แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
หลายปีมานี้ ที่ประเทศฝรั่งเขารณรงค์ให้พ่อแม่พาเด็กไปเล่นขี้ดินบ้าง พาเด็กไปคลุกฝุ่นบ้าง ที่จริงธรรมชาติของเด็กชอบเล่นดินเล่นฝุ่นอยู่แล้ว แต่ว่าระยะหลังพ่อแม่กลัวว่าเด็กจะติดเชื้อโรค เพราะว่าในดินมันก็มีเชื้อโรค คนสมัยนี้กลัวเชื้อโรคมาก เรียกว่าอนามัยจัด เพราะฉะนั้นเมื่อมีลูกก็ไม่อยากให้ลูกไปเล่นดิน เล่นน้ำคลอง กลัวเชื้อโรคมันจะเข้าตัว แต่เดี๋ยวนี้เขาพบว่าเชื้อโรคนี้เจอบ้างก็ดี เพราะว่ามันทำให้เกิดภูมิคุ้มกันในร่างกาย ยิ่งถ้าเจอตั้งแต่เด็ก มันจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันไปจนถึงตอนโตเลย
เพราะฉะนั้นตอนนี้เลยรณรงค์ ให้พ่อแม่เด็กเวลาพาลูกหลานไปเที่ยวตามสวนสาธารณะ ก็ปล่อยให้เด็กเขาเล่นดินคลุกฝุ่น หรือว่าเด็กอยู่ในบ้านเขาอยากจะแตะนู่นแตะนี่ นี่หมายถึงเด็กทารกเพราะธรรมชาติของเด็กทารกเขาอยากแตะ แตะเสร็จบางทีก็ใช้ปากสำรวจสิ่งต่างๆ กระดาษบ้าง ผ้าห่มบ้าง ช้อนบ้าง พ่อแม่รุ่นใหม่ที่อนามัยจัดก็ไม่อยากให้เด็กทำอย่างนั้นเพราะกลัวเชื้อโรค แต่ค้นพบว่าการทำแบบนั้นดี ไม่ว่าจะเป็นเด็กทารกหรือเด็กที่ตัวเล็กๆ สาม สี่ ห้า ขวบ เขาถึงบอกว่าต้องสร้างนิสัยให้เด็กไปคลุกฝุ่นบ้าง กล้าที่จะยอมเปรอะเปื้อนบ้าง พ่อแม่ก็ไม่ต้องทำอะไรมาก เวลาพาเด็กไปเที่ยวที่ไหน เที่ยวสวนสาธารณะ เที่ยวทะเล ให้เด็กเขาสนุกสนานไปตามเรื่องของเขา เสร็จแล้วพอเลิกก็อาจจะเตรียมเอาน้ำมาเช็ดมือเช็ดปาก เอาผ้ามาเช็ดปากอะไรก็ว่าไป แต่ให้เด็กได้สัมผัสเสียก่อน อันนี้รวมถึงว่าเวลาหมามันจะเลียหน้าก็ให้มันเลีย ฝรั่งเขาเลี้ยงหมาเยอะในบ้าน ถ้าหมาฉีดยาแล้วไม่เป็นโรคอะไรก็ให้เลียไปเถอะ เลียนี่มันดี เลียตามเนื้อตามตัว หรือแม้เวลามีหมาอยู่ใกล้ๆ เพราะว่ามันทำให้เด็กเป็นโรคหอบหืดและโรคแพ้ต่างๆ น้อยลง คือน้ำลายของหมาหรือว่าอะไรสักอย่างของหมา รวมทั้งเชื้อที่อยู่ตามตัวมันจะส่งผลดีกับเด็ก ทีนี้เพราะถ้ามีเชื้อต่างๆ ในร่างกายมันก็จะทำให้ลดปัญหาเจ็บป่วย เพราะโรคหืดหอบหรือโรคแพ้นู่นแพ้นี่ สังเกตว่าเด็กแพ้นู่นแพ้นี่เป็นประจำ
ในเมืองไทยเด็กเป็นโรคมือเท้าปากเยอะ ต้องปิดโรงเรียนเพราะเด็กไม่มีภูมิคุ้มกันเลย อันนี้ก็เป็นโรคแพ้อย่างหนึ่ง ผู้ใหญ่ก็เหมือนกันแพ้เยอะ โดยเฉพาะโรคหอบหืด เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันตั้งแต่เด็ก อันนี้เขาสอนว่า หมาจะเลียหน้า เลียเนื้อตัวก็ปล่อยให้เลีย แล้วก็แนะนำให้อย่าไปใช้ยาที่กำจัดเชื้อมากเกินไป โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ เดี๋ยวนี้คนกินยาปฏิชีวนะเยอะมาก บางทีเป็นหวัดก็กินยาปฏิชีวนะทั้งที่ไม่เกี่ยวเลย หวัดมันเกิดจากเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะเอาไว้ใช้รักษาพวกแบคทีเรีย พวกเห็ด พวกรานี้ ยาปฏิชีวนะก็ยังไม่ได้ดีเท่ากับเชื้อแบคทีเรีย นี่เพราะกินยาปฏิชีวนะมันก็ไปฆ่าเชื้อทั้งเชื้อดีและเชื้อเลว เชื้อเลวที่ป่วยก็ตาย เชื้อดีที่อยู่ในร่างกายเราก็ตาย เชื้อดีนี่มันอยู่ในกระเพาะเราก็เยอะ พอกินยาปฏิชีวนะไปเชื้อดีก็ตาย พอเชื้อดีตายก็กลายเป็นโรคนั้นโรคนี้ เช่น หอบหืด โรคแพ้ แม้แต่โรคอ้วนหรือว่าโรคเบาหวาน เพราะว่ามันก็เกี่ยวพันในการที่กินยาปฏิชีวนะมากไป มันเลยไปทำลายเชื้อดีในตัวเรา
เชื้อดีนี้มันมีมากกว่าเชื้อเลวในร่างกายเรา เดี๋ยวนี้เขาก็พบว่ามันมีประโยชน์เยอะเลย มันส่งผลต่อแม้กระทั่งการทำงานของสมองในร่างกายเรา มีผลต่ออารมณ์ของเราด้วย ไม่ใช่แต่เฉพาะช่วยย่อยอาหาร เขาก็เลยแนะนำว่านอกจากกินยาปฏิชีวนะให้น้อยลงหรือกินเท่าที่จำเป็นแล้ว ควรกินของหมักดองด้วย ของหมักดองนี้กินเข้าไปเถอะเพราะมันไม่ใช่อาหารของเราอย่างเดียว แต่มันเป็นอาหารของพวกเชื้อในกระเพาะในลำไส้ด้วย เชื้อพวกนี้พอมีอาหารก็จะเติบโตช่วยทำให้สุขภาพเราดี สมัยนี้เชื้อในกระเพาะมีน้อยก็เลยต้องเติมเข้าไป เรากินยา กินโยเกิร์ต กินยาคูลท์ กินบีทาเก้น ก็คือการเติมเชื้อเข้าไปในกระเพาะของเราเพื่อให้มันทำงาน เชื้อบางตัวมันก็ทำหน้าที่ที่ร่างกายของเราทำไม่ได้ เช่นการย่อยพวกแลคโตส ซึ่งร่างกายของเราไม่มีความสามารถ แลคโทสนี้มาจากนม ทีนี้กินเข้าไปแล้วถ้าไม่มีเชื้อพวกนี้ย่อยเพื่อจะให้เกิดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เราก็จะไม่ได้อะไรเลย และสารอาหารบางอย่างที่ร่างกายเราผลิตไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถจะได้จากอาหารธรรมดาได้ จะได้ก็จากแบคทีเรียนี่แหละ ที่มันทำงานตามปกติของมัน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้ก็เริ่มมีการเติมเชื้อเข้าไปในร่างกายเรา ทางอาหารบ้าง หรือจากอาหารหมักดอง หรือพวกบีทาเก้น ยาคูลท์ โยเกิร์ต
อันนี้คนโบราณเขารู้มานานแล้ว เขาเลยกินอาหารพวกนี้เพื่อเติมเชื้อเข้าไปในร่างกายเรา เดี๋ยวนี้มีอาการเจ็บป่วยบางอย่าง เจ็บป่วยเพราะขาดเชื้อ เขาก็แก้ด้วยการเติมเชื้อเข้าไปทางทวารหนัก เพื่อให้มันเข้าไปในลำไส้ใหญ่ เติมเชื้อเข้าไปคล้ายๆ เป็นดีท็อกซ์ แต่แทนที่จะเติมน้ำอย่างเดียวก็ผสมพวกเชื้อเข้าไปด้วย พอเชื้อมันเข้าไปในทวาร เข้าไปในลำไส้ใหญ่ มันก็ทำงานก็ช่วยทำให้สุขภาพดีขึ้น อันนี้ก็เป็นประโยชน์สำหรับคนที่กลัวเชื้อโรค อนามัยจัด เดี๋ยวนี้มันมีพวกผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทานู่นทานี่ เพื่อใช้กำจัดเชื้อโรคตามผิวหนังตามมือตามเท้าตามลำตัว หรือว่ากำจัดเชื้อตามโต๊ะตามเก้าอี้ ใช้พอประมาณก็ดี แต่ใช้มากไปผลเสียเกิดขึ้นกับร่างกายเรา แม้แต่ใช้กับลูกเราก็ต้องใช้ด้วยความระวัง พวกน้ำยาที่ทำความสะอาดมือนี้ บางทีเด็กเขาไปเล่นคลุกฝุ่นไม่ทันไรเลย ก็ล้างน้ำล้างมือแล้วก็เอาน้ำยาเช็ดมืออีก พวกนี้มันทำให้เชื้อที่มันควรจะเข้าสู่ร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันถูกทำลาย ถูกฆ่าไป เสียทั้งเงินเพื่อซื้อยาหรือว่าซื้อครีมฆ่าเชื้อมา แถมยังเป็นโทษแก่ร่างกายเราในระยะยาวด้วย อันนี้ก็เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากที่คนเรานี้อนามัยจัดมานานแล้ว
ที่จริงก่อนที่คนเราจะอนามัยจัดนี่ สมัยก่อนสักสามสี่ร้อยปีมานี้มันตรงข้าม มีความเชื่อในหมู่คนฝรั่งว่าอาบน้ำนี่ไม่ดี อาบน้ำทำให้เป็นโรคง่าย เพราะว่าฝุ่นที่มันอุดตันตามผิวหนังมันหลุดไปแล้ว เชื้อโรคจะเข้าทางรูขุมขน เช่น พวกกาฬโรค ซึ่งฝรั่งกลัวมาก ตายกันเป็นเบือเลย หนึ่งในสามของทวีป ก็เลยมีความเชื่อว่าอย่าอาบน้ำ กษัตริย์อย่างหลุยส์ที่ ๑๔ หรือว่าอลิซาเบธของอังกฤษ ทั้งชีวิตนี้อาบน้ำคงไม่เกิน ๑๐ ครั้ง เรียกว่าใส่เสื้อนี้ไม่ต้องอาบน้ำแค่เอาผ้าเช็ดตัวไม่ใช่ชุบน้ำด้วย ถ้ามีกลิ่นเหม็นก็ใช้น้ำหอม น้ำหอมนี้มันมาจากฝรั่งก็เพราะว่าเขามีค่านิยมไม่อาบน้ำกัน เมื่อส่งกลิ่นก็เลยต้องดับกลิ่นด้วยน้ำหอม อันนี้โลกมันก็สวิงกลับจากเดิมที่สกปรกมาก ก็กลายเป็นสะอาดมาก สะอาดเกินไป สะอาดมากก็ไม่ดี ความสะอาดนี้ก็มีประโยชน์แต่ถ้าไปยึดติดถือมั่นมากก็เป็นโทษ เหมือนหญ้าคาจับไม่ดีก็บาดนิ้ว คราวนี้เขาก็เลยว่าให้สะอาดบ้างแต่อย่าสะอาดมากเกินไป ให้เจอฝุ่นบ้างให้เจอเชื้อโรคบ้าง
เชื้อโรคมันเป็นประโยชน์ต่อกาย ความทุกข์ก็เหมือนกัน เราเจอบ้างก็ดี มีลูกมีหลานอย่าให้เด็กเขาสบายเกินไป ให้เจอความลำบากบ้าง ความลำบากนี้แหละมันจะไปสร้างภูมิคุ้มกันในใจเด็ก ให้เด็กเป็นทุกข์น้อยลง เจอความยากลำบากแล้ว เด็กก็ไม่ทุกข์ เด็กมีความสุขอยู่ได้ให้เด็กเจอความผิดหวังบ้าง เด็กจะได้มีภูมิคุ้มกันความผิดหวัง เวลาผิดหวังเรื่องแฟนก็จะได้ไม่เป็นบ้าเป็นหลัง ไม่คลุ้มคลั่ง เด็กหลายคนชีวิตมันราบรื่นมาตลอด ประสบความสำเร็จมาตลอด อยากได้อะไรก็ได้สมหวัง ทั้งของเล่นแถมเรียนเก่งด้วย ไม่เคยรู้จักความผิดหวัง พอแฟนทิ้งหรือพ่อแม่กีดกันไม่ให้คบกับผู้หญิงคบกับแฟน หรือว่าอกหัก ก็คุ้มคลั่ง บางทีฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็ไปฆ่าคนอื่นตาย ไปฆ่าแฟนบ้าง ไปฆ่าพ่อแม่ของผู้หญิงบ้างที่กีดกั้นความรัก อันนี้เพราะไม่มีภูมิคุ้มกันความผิดหวัง เพราะฉะนั้นมีบ้างก็ดี เจอตั้งแต่เด็กอย่าให้เขาได้ทุกอย่างที่เขาต้องการ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่สมควรหรือเรื่องที่เร็วเกินไป ความผิดหวังมีประโยชน์สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ด้วยเหมือนกัน