แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อวานนี้นั่งเครื่องบินมาจากดอนเมืองมาลงขอนแก่น ขึ้นจากดอนเมืองไม่เท่าไรก็ผ่านเมฆ เป็นเมฆดำ เป็นเมฆฝน ระหว่างที่ผ่านเมฆฝนเครื่องบินก็เขย่า เครื่องก็สั่น แต่ไม่ได้กลัวอะไรเลย แต่นึกแปลกใจว่าอากาศที่เบาบางสามารถที่จะยกเครื่องบินทั้งลำให้ลอยขึ้นไปได้ เครื่องบินแต่ละลำหนักเป็นร้อยๆตัน แต่สามารถที่จะลอยขึ้นฟ้า แล้วก็แล่นได้อย่างสบายแม้ว่าจะผ่านเมฆ ซึ่งเราก็ทราบดีอยู่แล้วว่าเต็มไปด้วยไอน้ำ แต่อากาศก็สามารถที่จะพยุงเครื่องบินขึ้นไปได้
สิ่งที่ดูเป็นอ่อนๆ สิ่งที่ดูไม่มีน้ำหนัก เช่นอากาศก็ดี เช่นน้ำก็ดี มันก็มีความแข็งแรงมีพลังอยู่ไม่น้อยเลย เวลาเราเทียบอากาศกับเหล็ก หรือน้ำกับเหล็ก เรามักจะคิดว่าเหล็กแข็งแรงกว่ามันจมน้ำ แต่ถ้าอากาศหรือน้ำมีแรงพอมันสามารถที่จะพลิกเรือให้คว่ำได้ ลมก็เหมือนกันสามารถที่จะพลิกเครื่องบินให้คว่ำได้เหมือนกัน เคยมีเครื่องบินที่ลงมาถึงรันเวย์แล้วก็น่าจะปลอดภัย แต่ปรากฏว่ามีลมแบบพลิกผัน พลิกหรือพัดเครื่องบินให้ไถลเลย ไถลไปชนกับภูเขา แล้วคนก็ตายกันมาก สิ่งที่ดูเหมือนบอบบางมีพลังอยู่ไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรืออากาศ
แต่สิ่งที่บอบบางยิ่งกว่านั้น คือบางจนมองไม่เห็นเลยอาจจะมีพลังยิ่งกว่าก็ได้ นั่นคืออารมณ์ที่อยู่ในใจเรา อารมณ์ในใจเราจับต้องไม่ได้ ชั่งก็ไม่ได้ น้ำนี่เรายังชั่งได้ จับต้องได้ อากาศนี่เราก็ยังเอามาชั่งได้ ขนาดคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเรามองไม่เห็นด้วยตาแต่เขาก็สามารถจะชั่งน้ำหนักได้ เช่นบนบรรยากาศมีคาร์บอนไดออกไซด์หนักเป็นแสนล้านตันได้ แต่อารมณ์ไม่มีน้ำหนัก จับต้องไม่ได้ แต่สามารถที่จะมีพลังที่จะบังคับให้เราเป็นไปตามอำนาจของมันได้ หรือสามารถที่จะทำลายข้าวของ ทำลายตึก หรือทำลายโลกทั้งโลกก็ว่าได้
อย่างเหตุการณ์สิบเอ็ดกันยายน ที่มีคนเอาเครื่องบินไปชนถล่มตึกเวิล์ดเทรด ก็เกิดจากอำนาจของอารมณ์ อารมณ์และความคิด จะเป็นความโกรธความเกลียด หรือความยึดติดในอุดมการณ์ หรือศาสนาในตามแบบของตัวก็ตาม ก็สามารถจะนำไปสู่การทำลายได้ สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามต่างๆที่เกิดขึ้น ก็เกิดจากแรงขับของอารมณ์ จะเป็นตัณหา มานะ ทิฏฐิ ก็แล้วแต่ จะเป็นอารมณ์โกรธ อารมณ์เกลียด สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างความฉิบหายให้เกิดขึ้นได้
แต่ถ้าเป็นอารมณ์ในทางบวก สามารถจะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้มากมาย เช่นความเมตตากรุณา ความเมตตากรุณาก็สร้างสรรค์โลก สามารถจะทำสิ่งที่ไม่น่าจะเชื่อว่าทำได้ แม่ที่มีเมตตามีความรักต่อลูกสามารถที่จะอดทนเพื่อลูกได้ หรือถ้าเรามองถึงความเมตตากรุณาของพระพุทธองค์ หรือพระโพธิสัตว์ หรือพระอรหันต์ สามารถที่จะทำให้โลกนี้อยู่เย็นเป็นสุขได้ สิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาแต่มีพลัง ความอ่อนโยน ความเมตตา บางทีมีพลังยิ่งกว่าความโกรธความเกลียดเสียอีก
มีเรื่องเล่าว่า ที่ประเทศเกาหลี 300-400 ปีก่อน พุทธศาสนาในบางช่วงในสมัยนั้นไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับของผู้มีอำนาจเท่าไร คราวหนึ่งมีกองทัพบุกเข้าไปยึดเมืองๆหนึ่ง เมืองนี้เขานับถือพุทธศาสนา แต่กองทัพนับถือลัทธิขงจื้อ ขงจื้อกับพุทธนี่บางช่วงบางสมัยก็ไม่ถูกกัน ขงจื้ออยากจะทำลายพุทธศาสนา แม่ทัพเป็นคนที่มีความเก่งกล้าสามารถมาก สามารถที่จะยึดเมืองได้ภายในเวลารวดเร็ว พอยึดเมืองได้พระต่างๆในวัดก็หนีเอาชีวิตรอด เพราะรู้ว่าแม่ทัพเมื่อไปถึงวัดใดก็จะทำลาย จะฆ่า พระเอย ชีเอย เพราะถือว่าเป็นพวกต่างศาสนา ต่างอุดมการณ์
มีวัดหนึ่ง คนในวัดก็หนีหมดเลย แต่เจ้าอาวาสไม่หนี ยังอยู่วัด เฝ้าวัด พอแม่ทัพเข้ามายึดเมืองได้ก็ตรงมาที่วัดนี้ มาเห็นเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสก็ยืนอยู่ตรงลานวัด แม่ทัพไม่ค่อยพอใจ แปลกใจทำไมเจ้าอาวาสไม่หนีเหมือนพระรูปอื่นๆ เดินเข้าไปแล้วถือดาบในมือ แล้วพูดกับเจ้าอาวาสว่า ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังยืนอยู่ต่อหน้าใคร ท่านกำลังยืนอยู่ต่อหน้าคนที่สามารถจะฟันท่านให้ขาดเป็นสองท่อนได้โดยไม่กระพริบตา เจ้าอาวาสฟังแล้วก็เฉยๆ ไม่ได้หวั่นเกรงอะไร แล้วก็พูดขึ้นมาว่า แล้วท่านรู้หรือเปล่าว่าท่านยืนอยู่ต่อหน้าใคร ท่านกำลังยืนอยู่ต่อหน้าคนที่พร้อมหรือยอมให้ถูกฟันให้ขาดเป็นสองท่อนโดยไม่กระพริบตา
แม่ทัพฟังประหลาดใจมาก นึกว่าตัวเองเก่งแล้ว แต่มีคนที่เก่งกว่าตัวเอง คือคนที่ยอมที่จะถูกฟันถูกฆ่า ถูกฟันให้ขาดสองท่อนได้โดยไม่กระพริบตา ระหว่างสองคนนี้ใครเก่งกว่ากัน คนหนึ่งพร้อมจะฟันศัตรูหรือคู่อริให้ขาดสองท่อนโดยไม่กระพริบตา อีกคนพร้อมที่จะยอมให้ฟันขาดสองท่อนโดยไม่กระพริบตา แม่ทัพรู้เลยว่า เจ้าอาวาสองค์นี้เรียกว่าเก่งยิ่งกว่าตัวเอง การที่จะฆ่าใครมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่จะยอมถูกฆ่าโดยที่ไม่วิตกไม่กลัว แบบนี้เก่งกว่า เลยแพ้ใจเจ้าอาวาสองค์นี้ แทนที่จะใช้ดาบฟันขาด ก็เลยยอม เพราะรู้ว่านี่คือคนที่เก่งกว่า คนที่เก่งกว่าไม่ใช่ว่าไปทำลายใคร แต่ยอมที่จะถูกฆ่าถูกทำลาย โดยที่ไม่มีความโกรธ ไม่มีความกลัว เจ้าอาวาสเลยปลอดภัย
อย่างนี้เป็นเรื่องการต่อสู้ ระหว่างความแข็งกับความอ่อน เป็นการต่อสู้ระหว่างความโกรธความเกลียดกับความเมตตาหรืออหิงสา ความโกรธความเกลียดสามารถจะทำลายอะไรต่ออะไรได้มากมาย แต่มันก็แพ้ความเมตตากรุณาซึ่งเป็นความอ่อน เป็นความอ่อนโยนแต่มีพลัง สามารถที่จะชนะใจแม่ทัพที่มีความกราดกรี้ยวดุดันได้ ฉะนั้นสิ่งที่อ่อนก็มีพลังอยู่ แต่พลังก็มีทั้งลบแล้วก็บวก เราต้องพยายามที่จะใช้พลังไปทางที่เป็นบวก อย่าปล่อยให้อารมณ์ที่เป็นความโกรธความเกลียดครอบงำใจ เพราะมันสามารถจะสร้างความฉิบหายได้ แต่ถ้าเราใช้ความเมตตากรุณา ความรัก ความมีสติ ความรู้สึกตัว ก็สามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ แล้วนำพาชีวิตของเราให้ผาสุขเจริญงอกงามได้ แล้วก็สามารถที่จะเอาชนะอุปสรรคปัญหาต่างๆ ที่เลวร้ายได้