทำแต่งาน กลับบ้านดึก แต่เช้าก็ไปทำงาน เสาร์อาทิตย์ไม่มีเวลาให้กับครอบครัว ไม่มีเวลาให้กับลูก ลูกอยากจะพูดคุยกับพ่อหรืออยากให้พ่อพาไปเที่ยวกับลูก พ่อก็ไม่มีเวลา ถามทีไรพ่อก็บอกว่าไม่ว่าง ลูกถามว่าทำไมถึงไม่ว่าง พ่อตอบว่าต้องไปทำงานหาเงิน พ่อบอกว่าเวลาทำงานแต่ละวันแต่ละชั่วโมงมีค่า เวลาเป็นเงินเป็นทอง ลูกก็เสียใจว่าพ่อไม่มีเวลาให้กับลูกเลย ลูกเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 8-9 ขวบ วัยเดียวกับเด็กที่อยู่ในคลิปที่พูดถึง
วันหนึ่งลูกถามว่าพ่อว่าทำงานชั่วโมงๆหนึ่งได้เงินเท่าไร พ่อตอบว่าได้ประมาณพันบาท พ่อก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าลูกอยากจะรู้เฉยๆ ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ลูกเอาเงินมาให้พ่อ 500 บาท แล้วบอกพ่อว่าวันนี้พ่อไม่ต้องไปทำงานเดี๋ยวหนูขอเวลาพ่อสักครึ่งชั่วโมง พ่ออยู่กับลูกได้ไหม 500 บาทพอจะซื้อเวลาพ่อสักครึ่งชั่วโมงได้นะพ่อ ถ้าเราเป็นพ่อหรือเป็นแม่คงจะอึ้งถ้าหากลูกมาบอกกับเราอย่างนี้ คืออยากจะมีเวลา อยากจะได้เวลาจากพ่อมากถึงขั้นต้องขอซื้อเวลา แบบนี้เพราะว่าพ่อส่งสัญญาณผิดให้กับลูก เวลาต้องเป็นเงินเป็นทอง ฉะนั้นพ่อจะให้เวลาลูกได้ก็ต้องมีผลตอบแทน ผลตอบแทนเป็นเงิน อย่างนี้เป็นสัญญาณที่พ่อแม่ส่งให้กับลูกโดยไม่รู้ตัว การกระทำของพ่อแม่ถ้าไม่ระวังมันจะส่งสัญญาณผิดให้กับลูก ทำให้ลูกเห็นว่าพ่อจะมีเวลาให้กับลูกได้จะต้องมีผลตอบแทนเป็นเงิน
จริงๆ แล้วนี่เป็นตัวอย่างเป็นภาพสะท้อนของครอบครัวสมัยใหม่ที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูก หรือได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ลูกไม่สามารถซึมซับรับเอาแบบอย่างที่ดีจากพ่อแม่ได้ พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนดี แต่ถามว่าทำอะไรบ้างหรือไม่ที่จะทำให้ลูกเป็นคนดี มีเวลาให้กับลูกบ้างหรือไม่ ส่วนใหญ่ก็คิดว่าถ้าลูกมีเงินมีทอง หรือคิดว่าหาเงินหาทองมาให้ลูกได้แค่นี้ก็พอแล้ว หาเงินให้ลูก มีบ้านอยู่สบาย มีรถขับไปส่งที่โรงเรียน บ้านติดแอร์ มีของเล่น มีโทรศัพท์มือถือ มีคอมพิวเตอร์ และมีค่าเล่าเรียนส่งให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆ ถือว่าเป็นการทำสิ่งดีให้กับลูกแล้ว แต่ที่จริงสิ่งสำคัญคือเวลาและแบบอย่างที่ดี
แต่ก่อนมีคำพูดว่า “สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม” เดี๋ยวนี้มีคำว่า “สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน” สัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงินคือคนจำนวนมากที่มีลูกแล้วก็คิดว่าแค่หาเงินมาให้ลูก หรือสร้างความพรั่งพร้อมบริบรูณ์ด้วยวัตถุให้กับลูก มีเงินส่งเสียให้ลูกไปโรงเรียนดีๆเท่านี้ก็พอแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเวลา เวลาที่จะให้ และก็ไม่ควรจะเป็นเวลาสำหรับการสั่งสอนเท่านั้น การสั่งสอนเป็นเจตนาดี แต่พอลูกโตขึ้นแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นกับพ่อแม่คือ ลูกจะไม่ค่อยเชื่อฟังพ่อแม่ พ่อแม่บางคนจะบ่นว่าลูกไม่ค่อยฟังพ่อแม่เลย ถ้าสาวไปจริงๆ จะพบว่าที่ลูกไม่ฟังพ่อแม่ก็เพราะว่า ตอนที่เขายังเด็กพ่อแม่ก็ไม่ค่อยฟังลูกเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นปัญหาของพ่อแม่ บ่นตอนที่ลูกเป็นวัยรุ่นลูกไม่ฟังพ่อแม่ แต่ไม่ได้ถามว่าตอนที่ลูกยังเด็กๆ พ่อแม่ได้ฟังลูกบ้างหรือไม่ ส่วนใหญ่ก็พบว่าพ่อแม่เอาแต่สั่งแต่สอน พูดฝ่ายเดียว และถ้าไม่แนะนำ ถ้าไม่สั่งสอน ก็ห้ามโน่นห้ามนี่ พอลูกโตขึ้น ลูกปีกกล้าขาแข็งเป็นตัวของตัวเอง คราวนี้ไม่ฟังพ่อแม่
แต่ยังไม่สายที่จะให้ลูกฟังพ่อแม่ ต้องเริ่มต้นจาพ่อแม่หันมาฟังลูกมากขึ้น ฟังลูกด้วยการสนทนากัน พูดคุยกัน ไม่ใช่พอมีเวลาก็สั่งๆๆๆ หรือสอนอย่างเดียว ห้ามอย่างเดียว แบบนี้ไม่ใช่การสนทนากันแล้ว ไม่ใช่การพูดคุย การพูดคุยหมายความว่า ฝ่ายหนึ่งพูดฝ่ายหนึ่งฟัง พ่อพูดแล้วลูกฟัง ลูกพูดพ่อก็ฟังบ้าง อย่างนี้จะสร้างบรรยากาศที่ทำให้มีความคุ้นเคยกัน พอมีบรรยากาศแบบนี้ พ่อพูดลูกฟัง ลูกพูดพ่อฟัง ถึงเวลาที่ลูกโตขึ้น พ่อมีอะไรอยากจะบอกกับลูก แม่มีอะไรอยากจะบอกกับลูก ลูกก็ฟังเหมือนกัน เวลาที่ลูกมีปัญหาก็ไม่ต้องไปพึ่งพาเพื่อนอย่างเดียว ไม่ต้องไปพึ่งยา ก็หันมาพูดคุยมาสนทนา มาบอกเล่าความทุกข์ให้กับพ่อแม่ พ่อแม่ก็รู้ว่าลูกมีปัญหาจะได้หาทางช่วยได้ นี่เพราะว่าต่างคนต่างมีเวลาให้แก่กันและกัน เพราะไว้ใจกัน ปัญหาความสัมพันธ์ของพ่อแม่และลูก เริ่มต้นจากการที่ไม่มีเวลาให้แก่กัน โดยเฉพาะผู้ใหญ่ พ่อแม่ไม่มีเวลาให้กับลูก ลูกมีเวลาให้พ่อแม่อยู่แล้ว แต่พ่อแม่ไม่มีเวลา เอาแต่ทำมาหากิน
เดี๋ยวนี้ไม่เฉพาะแต่ทำมาหากิน มีอย่างอื่นด้วย มีไลน์ มีเฟสบุ๊ค เวลากินข้าวนอกบ้านหรือในบ้าน พ่อก็ดูไลน์ แม่ก็เล่นเฟส แล้วลูกจะทำอะไร ก็เล่นบ้างสิ อยู่ด้วยกันแต่ไม่ได้คุยกัน ถึงเวลาพอลูกโตขึ้น ลูกมีอะไรลูกก็ไม่มาบอกพ่อแม่ ลูกมีความทุกข์เรื่องเพื่อน เรื่องแฟน ก็ไม่มาบอกพ่อแม่ มีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ดีเช่นกินเหล้า ติดผู้หญิง พ่อแม่สอน พ่อแม่บอกลูกก็ไม่ฟัง อย่างนี้เริ่มต้นจากความสัมพันธ์ในวัยเด็กที่ไม่ค่อยมีเวลาให้แก่กันและกัน รวมทั้งการเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย