แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เคยมีคนถามหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง ถามว่า ได้ข่าวว่าหลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ ก็อยากจะรู้ว่าพระอรหันต์เหาะได้บินได้หรือเปล่า คนเราอยากรู้ หลวงพ่อตอบว่า เรื่องเหาะเรื่องบินมันสำคัญที่ไหน แม้แต่แมงกุดจี่มันก็บินได้ ไม่ต้องเป็นพระอรหันต์หรอก แค่แมงกุดจี่ อยากบินก็ไปเป็นแมงกุดจี่ ไม่ต้องเป็นคน
อีกคนหนึ่งเป็นครู ก็ไปถามหลวงพ่อชา เรื่องเหาะเหินเดินอากาศได้เช่นกัน ก็ซักไซ้ว่าพระในสมัยพุทธกาล พระอรหันต์ ท่านได้ทราบว่าเหาะเหินเดินอากาศได้จริงไหม ทำได้อย่างไร หลวงพ่อชาก็บอกว่า อย่าไปสนใจเรื่องไกลตัวเลย สนใจเรื่องเสี้ยนที่ตำฝ่าเท้าเราดีกว่า นี่น่าสนใจกว่า เรื่องใกล้ตัว เรื่องมีเสี้ยนตำเท้านี้มันเป็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเราอยู่ทุกขณะอยู่แล้ว อาจจะไม่ได้ตำเท้าแต่มันตำใจ และก็ตำอยู่เรื่อยไป แทนที่จะสนใจว่าทำอย่างไรถึงจะเอาเสี้ยนออกจากเท้า เอาทุกข์ออกจากใจ กลับไปสนใจเรื่องเหาะเหินเดินอากาศ เรื่องไกลตัว และคนก็ไปสนใจเรื่องพวกนี้มาก อิทธิปาฎิหาริย์ บางทีไม่ได้แค่สนใจ แต่หวังพึ่งพาอาศัย คิดว่าจะปกป้องอันตรายได้ ก็หวัง แต่ว่าสิ่งนี้ จะหาสิ่งที่เป็นวัตถุมงคลมาช่วยปกปักษ์รักษาให้ปลอดภัย ไม่คิดถึงอย่างอื่นเลย
มีหนุ่มคนหนึ่งมากราบหลวงพ่อ แล้วบอกว่าจะไปเกณฑ์ทหาร อยากได้พระเครื่องดีดีสักหน่อย เอาไปติดตัวจะได้ปลอดภัย หลวงพ่อบอก “ได้” แล้วก็ชี้ไปที่พระประธานแบกไปเลย เวลามียิงกันก็แบกไปด้วย คือหลวงพ่อท่านไม่ได้ทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ถ้าอยากได้พระ ก็เอาไปเลยพระเครื่อง เอาพระที่เป็นพระประธานนั่น มีโยมอยู่คนหนึ่งไปหาหลวงพ่อ ถามหลวงพ่อว่ามีน้ำมนต์ที่จะเป่า ที่จะช่วยทำให้หายเจ็บหายปวดได้ไหม หลวงพ่อบอกว่าไม่มีหรอก แต่ถ้ามีก็เอามาด้วย เพราะว่าหลวงพ่อก็ปวดเท้าเหมือนกัน มาช่วยเป่าให้หลวงพ่อบ้าง
คือ หลวงพ่อท่านนอกจากจะไม่อวดความพิเศษมหัศจรรย์ อวดว่ามีความสามารถที่จะทำสิ่งแปลกๆ ได้ ที่เรียกว่าอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ แต่ท่านก็ยังพยายามให้คนมาสนใจเรื่องใกล้ตัว สิ่งที่ใกล้ตัวคนเราคือความทุกข์นั่นแหละ เราทุกคนมีความทุกข์อยู่ทั้งนั้น ทุกข์กายไม่เท่าไหร่ ทุกข์ใจนี่สำคัญกว่า ทุกข์กายเดี่ยวนี้ก็มียารักษาบรรเทาเบาบางได้ ร้อนก็มีพัดลม มีเครื่องปรับอากาศ เจ็บก็มียาบรรเทาปวด แต่ว่าความทุกข์ใจ มันเป็นของที่เกิดขึ้นกับผู้คน ไม่ว่ารวยหรือจน แต่ว่าก็ไม่ค่อยคิดจะหาทางเยียวยารักษากันเท่าไหร่ ไปสนใจเรื่องที่ไกลตัว เพราะว่ามันน่าสนใจอยากรู้ อิทธิปาฏิหาริย์ เหาะเหินเดินอากาศ ดำดินบินบนได้ แล้วก็สนใจไปสนใจมา ก็ไปหวังพึ่ง หวังพึ่งว่ามันจะช่วยทำให้หายทุกข์ได้ มีฤทธิ์แค่ไหนก็ไม่ทำให้หายทุกข์ ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ และฤทธิ์มันก็ไม่ช่วยทำให้กิเลสลดน้อยถอยลงด้วย อาจจะทำให้มีมากขึ้นก็ได้
อย่างพระเทวทัต ก็มีอิทธิปาฏิหาริย์ มีอภิญญา สามารถจะทำให้พระเจ้าอชาตศัตรู เกิดศรัทธาได้ ตอนหลังพระเทวทัตก็ชวนพระอชาตศัตรู ยึดอำนาจจากพระเจ้าพิมพิสารซึ่งเป็นพ่อ แทนที่จะชวนให้ทำดีกลับชักนำให้ทำชั่ว เนรคุณพ่อ จับพ่อไปขัง พ่อถูกขัง พ่อก็ไม่ได้ทุกข์อะไร พระเจ้าพิมพิสาร เพราะว่าเป็นพระโสดาบันแล้ว คุกนี่ขังได้แต่กาย แต่ใจท่านเป็นปกติ อยู่ในคุกก็เดินจงกรม แต่ลูกนี่ไม่พอใจ เห็นพ่อสบายไป เดินจงกรม ก็อยากจะเห็นพ่อลำบาก อยากจะเห็นพ่อทุกข์ทรมาน เลยเอามีดกรีดเท้าพ่อจะได้เดินจงกรมไม่ได้ นี่คิดร้ายกับพ่อขนาดนี้ ตอนหลังก็ไม่ให้พ่อกินอาหาร ส่วนแม่เวลาไปเยี่ยมพ่อ ก็เอาอาหารติดตัวไปด้วย ซ่อนไว้ในเสื้อผ้า ลูกคืออชาตศัตรูก็ให้ค้นตัวแม่ ไม่ให้มีอาหารซุกซ่อน อยากจะให้พ่อค่อยๆ ตาย ตายเพราะขาดอาหาร นี่บาปมากเลยนะ อันนี้ก็เพราะฝีมือการชักนำของพระเทวทัต แล้วตอนหลังพระเทวทัตก็ไม่ได้ตายดี ก็ถูกธรณีสูบ เพราะว่าคิดร้ายต่อพระพุทธเจ้า
พระเทวทัตนี้มีอิทธิปาฏิหาริย์ มีความสามารถเหนือมนุษย์ แต่ว่าไม่ได้ช่วยให้กิเลสลดลง ก็เลยทำสิ่งที่เลวร้าย แต่ก่อนที่จะทำสิ่งที่เลวร้ายกับคนอื่น ก็ทำร้ายตัวเองไปแล้ว สร้างบาปให้กับตัวเอง พระพุทธเจ้าตรัสว่า “คนชั่วย่อมทำร้ายตัวเองก่อนที่จะไปทำร้ายคนอื่น” ไม่ต้องคนชั่วก็ได้ คนที่เผลอตัวลืมตัว แล้วก็ปล่อยให้ความโกรธเข้ามาครอบงำใจ ก่อนที่เขาจะด่าคนนั้นคนนี้ให้เจ็บปวด เขาเองเจ็บปวดแล้ว เจ็บปวดก่อนแล้ว เจ็บปวดเพราะความโกรธ ความโกรธจะเผาใจเขา และยิ่งมีความแค้นความพยาบาท ถึงแม้จะไปแช่งชักหักกระดูกใคร ก็ไม่มีความหมาย เพราะว่าตัวเองเป็นทุกข์เสียแล้ว
ความทุกข์เหล่านี้เป็นของจริง เป็นของจริง ไม่ว่าจะเป็นพระราชามหากษัตริย์จนถึงยาจกเข็ญใจ ก็มีความทุกข์อย่างนี้ทั้งนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่ามีเงินแค่ไหน เคยเล่าไปแล้วว่า ทำไมคนรวยถึงมีความทุกข์ ทำไมเศรษฐีเงินล้านถึงมีความทุกข์ จะไว้ใจใครก็ไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้เขามาประจบประแจงสอพลอหรือเปล่า แต่ขณะเดียวกัน นอกจากคนประจบสอพลอก็มีคนอิจฉา คนมุ่งร้าย คิดหาประโยชน์ ฉวยโอกาสก็ฟ้อง เรียกค่าเสียหาย ค่าชดเชย มีคนจ้องจะเอาเปรียบ จ้องจะเล่นงานตลอดเวลา หรือไม่ก็จ้องจะด่าเพราะอิจฉา แล้วก็ยังทุกข์เพราะว่าเห็นคนอื่นเขารวยกว่า ก็อยากจะเป็นอย่างนั้นบ้าง เห็นคนอื่นเขาใช้ของราคาแพงกว่า เรามีเราใช้นาฬิกาเรือนละ 5 แสน แต่ว่าเห็นคนอื่นเขาใช้นาฬิกาเรือนละ 2 ล้านหรือ 5 ล้าน ก็อยากได้บ้าง ที่มีอยู่ 5 แสนนาฬิกาเรือนหนึ่ง มันกลายเป็นสิ่งที่น่าอับอายไปแล้ว อยากจะได้นาฬิกา 5 ล้านก็ต้องไปดิ้นรนขวนขวายมา ไม่มีความสุขเสียที รู้สึกพร่องตลอดเวลา และคนที่มีอิทธิปาฏิหาริย์ หรือว่าร่ำรวย มั่งมี มียศศักดิ์อำนาจ พวกนี้ก็ยังมีความทุกข์อยู่
เพราะฉะนั้นอย่าไปคิดตะเกียกตะกายหามันเลย สนใจแต่ว่าจะทำความทุกข์ให้หมดไปได้อย่างไร อันนี้มันก็ไม่ต้องไปหาที่ไหน ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็บอกไว้แล้วว่า อย่าไปเอาภูเขา ป่าไม้ เจดีย์เป็นสรณะ เอาพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์เป็นสรณะ และเป็นสรณะไม่ได้หมายความว่า กราบไหว้บูชา แต่ต้องน้อมเข้ามาใส่ตัว ประพฤติปฏิบัติให้พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ เกิดขึ้นในใจของเจ้าของ อันนี้แหละถึงจะช่วยทำให้พ้นทุกข์ได้ เรื่องอิทธิฤทธิ์ทำให้เสกโน่นเสกนี่ก็เหมือนกัน มันไม่ได้ทำให้ความทุกข์ของคนเราน้อยลงเลย กลับทำให้ทุกข์มากขึ้น เพราะเกิดความหลงตัวลืมตน เกิดมานะ เกิดตัณหา เกิดทิฐิมากขึ้น พระเทวทัตก็เป็นตัวอย่าง พอมีฤทธิ์มากก็เกิดความหลงตัวลืมตน อยากจะเป็นใหญ่แทนพระพุทธเจ้า พอพระพุทธเจ้าไม่ยอมเปิดทางให้ ก็หาทางคิดร้ายทำลาย เรียกว่าทำอนันตริยกรรมเลย ต้องตกนรกไปในหลายภพหลายชาติเลยทีเดียว กลายเป็นว่าอิทธิฤทธิ์ที่มีชักนำให้ทำในสิ่งที่เป็นความเสื่อม เป็นอบาย
ดังนั้นจึงควรหันมาทำเรื่องที่ใกล้ตัวดีกว่า หันมาสนใจเรื่องใกล้ตัว นั่นก็คือ เรื่องของความทุกข์ในใจเรานี่แหละ ทำอย่างไรถึงจะให้ใจเราปล่อยวางความทุกข์ที่แบกเอาไว้ รู้หรือเปล่าที่ทุกข์เพราะแบก ไม่ใช่เพราะคนอื่น ไม่ใช่เพราะคนอื่นทำให้ แต่เป็นเพราะใจที่มันแบก ยึดไม่รู้จักปล่อย ไม่รู้จักวาง ใจที่ชอบคิดลบ คิดร้าย ใจที่ชอบอิจฉาพยาบาท เป็นใจที่ไม่ได้ฝึก ไม่ได้ฝนให้อ่อนโยน ให้นุ่มนวล อันนี้มันทำง่าย ดีกว่าไปเสียเวลาบำเพ็ญ บำเพ็ญทางจิตเพื่อให้มีฤทธิ์ ให้มีอิทธิปาฏิหาริย์ การเหาะเหินเดินอากาศได้นี่ เดี๋ยวนี้มันง่ายมากแล้ว ไม่ต้องบินหรอก นั่งเครื่องบินก็ได้
สมัยพระพุทธกาลมัน มีฤๅษีคนหนึ่งอวดคุยโม้ว่า สามารถที่จะเหาะข้ามฟากได้ จากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งก็เหาะเอา พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย ก็แค่จ้างคนพายเรือข้ามฝาก แค่นี้ก็จบแล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาเป็นปีๆ เพื่อที่จะฝึกให้เหาะเหินเดินอากาศได้ แค่มีเรือสักลำหรือแค่มีเงินสักแค่ 50 สตางค์ ก็สามารถจะพายเรือข้ามฝากหรือจ้างคนข้ามฟากได้แล้ว เอาเวลาที่มีอยู่ มาใช้เพื่อการดับทุกข์ในใจดีกว่า ดีกว่าทำอะไรที่มันประหลาดมหัศจรรย์อะไรได้