แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เป็นวันพิเศษ นอกจากเป็นวันแม่ของคนไทยแล้ว ก็ยังเป็นวันหลวงพ่อของชาวสุคะโต หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ท่านเกิดวันที่ 12 สิงหา ถ้าท่านอยู่จนถึงวันนี้ก็อายุ 81 ปี อันนี้พวกเราที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อก็จะชวนกันไปทำความดี ตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อ ก็คือการไปปลูกป่า ไปปลูกป่าที่ภูหลง จะมีลูกศิษย์จากหลายวัดในเครือข่ายบนหลังเขานี้ สุคะโตด้วย วัดภูเขาทองด้วย รวมทั้งวัดโปร่งช้าง และก็อีกสองสามวัดที่มีลูกศิษย์ไปเป็นเจ้าอาวาสอยู่ ก็จะนัดกันไป ปลูกป่าเช้านี้
หลวงพ่อคำเขียนท่านเคยกล่าวว่า ชีวิตของท่านนั้นมีสองด้าน หรือสองซีก ด้านหนึ่ง ก็คือการอนุรักษ์ป่า อีกด้านหนึ่ง ก็คืองานสอนกรรมฐาน อันแรกเป็นเรื่องของธรรมชาติ อีกอันหนึ่งเป็นเรื่องของธรรมะ และธรรมะกับธรรมชาตินี้มันก็แยกกันไม่ออกสำหรับชาวพุทธ เพราะว่าคนเราจะปฏิบัติธรรมได้สะดวกก็ต้องอาศัยสถานที่สัปปายะ และสถานที่สัปปายะยัง ก็คือสถานที่สงบสงัด ก็คือป่าหรือธรรมชาติที่ร่มรื่น เรียกว่า รมณียสถาน
อันนี้พระพุทธเจ้าก็ได้แสดงเป็นแบบอย่างแล้วว่า ถ้าได้สถานที่ที่ร่มรื่นรมณีย์ การปฏิบัติธรรมก็ก้าวหน้าจนถึงขั้นพ้นทุกข์ ที่พระองค์ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณได้ ก็เพราะการบำเพ็ญเพียรริมแม่น้ำเนรัญชราใต้ต้นโพธิ์ ซึ่งพระองค์ก็ทรงออกปากเองว่า เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการทำความเพียร มีไพรสนร่มรื่นน่าชื่นบาน มีน้ำไหลผ่าน น้ำไหลเย็นใจ ซึ่งป่านี้ก็เป็นรมณียสถาน อีกอย่างหนึ่งที่เกื้อกูลต่อการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่แค่นั้น ถ้าเราเกี่ยวข้องกับธรรมชาติถูก มันก็เป็นการปฏิบัติธรรมด้วยเหมือนกัน การเกี่ยวข้องกับธรรมชาติอย่างถูกต้อง ก็เช่นไม่เบียดเบียนธรรมชาติ รวมทั้งสำนึกในบุญคุณของธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าได้ปกปักรักษาพวกเราให้มีความปกติสุข มีความปลอดภัยจากอันตราย ทำให้ร่มเย็น ป้องกันแดดร้อนหรือพายุฝน ไม่ให้มารบกวนเรามาก อันนี้เราก็มีความกตัญญูรู้คุณ การไปอนุรักษ์ป่าหรือการไปปลูกป่า ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง เรียกว่าเป็นการทำบุญด้วย
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ใดสร้างสวนปลูกป่า บุญของผู้นั้นย่อมเจริญทั้งวันและทั้งคืน ดังนั้นถ้าเราปฏิบัติกับธรรมชาติอย่างถูกต้อง เช่นปลูกต้นไม้รักษาป่า ธรรมะในใจเราก็จะเจริญงอกงาม และที่สำคัญก็คือว่า เราสามารถจะรู้ธรรมเข้าใจธรรมได้ จากการเรียนรู้สังเกตธรรมชาติ หลวงพ่อคำเขียนได้เขียนข้อความที่เอามาคัดลอกในกระดาษอัดไว้ในไม้แผ่นนี้ บอกว่า ธรรมะคือตัวธรรมชาตินี่เอง ไม่ได้หนีไปจากธรรมชาติที่ตรงไหน คนเราจะสามารถพ้นทุกข์ได้ ด้วยการสังเกตธรรมชาติ เพราะฉะนั้นงานกรรมฐานของหลวงพ่อกับงานอนุรักษ์ป่านี้ มันก็เลยเป็นเรื่องเดียวกัน
พวกเราซึ่งเป็นลูกศิษย์ เมื่อถึงวันสำคัญอย่างนี้ ก็ควรที่จะได้ทำความดีเพื่อสนองคุณของหลวงพ่อ และการสนองคุณที่ดีก็คือ การปฏิบัติตามคำสอนของท่าน รวมทั้งการเดินตามรอยท่าน ซึ่งอันหนึ่งก็คือการอนุรักษ์ป่า เรื่องการปลูกป่า หลวงพ่อคำเขียนท่านเป็นนักปลูกต้นไม้ เรียกว่าตั้งแต่บวชใหม่ๆ จนกระทั่งจนถึงระยะท้ายของท่าน ขณะป่วยเป็นมะเร็ง ท่านก็ยังไม่เว้นจากการปลูกต้นไม้ ปลูกตามกำลังของท่าน เพราะฉะนั้นวันนี้ ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ไปปลูกต้นไม้กัน เป็นการเจริญสติ นอกเหนือจากการทำความกตัญญูรู้คุณกับธรรมชาติ ถึงแม้ว่าฝนจะตกหรือแดดจะออก ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการทำความดีในวันนี้ เวลาเหนื่อยก็ให้มันเหนื่อยแต่กาย ใจไม่เหนื่อย เวลาแดดร้อนก็ให้มันร้อนแต่กาย ใจสงบเย็น ไม่ใช่ว่าเจอแดดร้อน แล้วร้องว่า ไม่ไหว ไม่ไหว ไม่ไหว ปลูกป่าวันนี้ ปลูกต้นไม้วันนี้ ฉันจะไหวได้ยังไง แดดร้อนอย่างนี้ อันนี้เรียกว่าไม่ได้ปฏิบัติธรรมแล้ว ปฏิบัติธรรมนี้ คือว่าแดดร้อน มันก็ร้อนแต่กาย เห็นทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นกับกาย แต่ไม่เป็นผู้ร้อน กายร้อนแต่ไม่เป็นผู้ร้อน เวลาฝนตก กายเปียก แต่ว่าใจมันไม่ได้เปียกไปด้วย เวลาเหนื่อย มันเหนื่อยแต่กาย เห็นความเหนื่อย แต่ไม่เป็นผู้เหนื่อย อันนี้แหละคือการปฏิบัติธรรม เป็นการเจริญสติ กับของจริงเลย เป็นการเอาสติมาใช้รับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่ชอบ เอามารับมือกับความทุกข์ที่เกิดขึ้น ให้มันทุกข์แต่กาย แต่ใจสงบเย็น
นอกจากอนุรักษ์ป่าแล้ว หลวงพ่อคำเขียนท่านก็ใส่ใจขวนขวาย กับการรักษาธรรมชาติบนหลังเขานี้ด้วย ท่านเป็นผู้ที่ริเริ่ม“ธรรมยาตรา” ตั้งแต่ปี 43 เพราะว่าท่านเห็นความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติบนหลังเขา ไม่ว่าจะเป็นภูเขาซึ่งเคยเขียว มีต้นไม้ปกคลุม กลายเป็นเขาหัวโล้น หรือว่าปกคลุมไปด้วยหญ้า พอถึงหน้าร้อนก็เหลืองไปหมด ไม่เขียวเหมือนแต่ก่อน น้ำที่เคยไหล เคยลึก กว้าง มันก็แคบ แล้วก็ตื้น แถมมีมลพิษอีก ผืนดินที่เคยมีชีวิตชีวา มีแมลง มีสัตว์เล็กๆน้อยๆ ที่ช่วยเติมโอชะให้กับผืนดิน ให้มันมีชีวิต มันก็กลายเป็นพื้นดินที่แห้ง เรียกว่าเป็นผืนดินที่ตายแล้ว เพราะว่าสารพิษนานาชนิด รวมทั้งการที่ไม่มีพืชปกคลุม ทำให้มันแข็งกระด้าง หลวงพ่อท่านก็เลยจัดรณรงค์ทุกปี เดินธรรมยาตราเพื่อปล่าวประกาศให้คนบนหลังเขาได้รู้ว่า ป่าไม้กำลังจะตาย แม่น้ำล้มป่วย เพื่อให้คนได้ตื่นตัว อันนี้ก็เป็นงานที่ท่านได้ริเริ่มเอาไว้ในช่วงท้ายๆของชีวิตท่าน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ทุกวันนี้“ธรรมยาตรา”ก็ยังทำอยู่ต่อไป ปีนี้ก็จะเป็นปีที่ 18 แล้ว ก็จะจัดกันทุกปีช่วง 1-8 ธันวา ก็เป็นการปฏิบัติธรรมไปพร้อมๆ กับการอนุรักษ์ธรรมชาติด้วย ทำยังไงใจเราจะสงบเย็น แม้แดดจะร้อน แม้กายจะเหนื่อย แต่ใจก็เป็นปกติ อันนี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมพร้อม ๆ กับการรักษาธรรมชาติ เป็นงานที่ส่งเสริมทั้งธรรมชาติและธรรมะไปพร้อมๆ กัน ถ้าเราจะปฏิบัติธรรม แต่เราไม่ดูดายธรรมชาติ อันนี้ก็ไม่ถูกต้อง ถ้าจะเอาแต่ปฏิบัติธรรม แต่ว่าไม่สนใจการรักษาป่า ไม่สนใจที่จะปลูกป่าให้มันเจริญงอกงาม อันนี้ก็ถือว่ายังปฏิบัติธรรมบกพร่องอยู่ เพราะว่าไม่มีความสำนึกในเรื่องความกตัญญูรู้คุณธรรมชาติ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไปเข้าใจว่า การปลูกป่าจะไปรบกวนการปฏิบัติธรรม มีคนที่เข้าใจแบบนี้มากทีเดียว ที่จริง การปลูกป่านี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอีกอย่างหนึ่งอย่างที่พูดไปแล้ว
นอกจากเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม เป็นการแสดงความกตัญญูรู้คุณต่อธรรมชาติ มันก็ยังเป็นการเอาสติมาใช้การรักษาใจ ให้ปลูกป่าได้ด้วยความปรกติสุข ไม่รู้สึกรำคาญ ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้สึกร้อนรุ่ม แม้ว่าธรรมชาติหรือว่าสิ่งแวดล้อมภายนอกจะไม่เอื้อเฟื้อเกื้อกูลก็ตาม ถ้าจะหาความสงบในป่า บางทีก็ง่ายไป เพราะว่าเราต้องรู้จักรักษาใจให้สงบได้ แม้ว่าเราจะออกไปอยู่ภายนอก อย่างวันนี้หลายคนก็จะครบกำหนดการปฏิบัติธรรมปิดคอร์ส อยู่ที่นี่ 6 - 7 วัน อาจจะรู้สึกว่าใจเริ่มสงบแล้ว หลายคนวิตกว่าได้ออกไปข้างนอก กลับไปบ้าน กลับไปที่ทำงาน ออกไปสู้โลกกว้าง จิตใจมันจะว้าวุ่น มันไม่จำเป็น โลกมันจะวุ่นยังไง ใจไม่ต้องวุ่นก็ได้ โลกมันจะร้อนยังไง ใจสงบก็ได้ เพราะว่าอะไร เพราะว่าเรารู้จักรักษาใจด้วยการเจริญสติ ซึ่งก็ฝึกได้จากที่ไปปลูกป่านี่แหละ เราทำใจของเราให้สงบได้อย่างไร แม้ว่าแดดจะร้อน แม้ว่ากายจะเหนื่อย อันนี้ก็เป็นแบบฝึกหัดอย่างหนึ่ง ที่เราควรจะรู้จักเอามาใช้
วันนี้คนที่จะไปปลูกป่าก็จะออกจากที่นี่ประมาณ 9 โมงเช้า แล้วก็จะไปปลูกกันที่ภูหลง ในแปลงที่จัดเตรียมเอาไว้ ซึ่งทำยังนี้ต่อเนื่องมาทุกปีตั้งแต่ปี 27 แล้ว ตอนที่หลวงพ่อยังไม่มรณภาพด้วยซ้ำ 12 สิงหาเป็นเรื่องที่รู้กันในหมู่ลูกศิษย์ของหลวงพ่อว่า เราจะมาปลูกป่ากัน วันนี้หลายคนก็มาจากกรุงเทพ หลายคนก็มาจากที่ไกล เพราะรู้กันโดยที่ไม่ต้องไปประกาศมาก รู้ว่า 12 สิงหาแล้วเราจะมาปลูกป่าถวายหลวงพ่อ หรือว่าปลูกป่าให้กับพระศาสนา ไม่ใช่เฉพาะภูหลงเท่านั้น ที่จริงมันปลูกป่าให้กับธรรมะในใจเราด้วย ให้ธรรมะในใจเราเจริญงอกงาม จากการที่ได้ทำความดี จากการที่ได้เสียสละเพื่อส่วนรวม และก็อย่างที่บอกไว้เมื่อตอนเช้าว่า 23 สิงหานี้ ก็เป็นวันมรณภาพของหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านมรณภาพประมาณตี 5 เราก็จะปฏิบัติธรรมข้ามคืน ตั้งแต่ 22 ทำวัตรเย็นเสร็จแล้ว ก็ปฏิบัติธรรมข้ามคืนจนถึงทำวัตรเช้าเลย อันนี้ก็เป็นการทำความดี สนองคุณหลวงพ่อ
วันนี้เราทำความดีด้วยการรักษา ฟื้นฟูธรรมชาติ อีก 10 วันข้างหน้า เราจะทำความดีด้วยการเสริมสร้างธรรมะในใจเรา เราจะฝึกเพื่อกำจัดความหลงให้ออกไปจากจิตใจ ให้มีแสงสว่างเกิดขึ้นแก่จิตใจของเรา ก็บอกล่วงหน้าไว้ แล้วถ้าใครที่ว่างก็ลองดู หรืออาจจะรู้สึกว่าอยากจะท้าทายทดสอบตัวเองดูว่าจะทำได้ไหม บางคนแค่ได้ยินก็ใจไม่สู้แล้ว ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว ยังไม่ทันได้ลองเลยก็ไม่ไหวแล้ว แต่ที่จริง อย่าว่าแต่ใจเราเลย กายเราก็น่าจะไหว หากว่าเราได้ได้ทดลองดู นี่ก็เป็นโอกาสดี ก็ขอเชิญชวน