แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อสักสามสิบปีก่อน ตอนที่คอมพิวเตอร์ที่เริ่มจะแพร่หลายมากขึ้นเพราะว่าขนาดเล็กแล้วราคาถูกลง คนทึ่งในความสามารถคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในเรื่องการคำนวณ แล้วยังทำได้ตั้งหลายอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่คอมพิวเตอร์ทำไม่ได้ตอนนั้นคือการจำหน้าคน หมายความว่าถ้าเราถ่ายรูปคนในอากัปกิริยาในอิริยาบถต่างกัน เช่น ดีใจ หรือ เสียใจ คอมพิวเตอร์บอกไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกัน หรือคนเดียวกันแต่โกนหนวดหรือเติมหนวดหรือใส่หมวกหรือใส่แว่น หรือที่ภาพที่ถ่ายตอนอายุยี่สิบปีกับตอนสี่สิบปีซึ่งก็ไม่ได้เหมือนกันเลยสักทีเดียว คอมพิวเตอร์บอกไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกัน มันงงเลย
แต่คนเราสามารถที่จะจำหน้าคนได้ไม่ว่าจะเจอกันในรูปลักษณ์ใดก็ตาม เช่นเคยเจอกันเมื่อสามสิบปีที่แล้ว เจอกันตอนที่ยังเป็นเด็กวัยรุ่นตอนนี้กลางคนแล้วก็ยังจำได้ว่าเป็นคนเดียวกัน หรือจะเติมหนวดใส่เคราอย่างไร หรือโกนผมคนก็จำได้ สิ่งนี้เป็นความสามารถพิเศษของมนุษย์เรา สัตว์ก็เหมือนกันมันจำได้โดยเฉพาะพวกหมา คอมพิวเตอร์ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ทำได้แล้วหลังจากที่ทำอะไรต่ออะไรที่มากมายหลายอย่าง อย่างเช่นเมื่อเร็วๆนี้ เมืองจีนสามารถจับผู้ร้ายได้ ผู้ร้ายที่หนีคดี แล้วเขาใช้คอมพิวเตอร์คอยสแกนคนตามที่ต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สแกนไปเจอคนที่หนีคดีมันจำได้ แม้ว่าภาพถ่ายของคนที่หนีคดีถ่ายหน้าตรง แล้วมันก็มาสแกนเจอตอนที่อาจจะเปลี่ยนรูปหน้าตาไปบ้าง แต่คอมพิวเตอร์จำได้ระบุได้ว่าคนเดียวกัน
เดี๋ยวนี้ร้านค้าในอังกฤษเขาใช้คอมพิวเตอร์จับหาคนที่มีประวัติลักของ พวกที่ลักของในห้างต้องมาอยู่เรื่อยๆ ใช้คอมพิวเตอร์สแกนคนที่มาห้างแล้วสามารถที่จะจับได้ว่าคนนี้เคยขโมยของเมื่อเดือนที่แล้วหรืออาจจะปีที่แล้วก็ได้ แบบนี้ไม่ใช่คอมพิวเตอร์ธรรมดา เขาเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) คือมันสามารถที่จะเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ให้ข้อมูลมากๆ มันก็จะเรียนรู้ได้ สิ่งนี้เรียกว่าน่าทึ่งแล้ว ที่น่าทึ่งยิ่งกว่านี้คือ คอมพิวเตอร์ทำสิ่งที่เก่งกว่ามนุษย์ในเรื่องการระบุว่า คนคนหนึ่งจะเป็นเกย์ เป็นโฮโม หรือเป็นคนธรรมดา โดยดูจากภาพถ่าย คนธรรมดาถ้าเราเห็นภาพถ่ายหรือเห็นหน้าคนเราบอกไม่ได้ว่าคนนี้เป็นเกย์ เป็นโฮโม หรือเป็นคนทั่วๆไป แต่เขาทดลองแล้วพบว่า AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์บอกได้
เขาทดลอง เช่นเอาหน้าคนโดยสมมติมีภาพถ่ายสองคนแล้วคนหนึ่งเป็นคนธรรมดา คนธรรมดาหมายความว่าเป็นสเตรท (Straight) สเตรทแปลว่าคนที่ชอบเพศตรงข้าม อีกคนเป็นเกย์ คอมพิวเตอร์บอกได้เลยความถูกต้องประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ ว่าคนนี้เป็นเกย์ คนธรรมดาทำนายหรือระบุก็ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์ คือพอๆกับทายเหรียญหัวก้อยซึ่งก็ไม่ได้สูงเท่าไร การที่ทายถูกได้หกสิบเปอร์เซ็นต์ถือว่าฟลุ๊คเป็นเรื่องความฟลุ๊คมาก แต่แปดสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ฟลุ๊คแล้ว เห็นรูปถ่ายบอกได้เลยว่าคนนี้เป็นเกย์หรือเป็นคนที่รักเพศตรงข้าม และยิ่งถ้าเอารูปถ่ายมีจำนวนมากขึ้น เช่นรูปถ่ายห้าใบแล้วให้เลือกว่าคนไหนเป็นคนรักร่วมเพศ คนไหนเป็นคนรักเพศตรงข้าม คอมพิวเตอร์ทายถูกเก้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย เพราะว่ามันสังเกตละเอียดมาก เพราะคนที่เป็นเกย์กับคนที่เป็นผู้ชายที่รักเพศตรงข้าม จะมีลักษณะใบหน้าหรือจมูกหรือคางหรืออะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับใบหน้าที่ไม่เหมือนคนทั่วไป แตกต่างนิดหน่อยซึ่งคนธรรมดาไม่สังเกต คนธรรมดามองไม่เห็น
แต่คอมพิวเตอร์หลังจากที่ให้ข้อมูลกับมันว่า คนที่หน้าตาแบบคนนี้เป็นเกย์ ให้ภาพถ่ายคนที่เป็นเกย์ประมาณสักสามสี่พันคน กับภาพถ่ายของคนที่เป็นคนที่รักเพศตรงข้ามสามสี่พันคนให้มัน ป้อนข้อมูลพื้นฐานให้มัน มันจะเริ่มสังเกตความแตกต่างระหว่างคนที่เป็นเกย์กับคนที่รักเพศตรงข้าม คราวนี้พอให้ภาพถ่ายของคนที่ไม่ได้บอกว่าเป็นเกย์หรือคนที่รักเพศตรงข้ามสองภาพ มันจะทายถูกประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ อย่างนี้แสดงว่ามันเก่งเกินกว่ามนุษย์แล้ว มนุษย์ทำได้แค่หกสิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นแค่ฟลุ๊คเหมือนกับทายเหรียญหัวก้อย คนเราเวลาทายเหรียญหัวก้อยอย่างน้อยต้องทายถูกห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้าเราหัวตลอดอย่างน้อยต้องห้าสิบเปอร์เซ็นต์โอกาสจะถูก
เดี๋ยวนี้ปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถที่จะบอกได้ว่า ใครเป็นโรคที่เกี่ยวกับพันธุกรรมบางชนิด สามารถที่จะบอกได้จากภาพถ่าย หรือสแกนหน้าจะบอกได้บางโรค สามารถจะบอกได้แม้กระทั่งไอคิว สแกนหน้าบอกไอคิวได้เกือบจะถูกต้อง ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่เราไม่เคยคาดฝันว่าคอมพิวเตอร์จะมีความสามารถในด้านนี้เก่งกว่ามนุษย์ เรียกว่าเหนือมนุษย์ และต่อไปคงจะทำอะไรได้อีกมากมาย ในเรื่องที่เราคิดว่าคอมพิวเตอร์ทำไม่ได้มีแต่มนุษย์ทำได้ สิ่งนี้เป็นเรื่องความก้าวหน้าของวิทยาการซึ่งเกินจินตนาการคนเรา
ความสามารถของคนเรามีสามอย่าง พูดแบบรวมๆ พูดภาษาฝรั่งคือ Head , Hand , Heart อย่างแรก Head คือหัว คือสมอง เป็นความรู้ในเรื่องต่างๆ เรื่องทางโลก เรื่องกฎหมาย ศิลปะ วรรณคดี วิทยาศาสตร์ กายวิภาค เป็นเรื่องความรู้ อีกอย่างคือ Hand คือทักษะ คนทุกอาชีพต้องมีทั้ง Head และ Hand หมอต้องรู้ในเรื่องกายวิภาคดี แล้วก็ Hand คือทักษะต้องแม่นยำ คือแม่นยำในการผ่า แม่นยำในการฉีดยา สิ่งนี้เป็นเรื่องของศิลปะ เขาเรียกว่างานของหมอต้องเรียกเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่แค่ศาสตร์อย่างเดียว ส่วน Heart คือจิตใจ คืออารมณ์ ตอนนี้ในเรื่องของ Head กับ Hand คอมพิวเตอร์เลยหน้ามนุษย์ไปแล้ว หรือกำลังจะเลยมนุษย์ไปแล้ว สามารถจะทำแทนกันได้ เช่นเรื่องหัวเรื่องสมอง คอมพิวเตอร์ตอนนี้สามารถจะวินิจฉัยโรคได้แม่นยำมาก ถ้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย ความดัน ระดับเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด สารเคมีในร่างกาย มันสามารถจะวินิจฉัยได้แม่นยำกว่าหมอ
เดี๋ยวนี้จะให้คอมพิวเตอร์ คือ Artificial Intelligence หรือปัญญาประดิษฐ์ เขียนสำนวนสำหรับคนที่เป็นทนายความก็ทำได้ จะให้แต่งเพลงที่ไพเราะป๊อปปูล่าอย่างไร เดี๋ยวนี้คอมพิวเตอร์ก็ทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ Head ส่วน Hand เดี๋ยวนี้คอมพิวเตอร์ใช้ในการผ่าตัดแล้ว ผ่าตัดเส้นเลือดที่ละเอียดเล็กๆได้แม่นยำมาก ผ่าตัดหัวใจก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วบางอย่างก็เกินมนุษย์ไปแล้ว แต่สิ่งที่มันเป็นความสามารถของมนุษย์คือ Head กับ Hand ตอนนี้คอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็น Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์) หรือ Robot โรบอทคือหุ่นยนต์ ตอนนี้กำลังจะล้ำหน้ามนุษย์ไปแล้ว ต่อไปก็ทำแทนมนุษย์ได้ การงานต่างๆไม่ต้องให้คนทำแล้ว ให้คอมพิวเตอร์ทำ ให้ปัญญาประดิษฐ์ทำ ให้โรบอททำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่คอมพิวเตอร์คงจะทำเกินมนุษย์ไม่ได้ คือเรื่องของจิตใจ
คอมพิวเตอร์อาจจะทายหน้าอาจจะดูหน้าคนแล้วก็ทายได้ว่ามีโรคอะไร ไอคิวแค่ไหน หรือมีความโน้มเอียงทางเพศอย่างไร แต่สิ่งที่คอมพิวเตอร์คงทำได้ยากคือ เรื่องของใจ ไม่ใช่ความเมตตากรุณา ไม่ใช่แค่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างเดียว แต่รวมถึงการที่มีสติ หรือการที่รู้จักตัวเองด้วย การทายใจคนก็คงจะทำได้ อาจจะดูโหงวเฮ้งอาจจะดูหน้าตา ซึ่งเป็นงานที่คอมพิวเตอร์กำลังจะเข้ามาแทนที่ แต่การที่คนจะรู้ใจตนเองนี้ยาก คนธรรมดายังรู้ใจตนเองได้ยากเลย แต่มันทำได้ แล้วก็สำคัญด้วย ทุกวันนี้คนเราปรารถนาที่จะให้คนอื่นรู้ใจเรา แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับเรารู้ใจตัวเองแค่ไหน ต่อไปคอมพิวเตอร์ก็อาจจะรู้ใจคนอื่นได้ รู้ใจคนที่มันกำลังมีปฏิสัมพันธ์ด้วย คอมพิวเตอร์ต่อไปสามารถพูดคุยกับคนได้ สแกนหน้าตาก็รู้ว่ามีบุคลิก มีอุปนิสัย มีความโน้มเอียงอย่างไร ต่อไปการรู้ใจคนอื่นใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำก็อาจจะได้ แต่การรู้ใจตัวเองคอมพิวเตอร์คงทำไม่ได้ การที่จะมีสติรู้ตัวก็คงไม่มีใครทำได้นอกจากตัวเราเอง
เพราะฉะนั้นการที่พวกเรามาเจริญสติเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นการพัฒนาศักยภาพของเรา ไม่ใช่เพื่อว่าจะได้อยู่เหนือคอมพิวเตอร์ สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกันเลย แต่เพื่อที่เราจะได้ดำเนินชีวิตของเราได้อย่างเป็นปกติสุข อย่างที่บอกไว้แล้วจะให้คนอื่นมารู้ใจเรานี่ยาก ทุกวันนี้เราอยากจะให้คนโน่นคนนี้รู้ใจเรา เวลาเราเครียดเขาก็รู้ใจเราสามารถจะผ่อนคลายเราได้ เวลาเราน้อยใจเขาก็มาปลอบประโลมเราได้ มางอนง้อเราได้ เราอยากได้คนแบบนี้เป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นคนในครอบครัว เป็นเพื่อน เป็นแฟน แต่การรู้ใจตนเองสำคัญกว่าแล้วเป็นไปได้มากกว่าด้วย เพราะการจะให้คนอื่นมารู้ใจเรานี้ยาก แต่เรารู้ใจตนเองนี้สำคัญกว่า มีคนอื่นรู้ใจเราแต่เราก็ยังทุกข์ หลายคนมีครอบครัวที่น่ารัก มีสามีภรรยาที่อบอุ่น รู้ใจ รู้อารมณ์ของเรา แต่เราก็ยังทุกข์ เพราะอะไร เพราะเราไม่รู้ใจตนเอง แต่ถ้าเรารู้ใจตนเองได้ ถึงแม้คนรอบข้างเขาจะไม่รู้ใจเรา เขาก็ไม่ทำให้เราเครียด ไม่ทำให้เราวิตกกังวล หรือน้อยเนื้อต่ำใจได้เลย เพราะว่าเราสามารถจะทรงจิตทรงใจได้ เพราะการรู้ใจตัวเองเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำให้ได้ แล้วก็ไม่มีใครจะมาทำแทนได้ ดังนั้นไม่ว่าโลกจะพัฒนาไปแค่ไหน การรู้ใจ การมีสติ ยังเป็นสิ่งที่ทันสมัยอยู่เสมอ แล้วก็ยังจำเป็นคิดว่าตลอดกาลที่ยังมีมนุษย์ที่ยังมีจิตมีใจอยู่