แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีคำพูดหรือสำนวนที่เดี๋ยวนี้เริ่มได้ยินกันมากขึ้นคือคำว่า ความจนมันน่ากลัวมาก คนที่พูดแบบนี้เขาเหมือนกับว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดความเพียรในการทำมาหากิน เพราะว่ากลัวความยากจน เลยต้องรีบขยันทำมาหากิน ถ้าหากว่าความกลัวจนทำให้เราขยันทำมาหากิน แล้วก็เก็บหอมรอมริบ ใช้ในสิ่งที่จำเป็น แบบนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้ว่ายังมีวิธีที่ดีกว่านั้น คือไม่ได้ทำเพราะความกลัว ขยันเพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์ เป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้ชีวิตเจริญงอกงาม แต่ถึงแม้จะทำเพราะความกลัว คือกลัวจน ก็ยังดี
แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ พอกลัวความยากจนแล้วก็เลยกล้าที่ทำชั่ว เห็นว่าความชั่วน่ากลัวน้อยกว่าความยากจน หลายคนเป็นอย่างนี้ พอกลัวจนก็เลยทำทุกวิถีทางที่จะหายจน รวมทั้งการโกง การคอรัปชั่น แบบนี้ก็เป็นเหตุผลหรือแรงจูงใจ หรือบางทีอาจจะเป็นข้ออ้างก็ได้ เพราะจริงๆแล้วคนที่โกง คอรัปชั่น ก็ไม่ใช่ว่าจน ที่จริงก็สุขสบายดีอยู่แล้วแต่อยากรวยกว่านี้ อยากรวยกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าถ้าไม่โกงไม่คอรัปชั่นแล้วจะจน ถึงไม่โกงไม่คอรัปชั่น มีความซื่อสัตย์สุจริต ก็ยังพออยู่พอกิน หรือยังมีชีวิตได้สุขสบายด้วยซ้ำ แต่จะอ้างหรือหาเหตุผลให้ดูดีก็บอกว่าทำเพราะกลัวยากจน อย่างนี้ก็เป็นข้ออ้างของหลายคนที่ไปขายตัว หรือไปค้ายา อ้างกลัวจน ที่จริงถึงแม้จะไม่ค้ายา ประกอบอาชีพโดยสุจริตก็ไม่ถึงกับจน ยังอยู่ได้ ยังมีกินมีใช้ ขอให้เพียงแต่รู้จักอดออม แต่เป็นเพราะว่าใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และอยากจะมีชีวิตที่ฟุ่มเฟือย ก็เลยต้องไปค้ายา หรือไปทำอาชีพซึ่งไม่ได้เป็นผลยั่งยืน หรือผลดีกับตัวเองในระยะยาว
เพราะฉะนั้นในเวลาพูดว่า ความจนน่ากลัวมาก ต้องถามใจตัวเองว่า จริงๆแล้ว ที่ทำทุกวันนี้ทำเพราะกลัวจนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพราะอยากรวย อยากสบายมากกว่า และที่จะต้องเตือนตนอยู่เสมอคือ ความจนน่ากลัวก็จริง แต่ว่าความชั่วน่ากลัวกว่า จริงอยู่ความชั่ว เช่นการโกง การคอรัปชั่น อาจจะทำให้มั่งมีศรีสุข แต่ความมั่งมีก็ไม่เคยยั่งยืนเลย อะไรที่หามาได้เร็วก็หมดไปเร็ว คนที่รวยเพราะถูกหวยหรือรวยเพราะคอรัปชั่น ความร่ำรวยไม่เคยอยู่นานเลย อะไรที่ได้มาเร็วก็หมดไปเร็ว และคนเราพอลองทำชั่วสักครั้งแล้วก็ต้องทำไปเรื่อย เช่นต้องโกหกเพื่อปิดบังความชั่วของตัว หรือไม่ก็เกิดติดใจเห็นว่าเงินมาได้ง่าย ก็เลยทำไปเรื่อยๆ
อย่างนี้เป็นปัญหาเดียวกับคนที่ติดการพนัน การพนันที่จริงไม่ได้เป็นความชั่ว แต่มันมีโทษมาก ใหม่ๆก็เล่นการพนันแล้วได้เงินง่าย ได้เงินง่ายติดใจก็เลยไปเล่นการพนันอีก ทั้งๆที่เล่นครั้งต่อๆไป มีแต่เสียกับเสีย แต่ยังมีความหวังว่าเดี๋ยวก็คงจะได้เงินเป็นกอบเป็นกำมากกว่าที่เสียไป แบบนี้ก็เป็นข้ออ้าง หรือการหลอกตัวเอง แต่ที่จริงคือมันติดแล้ว เรียกว่าให้ผลดีเพียงช่วงสั้นๆ แต่ก่อโทษระยะยาว เช่น ทำให้ติด ทำให้ไม่เป็นอันทำมาหากิน
ความชั่วก็เหมือนกัน แท้ที่จริงแล้วถึงแม้จะร่ำรวย และถึงแม้จะยังร่ำรวยต่อไป แต่ไม่มีความสุข สุขกายแต่ไม่สุขใจ และถึงเวลาจะตายก็ไม่เคยเห็นคนไหนที่รู้สึกภูมิใจดีใจกับความร่ำรวยที่เกิดขึ้นมาจากการคดโกง จากการคอรัปชั่น คนเวลาจะตายมีแต่คนที่เขานึกถึงความดีที่ได้ทำไว้ แล้วก็เกิดความปิติ เกิดความภาคภูมิใจ ซึ่งช่วยทำให้เขาตายสงบ ส่วนคนทำชั่วอาจจะร่ำรวย กฎหมายทำอะไรไม่ได้เพราะมีอำนาจ แต่สุดท้ายเวลาจะตายก็ตายแบบทุกข์ทรมาน เพราะว่านึกถึงความชั่วที่ได้ทำเอาไว้ จะพยายามปิดบังอย่างไร จะพยายามห้ามใจไม่ให้คิดอย่างไร ใจก็ยังคิดอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความชั่วเพราะขโมย คอรัปชั่น หรือการไปฆ่าทำร้ายผู้อื่น เรียกว่าความชั่วให้ผลชั่วคราวแต่ทำให้เกิดทุกข์ยาวนาน ไปขโมยเขา โกงเขา แม้แต่ยืมเงินเขาแล้วไม่คืน จำนวนเงินอาจจะพันสองพัน แต่ต้องชดใช้ในเวลาต่อมา บางทีต้องชดใช้เป็นแสนก็มี เหมือนกับว่ากฎแห่งกรรมมาตามทันในชาตินี้ โกงเขาหนึ่งพันหรือเบี้ยวเงินเขาไปพันหนึ่ง แต่ต้องจ่ายเป็นแสน คุ้มกันที่ไหน ความชั่วทำไปแล้วมีดอกเบี้ยทบต้น โกงเขาไม่กี่บาทแต่ดอกเบี้ยทบต้นตามมา ผ่านไปสิบปียี่สิบปีกลายเป็นพันเป็นหมื่น ยังไม่ต้องพูดถึงว่าต้องไปชดใช้ในชาติหน้าอีก
เพราะฉะนั้นถ้าดูแล้วไม่คุ้มเลย ดังนั้นถ้าเราไตร่ตรองดูดีๆ ความจนน่ากลัวก็จริง แต่ความชั่วน่ากลัวกว่า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไรเพื่อหายจน ก็อย่าลืมต้องทำความดีเอาไว้ ตั้งมั่นอยู่ในความดี ที่จริงแล้วความจนนี่เวลาบอกว่าน่ากลัวหมายถึงความจนในทางทรัพย์ แต่ก็ไม่น่ากลัวเท่ากับความจนในทางจิตใจ คนที่จนในทางจิตใจทรมานมากกว่า คือจนอะไร จนความดี อย่าไปคิดแต่ว่าจนทรัพย์น่ากลัว ที่น่ากลัวกว่าและน่ากลัวที่สุดคือ การจนความดี หรือการที่ไม่มีอริยทรัพย์ในจิตใจ อริยทรัพย์คือทรัพย์อันประเสริฐ ที่ไม่มีใครจะลักขโมยได้ เกิดจากความดีที่ได้ทำ มีคนจำนวนไม่น้อยที่จน แต่ว่าเขารักษาความดีไว้ได้
เมื่อวานนี้มีคนส่งข้อความที่น่าประทับใจมาก ส่งมาทางไลน์ คนที่เล่าต้นเรื่องนี้เขาเป็นเป็นผู้กำกับหนัง ผู้สร้างหนังชาวบราซิล เขากำลังสร้างหนังและกำลังหาดาราที่เป็นเด็ก เรื่องราวเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานีรถไฟ เขาหาดาราที่เป็นเด็กไม่ได้ แล้ววันหนึ่งเขาบังเอิญจะต้องไปธุระผ่านสถานีรถไฟ ระหว่างที่อยู่ในสถานีรถไฟมีเด็กคนหนึ่งอายุ 10 ขวบ เป็นผู้ชาย มาหาเขาแล้วก็บอกว่า จะขัดรองเท้า สนใจขัดรองเท้าไหม เขาปฏิเสธเพราะรองเท้าของเขาพึ่งขัดมาใหม่ๆเมื่อเช้านี้ เด็กทำท่าผิดหวัง สักพักเด็กบอกว่า ขอยืมเงินได้ไหม อาทิตย์หน้าจะมาคืน ถ้าเราเจอเด็กเร่ร่อน เด็กยากจนมาพูดกับเราแบบนี้ เราเชื่อเขาหรือไม่ หลายคนไม่เชื่อ แต่ผู้กำกับคนนี้ถึงแม้แกก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจริงหรือไม่ แต่ว่าเงินเล็กน้อยก็ให้ไป แกควักเหรียญมาให้กำหนึ่งแล้วก็ให้เด็กไป เด็กก็ดีใจ เด็กบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมาคืน แล้วเด็กก็รีบวิ่งหนีไปเลย
ผู้กำกับหนังคนนี้ให้ไปแล้วแกก็ลืม แกทำโน่นทำนี่ของแกไป ผ่านไปเป็นเดือนเลย แล้ววันหนึ่งแกมีธุระไปที่สถานีรถไฟ ปรากฎว่ามีเสียงเรียก คุณครับรอเดี๋ยว แกหันไปดูปรากฎว่าเป็นเด็กคนนั้น เด็กคนนั้นแกบอกว่าผมมารอคุณสองสามอาทิตย์แล้ว รอทำไมเหรอ รอที่จะคืนเงิน เด็กยืมเงินไป เด็กตั้งใจจะคืน และก็อุตส่าห์มารอทุกวันเลยก็ไม่เห็นผู้ชายคนนี้ เพราะฉะนั้นพอผ่านไปเกือบเดือนแกเห็นผู้ชายคนนี้ แกก็ดีใจที่จะได้คืนเงิน เด็กนี่ยากจนเป็นเด็กเร่ร่อน สงสัยกำพร้าด้วย แต่ไม่ได้ยากจนจนกระทั่งไม่มีศักดิ์ศรี จนกระทั่งไม่เหลือความดี ความดีของแกมีคือความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์รับปากไว้แล้วว่าจะคืนภายในหนึ่งอาทิตย์ แกก็พยายามหาเงินมาคืน แล้วก็มานั่งรอ ไม่ได้รอวันเดียวแต่รอทุกวันเพราะว่าตั้งสัจจะหรือลั่นวาจาไปแล้ว ก็ต้องทำตาม
อย่างนี้คือคนจนที่เรียกว่า มีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่ คือแม้จะจนอย่างไรแต่ความดีก็ไม่ทิ้ง ทั้งๆที่อาจจะมีข้ออ้าง อาจจะมีข้อแก้ตัวว่าเขาคงลืมไปแล้ว บางทีกิเลสมันมาหลอกล่อแบบนี้ ไม่ต้องรอหรอก เก็บเงินไว้เลย เขาคงลืมไปแล้ว แต่เด็กคนนี้แกไม่ยอม แกจะมานั่งเฝ้ารอ มายืนรอว่าผู้ชายคนนี้จะมาเมื่อไร เพราะรับปากไปแล้วว่าจะคืนให้ภายในหนึ่งอาทิตย์
เรื่องไม่จบแค่นั้น ผู้กำกับคนนี้แกนึกขึ้นมาได้ว่าเรากำลังหานักแสดงที่เป็นเด็ก เด็กคนนี้อาจจะใช้ได้ก็ได้ ก็เลยชวนเด็กว่าพรุ่งนี้อยากจะชวนไปเข้ากล้อง เพราะว่าจะมีการคัดเลือกนักแสดง ไม่แน่นะหนูอาจจะมีโชคไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ เด็กก็ดีใจก็รับปาก วันรุ่งขึ้นผู้กำกับคนนี้พอไปถึงบริษัทของตัว ปรากฎว่ามีเด็กมากมายเลยมารออยู่ รวมทั้งเด็กคนนี้ด้วย เด็กคนนี้บอกว่าอยากให้เพื่อนๆได้มีโอกาสคัดเลือกเป็นดาราบ้าง เพราะว่าเขาก็ยากจนกัน ถ้าเขาได้เป็นดาราก็คงจะมีชีวิตที่ดีขึ้น ผู้กำกับคนนี้ประทับใจมาก จริงๆเด็กคนนี้ไม่จำเป็นต้องบอกเพื่อนเลย เพราะว่าถ้าบอกเพื่อนแล้วเกิดเพื่อนคนไหนมีท่าทีหรือมีโอกาสที่จะเป็นดาราได้ดีกว่า ตัวเองก็อด แต่แกอยากจะให้โอกาสเพื่อนเหมือนกัน ไม่คิดว่าเป็นคู่แข่งเลย ตัวเองไม่ได้ไม่เป็นไร ขอให้เพื่อนได้
และสุดท้ายมีการคัดเลือกดารา เด็กเป็นหลายสิบคนคัดกันทั้งวัน แต่สุดท้ายได้เด็กคนนี้เพราะว่าผู้กำกับบอกว่า เด็กคนนี้นิสัยดี เป็นคนที่ หนึ่งเป็นคนมีสัจจะ สองเป็นคนมีเมตตา รักเพื่อน ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ผูกขาดโอกาส ไม่หวงโอกาสไว้กับตัวคนเดียว แกเขียนไว้ในแบบฟอร์มว่า เหตุผลที่คัดเลือกเด็กคนนี้เพราะว่า เป็นเด็กที่มีน้ำใจ มีเมตตา ผ่านการทดสอบได้เป็นดาราก็เพราะว่ามีความเมตตา มีน้ำใจ และเด็กคนนี้ก็ได้เป็นดารา และปรากฎว่าหนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังดัง อาตมาก็เคยดูเมื่อสักกสิบปีที่แล้ว ชื่อ Central Station ได้รางวัลตุ๊กตาทองของฮอลลีวูด และเด็กคนนี้ตอนหลังก็เป็นดารามีชื่อของบราซิล
กรณีนี้เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ คือถึงแม้จะจนอย่างไรก็ยังมีศักดิ์ศรี ความจนไม่ทำลายความดี หรือไม่ยอมเปิดโอกาสให้ความจนมาทำลายความดีของเรา กลัวจนแค่ไหนแต่ยังมีศักดิ์ศรี ยังมีคุณงามความดีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสัจจะ หรือความเมตตา สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจมาก และเตือนใจคนได้ดีว่า คนเราอย่าให้ความกลัวจนมาบั่นทอนความเป็นมนุษย์ของเรา