แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เหตุการณ์เรือล่มเมื่อ 2-3 วันก่อนที่อยุธยาก็เป็นข่าวใหญ่ คงจะไม่ใช่เฉพาะประเทศไทย เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก ตายกัน 20 กว่าคน ช่วง 2-3 วันนี้ก็มีการพูดกันว่า การที่ไม่มีเสื้อชูชีพก็ทำให้มีคนตายมาก เพราะว่าบางคนก็ว่ายน้ำไม่เป็น จมน้ำ อย่างพวกเราชาวบ้านก็มีหลายคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น หรือถึงว่ายน้ำเป็นแต่กระแสน้ำวันนั้นมันก็เชี่ยวมาก หมดแรงก็จม ก็ตาย จึงมีการแนะนำว่า เรือต้องมีเสื้อชูชีพติดไว้ด้วย แต่ก็มีผู้รู้เตือนไว้ว่าเสื้อชูชีพนี้มีประโยชน์ก็จริง แต่จะมีประโยชน์สำหรับคนที่โดยสารเรือที่ไม่มีหลังคา ถ้าเป็นเรือมีหลังคา ใส่เสื้อชูชีพลงไปก็อาจจะทำให้ตายง่ายขึ้น ตายเร็วขึ้น เพราะว่าอะไร เพราะว่าพอใส่เสื้อชูชีพแล้วไม่จมก็จริง มันทำให้ลอย แต่ถ้าไปลอยแล้วติดหลังคา ก็เสร็จเลย หายใจไม่ออก จะดำก็ดำไม่ได้ เพราะมันติดเสื้อ เสื้อมันจะรั้งเอาไว้ไม่ให้จม จะดำก็ดำไม่ได้ ก็ค้างติดอยู่ใต้หลังคา พออากาศหมดก็ตาย กลายเป็นว่าเสื้อชูชีพมันสามารถจะทำลายชีพได้ ถ้าหากว่าใช้ผิดที่ผิดทาง
การใส่เสื้อชูชีพก็ใส่ได้เวลาโดยสารเรือที่ไม่มีหลังคา หรือว่าถ้าจะใช้ก็อย่าสวม ถ้าเป็นเรือที่มีหลังคาก็ต้องถือเอาไว้ จับเอาไว้ เวลาจะดำน้ำก็ดำได้ง่าย ปล่อยเสื้อชูชีพไปแล้วก็ดำน้ำ ก็อาจจะทำให้หลุดจากใต้หลังคาเรือได้ เพราะฉะนั้นเขาก็เลยพูดเตือนว่า ไม่ใช่ว่าเสื้อชูชีพจะมีประโยชน์ทุกกรณี ในบางกรณีสำหรับเรือบางประเภท การสวมเสื้อชูชีพมันก็ทำให้ตายเร็วขึ้น
อันนี้มันก็เหมือนทุกอย่าง ทุกอย่างที่มีประโยชน์เพราะรู้จักใช้ให้เป็น ถ้าใช้ไม่เป็นมันก็เกิดโทษ อย่างสิ่งที่ไม่มีอันตรายอะไรเลย ถ้าเกี่ยวข้องไม่ถูกก็เดือดร้อนได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “หญ้าคานี่ไม่มีอะไรเลย แต่ถ้าจับไม่ดีก็บาดมือได้” “ความเป็นสมณะ ถ้าปฏิบัติไม่ถูกก็ฉุดให้ลงนรกได้” อันนี้ก็เช่นเดียวกันกับเสื้อชูชีพ เสื้อชูชีพถ้าใช้ถูกก็มีประโยชน์ ใช้ถูกเวลาถูกสถานที่ก็ช่วยชีวิตได้ แต่ว่าถ้าใช้ผิดสถานที่ ไปใช้กับผู้โดยสารเรือที่มีหลังคาก็อาจจะตายเร็วเข้า
อันนี้ก็ทำนองเดียวกับธรรมะ ธรรมะนี้ถ้าใช้ไม่ถูก เข้าใจไม่ถูก ก็อาจจะทำให้เกิดโทษได้ อย่างที่เมื่อเช้านี้ ที่พูดเรื่องธรรมะหรืออนัตตา ถ้าเข้าใจผิด ปฏิบัติผิดนี่ ก็สามารถกลายเป็นมิจฉาทิฐิได้ เช่นว่า ไม่ทำบุญไม่รักษาศีล เพราะว่าไม่มีผู้รับผล อันนี้ได้ฟังครูบาอาจารย์สอนก็เชื่อ แล้วเชื่อแบบเข้าใจผิด ที่จริงท่านต้องการบอกว่า มันไม่มีตัวกูผู้รับผล แต่ยังมีอย่างอื่นที่รับผลได้ เช่น ใจ จิตใจ ให้ทานรักษาศีล ก็มีใจนี่รับผล ก็คือใจที่ประณีต ใจที่สงบ ใจที่เป็นสุข แต่มันไม่มีตัวกูที่รับผล เหมือนกินอาหารก็ไม่มีตัวกูผู้รับผล แต่มันมีกายที่รับผล คือ ถ้าอาหารดี ร่างกายก็สุขภาพดี อาหารน้อยร่างกายก็ผ่ายผอม หรือว่าอาหารมีพิษร่างกายก็เจ็บป่วย มันเป็นเรื่องของกาย เรื่องของใจ ไม่ใช่เรื่องของตัวกู ที่นี้พอเข้าใจไม่ถูก ก็พาลไม่ทำบุญ ไม่ใส่บาตร ไม่รักษาศีล เพราะคิดว่ามันไม่มีผู้รับผล
ธรรมะนี้ ต้องเข้าใจให้ถูก ที่สำคัญคือว่ายึดมั่นถือมั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมะนี่เหมือนกับแพ แพนี้มีเอาไว้ข้ามฝั่ง เมื่อถึงฝั่งแล้วก็เดินขึ้นฝั่งเลย ไม่ต้องแบกแพไปด้วย คนที่แบกแพไปด้วยก็ถือว่าโง่ แล้วก็ทุกข์ด้วย ทั้งเหนื่อยทั้งหนัก พระพุทธเจ้าตรัสว่า แม้แต่ธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัส ก็ยังยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ นับประสาอะไรกับอกุศลธรรม อกุศลธรรมยิ่งไม่ต้องพูดถึงใหญ่ ถ้ายึดมั่นถือมั่นก็เหมือนกับไปถือถ่านแดงๆ อันนี้ก็ทำให้เจ็บปวด หรือว่าไปกินของร้อน ที่มันร้อนมากๆ หรือกินยาพิษก็ยิ่งตายเร็วเข้า ยานี่ก็มีประโยชน์ แต่ถ้ากินไม่เป็น กินมากไป ก็ทำให้ตายได้ เพราะฉะนั้นเวลาเราเกี่ยวข้องกับอะไรก็ตาม อย่าเกี่ยวข้องด้วยความหลงงมงาย ต้องใช้สติใช้ปัญญา ไม่ใช่บอกว่า คนจมน้ำตายเพราะไม่มีเสื้อชูชีพ หรือใส่เสื้อชูชีพในทุกที่ได้ไม่ว่าเรือแบบไหน แม้หลังคาจะมีประโยชน์กันแดดกันฝนได้ แต่ในบางกรณีก็ทำให้คนตายได้ อย่างหลังคาเรือก็ทำให้คนตายมาก พอเรือจมน้ำแล้วคนจะลอยคอขึ้นมาไม่ได้เพราะติดหลังคา
ที่ท่าพระจันทร์นี่ก็มีโป๊ะ สมัยก่อนโป๊ะที่ขึ้นเรือด่วนเรือข้ามฝากก็จะมีหลังคา พอเกิดเหตุโป๊ะพัง โป๊ะล่ม คนเยอะมาก ตอนนั้นรู้สึกว่าจะเป็นวันลอยกระทงเมื่อ 10 กว่าปีก่อนหรือ 20 ปีที่แล้ว มีคนขึ้นโป๊ะจำนวนมาก โป๊ะมันเลยล่ม มีคนตายมากเลย ที่ตายส่วนหนึ่งก็เพราะว่าลอยคอแล้วไปติดหลังคา หลังคาโป๊ะนี้ทำให้คนตายเพราะมันกักคนเอาไว้ ตอนหลังนี้เขาก็เลยรื้อหลังคาทิ้งเลย อันนี้ก็เป็นตัวอย่างว่า หลังคามีประโยชน์ แต่ว่ามันไม่ใช่มีประโยชน์ในทุกกรณี ในบางกรณีก็อาจจะถึงกับทำให้คนตายได้
ที่จริงแทบไม่ต้องพูดถึงการไฟฟ้า ไฟฟ้านี่มีประโยชน์มากเลย สามารถใช้รักษาช่วยชีวิตคนได้ เครื่องปั๊มหัวใจ เครื่องช่วยหายใจก็ทำงานได้ด้วยไฟฟ้า แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ไปจับมันก็ตายได้ อันนี้ก็เป็นข้อเตือนใจว่า จะทำอะไรจะเกี่ยวข้องกับอะไรก็ต้องรู้จักใช้สติ ใช้ปัญญา แม้แต่ธรรมะก็ต้องใช้ปัญญา ใช้สติ
พูดถึงเรื่องของการรับมืออุบัติภัย นอกจากน้ำท่วมแล้ว ที่มักจะตายกันมากก็คือไฟไหม้ ไฟไหม้ตึก ไฟไหม้อาคาร และส่วนใหญ่ที่ตาย ไม่ใช่ตายเพราะควัน ไม่ใช่ตายเพราะไฟ แต่ตายเพราะเหยียบกันตาย แตกตื่น ฮือกันเข้าไป พากันวิ่งหนีไปที่ประตูทางออก ตรงนั้นแหละที่ทำให้ตายกันมาก ถ้าต่างคนต่างมีสติ ค่อยๆ ทยอยกันไป ตรงไหนมีประตูก็ค่อยๆ เดินให้เป็นระเบียบก็อาจทำให้ทุกคนรอดตายได้ แต่ว่าคนเรานี่เวลาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ก็จะตกใจ ความตกใจกับความกลัวก็จะเข้ามาครอบงำ ไม่มีสติลืมตัว กรูกันไปหาทางออก เหยียบกันตาย หรือแม้กระทั่งว่าหาทางออกได้แล้ว ถ้าเป็นตึกสูงๆ ตึกใหญ่ๆ ก็มีผู้รู้แนะนำนะว่า อย่าเพิ่งวิ่งตามผู้คนฝูงชนไป ฝูงชนจะกรูไปไหนอย่าเพิ่งวิ่งตาม เพราะว่าถ้าเกิดวิ่งตามเขาไป เกิดไปเจอทางตัน ฝูงชนนั้นก็จะหันกลับมา แล้วถ้าเราอยู่ข้างหลังเราก็จะโดนคนเหยียบ ตอนเราอยู่ข้างหลังมันไม่เป็นอะไร แต่พอตอนเขาเจอทางตันเขาออกไม่ได้ ข้างหลังก็จะกลายเป็นข้างหน้าไป และคนที่อยู่ข้างหน้าถ้าวิ่งไม่ทันก็อาจถูกเหยียบตายได้ จึงแนะนำว่าอย่าเพิ่งวิ่งตามฝูงชนไป ให้รอดูสักพัก แล้วก็อย่ายืนอยู่กลางทางให้ยืนแอบๆ อยู่ริมทาง เพราะอะไร เพราะว่าถ้าเกิดฝูงชนเขาหาทางออกไม่เจอ เขาก็จะวิ่งกลับมาทางเดิม ถ้าเรายืนอยู่ตรงกลางก็อาจโดนเขาเหยียบตายได้ เพราะฉะนั้นต้องยืนหลบๆ แต่ถ้าเห็นว่าคนหายไป ไม่วิ่งกลับมาแสดงว่าเขาเจอทางแล้ว เราก็เดินวิ่งตามเขาไปได้
ที่จริงอันนี้ก็เอามาใช้ได้กับทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องเล่นหุ้นด้วย พวกแมงเม่าที่เรียกว่าหมดเนื้อหมดตัวเพราะว่าขายหุ้น เทหุ้นขายตามคนอื่นเขา บางทีซื้อก็ซื้อตามเขา ซึ่งการซื้อตามเขามันก็แย่แล้ว พอเขาเทขายก็เทขายตามเขาไปด้วยความตื่นตกใจ ราคามันตกแค่ไหนก็ขาย เรียกว่าหมดเนื้อหมดตัวเพราะว่าตาม ตามฝูงชนไป กลายเป็นแมงเม่า เพราะฉะนั้นสตินั้นสำคัญ สติสำคัญมาก เวลาเกิดอะไรตั้งสติไว้ก่อน ใช้ปัญญาพิจารณา และถ้ามีความรู้อยู่บ้างในเรื่องพวกนี้ มันก็ทำให้รับมือกับภัยพิบัติได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรซ้อมเอาไว้ก่อนด้วย เผื่อไว้เวลาเกิดอะไรขึ้นมา เราจะได้รับมือทัน เพราะว่าถึงแม้จะมีความรู้แต่ไม่ได้ซ้อมไว้ พอเกิดเหตุก็อาจจะลืมหมด อะไรๆ ที่มีในหัวมันลืมหมดเลย เหมือนพวกเล่นหุ้น หลายคนก็รู้ว่าหุ้นอาจจะตก ก็ประมาณว่าถ้าหุ้นตกไม่เกิน 10% ไม่ขาย แต่พอหุ้นตกแค่ 5% แล้วตกใจขายเลย ลืมไปหมดเลยในสิ่งที่เคยตั้งใจไว้
อันนี้เพราะว่าคนเรานี้ จริงๆ มันก็มีความตื่นกลัวมาก แล้วมีแนวโน้มจะทำตามฝูงชนด้วย เขาเรียกว่าสัญชาตญาณฝูง คนเรามีแบบนี้มาก เพราะฉะนั้นพอใครทำอะไรก็เฮตาม ใครเขาลืออะไรกัน เราก็ลือ เราก็เชื่อตาม เชื่อง่าย อย่าง ชาวกรุงสาวัตถีมีคนพูดว่า มีคนปล่อยข่าวว่าพระพุทธเจ้าฆ่าผู้หญิงชื่อนางสุนทรี ก็เชื่อเลย เพราะว่าคนนั้นก็พูด คนนี้ก็พูด ก็เลยเชื่อง่าย เพราะฉะนั้นต้องพยามรู้ทันนิสัย หรือสัญชาตญาณของเราที่มันตื่นกลัว แล้วก็ชอบทำอะไรตามผู้คน มีสติเข้าไว้จะได้ไม่หลงเชื่อ หรือ ทำให้ตัวเองเกิดปัญหาในที่สุด