แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันมะรืนนี้ ศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคำเขียน จะจัดให้มีการปฏิบัติธรรมเป็นอาจาริยบูชา ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญหรือสวนโกมกข์ กรุงเทพฯ จะจัดปฏิบัติธรรม 3 วัน 16,17,18 โดยมีอาจารย์ทรงสินและอาจารย์สมใจเป็นอาจารย์กรรมฐาน ที่จัดนี้ก็ปรารภเนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนที่คล้ายเดือนเกิดและเดือนมรณะภาพของหลวงพ่อ หลวงพ่อเกิด 12 สิงหาคมและมรณะภาพ 23 สิงหาคม เมื่อวันที่ 12 ไปปลูกป่ากันที่ภูหลง ไปกันประมาณ 250 คนได้ ทั้งพระทั้งโยม อันนี้เป็นงานที่ภูโค้ง
แต่ว่าที่กรุงเทพฯ ทุกปีหลังจากหลวงพ่อมรณะภาพ ก็มีการจัดงานในช่วงนี้ตั้งแต่ปี 58 เป็นต้นมา ปี 58 ก็จัดปฏิบัติธรรมและจัดเสวนาธรรม เน้นเรื่องคำสอนของหลวงพ่อที่ว่า“เห็น ไม่ เป็น” ปีที่แล้วก็ทำเหมือนเดิม แต่หัวข้อเปลี่ยนไปเป็น“ไม่ เป็น อะไร กับ อะไร” ปีนี้จัดยาวหน่อย 4 วัน ช่วง 3 วันเป็นการปฏิบัติธรรม ส่วนวันที่ 19 จะมีการเสวนาเรื่อง “ธรรมะ เดิน ทาง” จะเน้นประสบการณ์ของคนที่เคยเดินทางไปกับหลวงพ่อ มีเรื่องราวประทับใจ ได้ธรรมะอะไรจากหลวงพ่อบ้าง ทั้งจากปฏิปทา วัตรปฏิบัติของท่าน หรือจากคำสอนของท่านในระหว่างเดินทางต่างประเทศ ใครที่อยู่กรุงเทพ ก็เชิญได้ ช่วงวันที่ 19 มีทั้งวัน เชิญคนหลายคนมาพูดทั้งพระทั้งโยม
ส่วน 16-18 เป็นการปฏิบัติธรรมทั้งวัน ใครที่อยากจะมาเติมสติ ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับชีวิตจิตใจตัวเองก็เชิญได้ สำหรับผู้ที่อยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สวนโมกข์ กรุงเทพก็ได้ แต่คนที่อยู่กรุงเทพ ถ้าไม่มีเวลาขึ้นมาที่นี่ ก็ไปปฏิบัติธรรม ปรารภเอาช่วงนี้แหละ เพื่อเป็นอาจาริยบูชาหลวงพ่อคำเขียน ก็จะมีครูบาอาจารย์มาแสดงธรรมตอนทำวัตรเย็นด้วย เช่น พระอาจารย์ครรชิต หลวงพ่อมหาไหล ตอนทำวัตรเช้า ตื่นขึ้นมาก็มีปฏิบัติธรรมและมีการแสดงธรรมด้วยเหมือนกัน ปีนี้ก็จะทำหนังสือเล่มหนึ่งเพื่องานนี้โดยตรง ชื่อว่า“ธรรมะเดินทาง” จะรวบรวมเอาคำสอนของหลวงพ่อในระหว่างการเดินทางไปต่างประเทศ รวมทั้งประสบการณ์ของคนที่ได้เคยร่วมทางกับท่าน ก็นับว่าเป็นโชค เพราะหลวงพ่อจริง ๆ แล้วก็นับว่าเดินทางไปต่างประเทศไม่ค่อยบ่อย อาตมาก็มีโอกาสได้เดินทางไปกับท่าน 4-5 ครั้ง
ครั้งแรกประเทศอินเดียปี 34 ต่อมาก็อินโดนีเซียและบาหลีปี 36 ต่อมาฟิลิปปินส์ปี 39 และปีถัดไปปี 40 ไปอเมริกากับหลวงพ่อ ไปยาว 2 เดือนกว่า ได้ติดตามหลวงพ่อไปเป็นล่าม หลวงพ่อแสดงธรรมที่ชิคาโก เซนต์หลุยส์ และที่นิวยอร์ค วัดจวงเหยิน ไปกับหลวงพ่อก็ดี ได้ฟังธรรมที่ท่านได้สนทนากับชาวต่างประเทศ ไปแบบนี้ก็มีเวลาที่จะบันทึก จะเขียนเรื่องราวที่ได้อยู่กับหลวงพ่อ ไปอเมริกาคราวนั้นก็มีผลงานออกมา 2 เล่ม ภาษาไทยกับภาษาอังกฤษ เล่มภาษาไทยชื่อว่า“อเมริกาจาริก” เล่มภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่เรียกว่า เป็นหนังสือที่เป็นคำบรรยายและคำสนทานากัน ชื่อว่า “A spiritual trip for meditators” ก็ไม่ค่อยแพร่หลายเท่าไหร่สำหรับเล่มภาษาอังกฤษ ส่วนเล่มภาษาไทยแพร่หลายมากกว่า แต่ว่าที่จะไปแจกวันที่ 19 จะเป็นเล่มเล็กๆ อันนี้ก็ถือโอกาสประชาสัมพันธ์ไปด้วย เพราะว่าใครที่ระลึกถึงหลวงพ่อและอยากมีโอกาสฟังธรรมที่หลวงพ่อได้ถ่ายทอดโดยตรงก็ดี ผ่านศิษย์ก็ดี ก็จะได้ฟังในวันที่ 16,17,18,19
แต่ในวันที่ 18 ก็จะมีอีกงานหนึ่งไม่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ว่าเกี่ยวข้องโดยอ้อม จะมีการเปิดตัวโครงการที่ชื่อว่า“ปลูกต้นไม้ ปลูกธรรมะ” เป็นโครงการที่ส่งเสริมให้คนปลูกต้นไม้กันมากๆ ไม่ใช่แค่ปลูกในพื้นที่ป่าสงวน ป่าเสื่อมโทรม แต่ว่าปลูกในท้องไร่ท้องนา ในบ้านของตัวเองก็ได้ เรียกว่าที่ส่วนตัวชวนกันปลูกต้นไม้กันมากๆ อันนี้เป็นงานใหญ่ เพราะว่าจะทำในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ก็มีหลายหน่วยงานมาร่วมกันเป็นภาคี หอจดหมายเหตุพุทธทาส วันป่าสุคโต วันป่ามหาวัน ก็ร่วมเป็นภาคี มูลนิธิวนเกษตรของผู้ใหญ่วิบูลย์ ซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว ก็มาร่วมเป็นภาคีด้วย เป็นการเปิดตัวเพื่อที่จะทั้งระดมทุนและระดมความคิดความเห็น เพื่อที่จะช่วยกันขับเคลื่อนเรื่องการปลูกตันไม้ให้เป็นเรื่องสำคัญ
โดยเฉพาะสำหรับชาวพุทธ เพาะถือว่าปลูกตันไม้ก็เป็นการทำบุญด้วยไปในตัว และเป็นการส่งเสริมธรรมด้วย เพราะว่าป่าเกิดจากต้นไม้ และการอยู่ป่า ถ้าอยู่เป็นก็ทำให้เห็นธรรมได้ หรือว่าใช้ความสงบสงัดของป่าในการทำให้จิตสงบเป็นสมาธิ แล้วเกิดปัญญาตามมา หรือว่าใช้สติพิจารณาธรรมชาติภายในของกายและใจ ก็จะเห็นธรรมได้เหมือนกัน หรือว่าจะใช้ปัญญาพิจารณาธรรมชาติภายนอก ก็สามารถเข้าใจได้ในเรื่องของพระไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
อย่างมีพระอรหันต์บางท่าน ท่านปฏิบัติอย่างไรก็ไม่ได้ผลไม่สำเร็จ ไปพิจารณาศพ อสุภกรรมฐานก็ไม่เห็นธรรม ท้อแท้อยากจะสึก ไปทูลลาพระพุทธเจ้า จะขอสึก พระพุทธเจ้าก็แนะนำให้ลองพิจารณาดอกบัวในสระ ท่านก็พิจารณาตั้งแต่เห็นดอกบัวค่อยๆ ตูม แล้วก็บานและค่อยๆ ร่วงโรย ท่านพิจารณาไป จิตก็ค่อยๆ สงบเป็นสมาธิ และเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ชัดเจน จิตก็หลุดพ้นจากทุกข์ กลายเป็นพระอรหันต์ จากการทีได้พิจารณาดอกบัวที่แปรเปลี่ยนไป อันนี้ก็ตรงกับที่หลวงพ่อบอกว่า ธรรมะก็คือตัวธรรมชาตินี้เอง ไม่ได้นอกเหนือไปจากธรรมชาติที่ไหน คนเราสามารถจะบรรลุธรรมได้จากการที่สังเกตธรรมชาติ เพราะฉะนั้นถ้าเราหมั่นพิจารณาธรรมชาติ ก็จะเห็นธรรม แต่เดี๋ยวนี้ธรรมชาติก็ไม่ค่อยเหลือให้พิจาณาแล้ว เพราะว่าป่าค่อยๆ หดหายไป ต้องช่วยกันปลูกให้มากขึ้น ให้เป็นที่สงบสงัด โครงการนี้จะทำเป็นสถานปฏิบัติธรรมที่สงบสงัดเพื่อการภาวนาด้วย จะใช้เนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ ก็ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยสำหรับพื้นที่ติดเมือง