แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
คนเราเวลาจะกินอาหาร ก็มักจะกินของที่เราชอบ เช่นเดียวกับเวลาเราทำอะไร เราก็มักจะทำสิ่งที่เราชอบ แต่ก็ต้องระวัง สิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เรากิน หรือการกระทำที่เราทำเป็นประจำก็ดี ทำมากๆ ทำบ่อยๆ ก็อาจจะเกิดโทษได้ อย่างเช่นความเจ็บป่วยของผู้คนเวลานี้ โรคหลายโรคก็เกิดจากการกินของที่ชอบ เช่น ชอบกินหวาน ชอบกินเค็ม ชอบกินของทอด ชอบกินเนื้อ แล้วเกิดอะไรตามมา ก็เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ไตวาย บางทีก็เป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับ เพราะชอบกินปลาดิบ
ความเจ็บป่วยของผู้คนเวลานี้ จำนวนมากเลยไม่ใช่เพราะกินของที่ไม่ชอบ ส่วนใหญ่เพราะกินของที่ชอบ เพราะพอเราชอบ เราก็จะกินเยอะ กินมาก กินบ่อยๆ แม้จะเป็นของที่มีประโยชน์ แต่พอกินเยอะ กินมาก กินบ่อยๆ มันก็เกิดโทษ และสมัยนี้ของที่เราชอบ มันหาง่าย บางคนชอบกินพิซซ่า บางคนชอบกินแฮมเบอเกอร์ บางคนชอบกินขาไก่ พวกนี้เดี๋ยวนี้หาง่ายมากเลย ราคาถูก เข้าถึงง่าย ไม่เหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนของชอบอาจจะมี แต่ว่าราคาแพง แล้วก็หาไม่ได้ง่ายๆ มันเป็นฤดูกาล แต่เดี๋ยวนี้กินได้ทั้งวัน กินได้ตลอดปี ราคาก็ถูก เราก็เลยป่วยสารพัดโรค
อันนี้รวมถึงการนั่งๆ นอนๆ ด้วย คนส่วนใหญ่ก็ชอบ ชอบการนั่งๆ นอนๆ ไม่ชอบเดิน เดี๋ยวนี้จะไปไหน ก็นั่งรถ ขึ้นลิฟท์ ไม่ต้องเดินขึ้นบันได ไม่ต้องเดินไปปากซอย จะไปร้านอาหารเดี๋ยวนี้ บางทีก็ขี้เกึยจแล้ว ไปสั่งเดลิเวอรี่มา จะได้นั่งไม่ต้องขยับ แล้วเกิดอะไรขึ้น ก็โรคหัวใจ โรคเบาหวานเหมือนกัน นี่ก็เพราะชอบทำ หรือชอบอยู่ในอิริยาบถที่มันสบาย จะให้วิ่งออกกำลังกาย ไม่เอา ไม่ชอบ เมื่อไม่ชอบก็ไม่ทำ เมื่อไม่ทำแล้วเป็นไง ก็ป่วย นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของที่ไม่ดี เช่นเหล้า เช่นบุหรี่ ซึ่งมันมีโทษอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเสพมากเสพน้อยก็เป็นโทษ แต่ของหลายอย่าง เช่นอาหาร ถ้าเสพพอดีมันก็ไม่เป็นโทษ แต่พอกินมากๆ กินบ่อยๆ กินทุกวันเพราะชอบ ก็เลยเกิดโทษ การนั่งๆ นอนๆ ถ้าทำเป็นครั้งคราว มันก็ไม่เป็นอะไร ผ่อนคลาย แต่พอทำบ่อยๆ ทำทุกวัน วันหนึ่งเอาแต่นั่งแช่อยู่บนโต๊ะ ดูโทรทัศน์ หรือว่าจ้องโทรศัพท์ และเดี๋ยวนี้ทำงานก็ไม่ต้องเขยื้อนขยับแล้ว ก็เลยสุขภาพย่ำแย่กันมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้สำนักงานหลายแห่ง เขาจะทำโต๊ะให้มันสูง เพื่อให้คนเวลาทำงาน ยืนทำ ยืนทำแล้วมันก็ดีต่อสุขภาพ เพราะถ้านั่งไปนานๆความเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้ง่าย
นอกจากการนั่งๆ หรือนอนๆ หลายคนก็ชอบ ชอบอะไร ชอบอยู่กับโทรศัพท์ ก้มหน้าจิ้มกับโทรศัพท์ แล้วก็เลื่อนจอดูเฟซบุค ดูข้อมูลข่าวสาร ดูคลิปที่มันมาทางโทรศัพท์หรือโทรทัศน์ แต่ก่อนจะไปดูหนัง ก็ต้องเดินไปโรงหนัง แต่เดี๋ยวนี้ ดูหนัง สบายแล้ว ดูทางโทรทัศน์ แต่โทรทัศน์ก็ยังไม่สบายเท่าไร โทรทัศน์อยู่ที่บ้าน ไม่ใช่จะดูได้ตลอดเวลา เดี๋ยวนี้เราดูหนังทางโทรศัพท์ โทรศัพท์เราพกติดตัวตลอดเวลา ดูวันหนึ่งหลายชั่วโมง ไม่ใช่แค่หนัง ดูคลิปวิดิโออะไรต่ออะไร ก็ชอบไง พอชอบก็ทำบ่อยๆ พอทำบ่อยๆ ก็ติด แล้วเกิดอะไรขึ้น ไม่เป็นอันทำงาน ไม่ได้พักผ่อนนอนหลับเพียงพอ ไม่มีเวลาหรือไม่มีความสนใจที่จะคุยกับลูก คุยกับคนรัก เป็นปัญหาใหญ่ของคนสมัยนี้
มีคนมาปรึกษาอาตมาว่าทำยังไงดี สามีเอาแต่ติดโทรศัพท์ หมายถึงติดโซเชียลมีเดีย ดูแต่โทรศัพท์ จ้องแต่โทรศัพท์อยู่นั่นแหละ ลูกก็เอาแต่เล่นเกมออนไลน์ ไม่เป็นอันเรียนหนังสือ นอนก็ดึก บางทีผู้หญิงก็เป็น อันนี้ก็น่าเป็นห่วง ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านี้เพิ่งเข้ามาในชีวิตของเราเมื่อห้าหกปีมานี้เอง เฟซบุคเริ่มเป็นที่แพร่หลายก็เมื่อปี 53 ถึงปัจจุบัน ก็ 7 ปี แต่ปรากฏว่าติดกันงอมแงม ติดกันทั้งประเทศ ติดกันทั้งโลก แล้วครอบครัวก็กลุ้มใจกัน เพราะว่าสมาชิกในครอบครัวติดจนกระทั่งไม่สนใจพูดคุยกัน ไม่เป็นอันทำงาน ความรับผิดชอบไม่มี ใช้เวลาอยู่กับโทรทัศน์หรือโซเชียลมีเดีย หรือโลกไซเบอร์สเปซวันละ 7 ชั่วโมง แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำงาน เอาเวลาที่ไหนไปเรียนหนังสือ เอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน เอาเวลาที่ไหนไปพูดคุยกัน พอไม่มีก็หงุดหงิด อันนี้ก็เป็นโทษของสิ่งที่เราชอบ
และสมัยนี้สิ่งที่เราชอบ หรือสิ่งที่เขามาชักชวนให้เราชอบ มันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่อาหาร อาจจะเป็นสถานที่ อาจจะเป็นแอพ อาจจะเป็นโปรแกรม อาจจะเป็นประสบการณ์ต่างๆ เดี๋ยวนี้แอพแต่ละแอพ เขาจัดการดีไซน์เพื่อให้เราติดมากที่สุด ซีอีโอของเน็ตฟลิกซ์ เน็ตฟลิกซ์นี้ไม่ใช่เป็นแอพ มันเป็นบริการจัดหาหนังให้เราชม 24 ชั่วโมง เลือกได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด มีเป็นแสนเป็นล้านเรื่องเลยกระมัง ดูเมื่อไรก็ได้ ราคาก็ไม่แพง ไม่กี่ร้อยบาทต่อเดือน ซีอีโอของเน็ตฟลิกซ์บอกว่า คู่แข่งที่สำคัญที่สุดของเขา คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของเขา ไม่ใช่อเมซอน ไม่ใช่ HBO แต่คือเวลานอนของเรา คือถ้าเรานอนเมื่อไร เราก็ดูเน็ตฟลิกซ์ไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามแย่งชิงเวลานอนของเราให้มันเหลือน้อยที่สุด คือพยายามให้เราตื่นมากที่สุด เพราะว่าถ้าเราตื่น โอกาสที่เราจะไปดูช่องของเขาก็จะมีมาก เขาไม่กลัวเลย HBO เขาไม่กลัวอเมซอนซึ่งก็ทำรายการหนังเหมือนกัน เขากลัวแต่ว่าเราจะหลับ เพราะฉะนั้นเขาพยายามทำให้เราหลับให้น้อยที่สุด ตื่นมาดูเขาให้มากที่สุด เพราะถ้าเราดูเขานานๆ เขาก็ได้เงิน
เช่นเดียวกับเฟซบุคก็ต้องพยายามดีไซน์ เพื่อล่อเพื่อหลอกให้เราอยู่กับเขานานๆ มีการกดไลค์ มีการกดแชร์ มีการเปิดโอกาสให้เซลฟี่ มีนิวส์ฟีดที่ถูกใจเรา เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าเดี๋ยวเปิดดูซัก 5 นาทีก็พอแล้ว เดี๋ยวส่งข้อมูลทางเมสเซนเจอร์ สุดท้ายไปไม่รอด ติดกับดักอีก 15 นาที 20 นาที หรือครึ่งชั่วโมง อันนี้แหละที่เขาพยายามสรรหาสิ่งต่างๆ ที่ปรนเปรอ ที่ทำให้เราถูกใจ ที่ถูกใจเราและทำให้เราชอบ พอเราชอบแล้ว เราก็ลืมเนื้อลืมตัว สิ่งที่ทำเมื่อทำไปมากๆ ทำไปเยอะๆ มันก็เกิดผลเสีย ดังนั้นตอนนี้ สิ่งที่ต้องระวังไม่ใช่สิ่งที่เราไม่ชอบ แต่คือสิ่งที่เราชอบ มันเป็นภัยที่น่ากลัวมาก เพราะสิ่งที่เราชอบ เราไม่ค่อยตั้งคำถาม ไม่ค่อยระมัดระวัง และถ้าเรายิ่งถูกใจ เราก็ยิ่งเสพมากๆ คนมักจะคิดว่าสิ่งที่ไม่ชอบคือสิ่งที่ต้องระวัง ต้องห่างไกล แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ชอบต่างหาก ที่สามารถทำให้เราย่ำแย่ได้ สุขภาพย่ำแย่ ชีวิตย่ำแย่ ความสัมพันธ์ย่ำแย่
ภัยที่น่ากลัว ไม่ใช่ภัยนอกตัว แต่เป็นภัยที่อยู่ในใจ ซึ่งคนมักจะมองข้าม ภัยที่น่ากลัวอีกอย่างคือ ภัยในสิ่งที่เราชอบ ซึ่งเราก็มักจะมองข้ามเหมือนกัน เราจึงต้องมีสติ เพราะว่าถ้ามีสติ อะไรที่เราชอบมันจะดึงดูดเราเข้าไปหามัน เสพมัน ใช้เวลาอยู่กับมัน จนหมดเนื้อหมดตัว หรือลืมตัว แล้วปัญหาหรือความเดือดร้อนก็จะตามมา เช่น สุขภาพย่ำแย่ ความสัมพันธ์เสื่อมโทรม รวมทั้งชีวิตจิตใจไม่เป็นอันทำอะไร มีบางคนเขาบอก นิพพานก็อยากถึง นิพพานก็อยากได้ แต่ทำไงดี ติดหนังเกาหลีซีรีย์เหลือเกิน ติดมากเลย เพราะเดี๋ยวนี้ดูได้ทั้งวัน ไม่ใช่ดูได้ทีละช่วง ทีละชั่วโมง อาทิตย์ละครั้ง อะไรที่มุ่งหวัง อะไรที่ปรารถนา เป็นอันพับไปเลย ไปไม่ถึงเพราะเสร็จเรื่องเล็กๆ นี่แหละ คือเรื่องที่เราชอบ แต่ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว พอชอบแล้วมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ คนเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ได้เล่นเฟซบุค เพราะถูกยึดโทรศัพท์ หรือสัญญานไม่มี ก็หงุดหงิดงุ่นง่าน ถ้าไม่มีโทรศัพท์อยู่ข้างตัว ขาดความมั่นใจ ก็ของชอบทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่ของที่ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นการมีสติสำคัญมากในยุคปัจจุบัน ให้รู้เท่าทันว่าอะไรที่เราชอบ หนึ่ง มันดีจริงไหม และสอง ถึงแม้มันดี ก็ต้องรู้จักเสพพอประมาณ พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ต้องรู้จักประมาณในการบริโภค” ของดีแต่ถ้าเสพมาก มันก็เกิดโทษ อาหารแม้จะมีประโยชน์ แต่ถ้าเราไม่รู้จักการกิน ไม่รู้จักประมาณ มันก็เป็นอันตรายได้ เพราะนั้นอย่ามัวแต่ระแวดระวังสิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบมันไม่ค่อยเป็นปัญหา แต่สิ่งที่ชอบต่างหากที่สร้างปัญหาให้กับเรา