แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ที่นี่เราทำวัตรตั้งแต่เช้ามืด ก่อนที่นกกาจะหากิน ก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น หลายคนอาจจะไม่คุ้น รู้สึกมันลำบาก ต้องตื่นนอน ต้องถ่อกายมาที่นี่ ก็อยากให้ระลึกหรือตระหนักว่า แม้การตื่นมาทำวัตรแต่เช้ามืดนี้จะเป็นเรื่องยากสำหรับเราซึ่งเป็นคนเมือง แต่ว่าขอให้ทำเถิด ขอให้เพียรพยายามเถิด มีหลายคน มีคนเป็นอันมากที่อยากจะมาทำวัตรที่นี่ หรือว่าที่อื่น แต่ไม่มีโอกาส เพราะว่าสังขารไม่อำนวยหรือว่าไม่มีสถานที่ที่ใกล้เพียงพอที่จะไป
การทำวัตรสวดมนต์ มันเป็นมงคลของชีวิต ในขณะที่เรายังมีเรี่ยวมีแรง มีเวลา มีโอกาส ก็พยายามใช้โอกาสนี้ พระอาจารย์พยอมพูดเตือนสติได้ดี ท่านบอกว่า เราจะมาวัดเองหรือว่าจะให้คนอื่นหามมา เราจะสวดมนต์เองหรือว่าจะให้พระสวดมนต์ให้เรา เราจะพนมมือเองหรือว่าจะให้สัปเหร่อจับมือเราพนม อันนี้เราเข้าใจความหมายหรือเปล่าว่า ท่านอาจารย์พยอมหมายความว่าอย่างไร ถ้าหากว่าคนหามเรามาวัดนี้แสดงว่าเราหมดลมแล้ว ถ้าหากว่าพระสวดมนต์ให้เรา แสดงว่าเราอยู่ในโลงแล้ว ถ้าหากสัปเหร่อพนมมือให้เรา แสดงว่าเราตายแล้วหมดลมแล้ว นั่นแหละเขาจึงเรียกว่ามีชีวิตอยู่ก็ควรทำสิ่งนี้ อย่าให้หมดลมแล้วถึงค่อยมีคนจัดแจงให้เรา ลองพิจารณาดูก็แล้วกันว่าอะไรดีกว่ากัน มาวัดเองหรือให้คนอื่นหามพามาวัด สวดมนต์เองหรือให้คนอื่นสวดมนต์ให้เรา พนมมือเองหรือว่าให้สัปเหร่อพนมมือให้เรา นี้เป็นการเปิดโอกาสให้กับจิตใจของเราสัมผัสถึงสิ่งที่เป็นมงคล เพราะว่าธรรมที่เราได้สาธยายแล้วนั้น ล้วนแล้วแต่มีความหมายต่อจิตใจของเราทั้งสิ้น แล้วเราก็ได้มีภาวะมีโอกาสที่จะได้นำธรรมะนั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าหากว่าเราอยู่ในเพศอื่นภพอื่นหรือว่าสภาวะอื่น ฟังธรรมก็อาจจะได้ประโยชน์น้อย เพราะไม่เข้าใจ
มีเรื่องเล่าว่า สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าหลังจากที่จำพรรษาที่เมืองเวรัญชพราหมณ์ พระองค์จาริกไปยังเมืองพาราณสี กลางทางมีพญานาคตัวหนึ่งได้มากราบทูลพระพุทธเจ้า แล้วตัดพ้อว่าได้มาเป็นพญานาคนี้มานับหมื่นปีแล้ว ยังไม่มีโอกาสได้มาเป็นมนุษย์สักที พระพุทธเจ้าก็เลยตรัสเป็นคาถาว่า การเกิดเป็นมนุษย์นี้เป็นของยาก การครองชีวิตเป็นเรื่องยาก การได้ฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก และการอุบัติขึ้นของพระพุทธเจ้านี้เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง ในบรรดาของยากเหล่านี้ มีอย่างหนึ่งที่เราได้มาแล้ว ก็คือการได้ครองสภาวะแห่งความการเป็นมนุษย์ เขาเรียกว่าอัตภาพ
อัตภาพแห่งการเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเปรียบเสมือนกับเต่าตาบอดตัวหนึ่ง ซึ่ง ๑๐๐ ปีถึงจะขึ้นมาเหนือน้ำ จะขึ้นมาหายใจที่ผิวน้ำสักครั้งหนึ่ง และในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ก็มีแอก ถ้าสมัยนี้ก็คือห่วงไม้ การที่เต่าตัวนั้นจะพ้นโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำตรงกลางห่วงนั้นพอดีนั้น มันยากปานใด โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นคือหนึ่งในสิบล้าน หนึ่งในร้อยล้านหรือว่าอาจจะหลายร้อยปีเลยทีเดียวถึงจะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะว่าเต่าตัวนี้ ๑๐๐ ปีถึงจะขึ้นมาสักครั้งและการเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยากพอๆ กันหรือยากยิ่งกว่า
แต่วันนี้เราก็ได้ครองอัตภาพความเป็นมนุษย์แล้ว นอกจากนั้นเรายังมีโอกาสได้ฟังพระสัทธรรม ซึ่งเป็นของยากเช่นเดียวกัน ไม่ใช่แค่ได้ฟัง แต่ว่าได้สาธยายด้วย อย่างที่เราสาธยายเมื่อสักครู่นี้ก็คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เป็นปฐมเทศนา เรียกว่าเป็นการจุดประกายแห่งความเป็นอิสรภาพของมนุษย์ เพราะว่านับแต่พระองค์ได้แสดงปฐมเทศนานี้ก็มีผู้ที่บรรลุธรรมตามมาเป็นลำดับ เริ่มตั้งแต่ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ดังนั้นถ้าเราได้ฟังสัทธรรมและได้ปฏิบัติธรรมด้วย แม้ว่าเราจะไม่มีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าด้วยตัวเอง เพราะพระองค์ได้ทรงปรินิพพานไปนานแล้ว แต่ก็ช่วยทำให้เราสามารถจะมีเครื่องมือในการครองชีวิตได้อย่างผาสุก แม้ว่าพระองค์จะตรัสว่าการครองชีวิตนั้นเป็นของยาก ที่มันยากก็เพราะว่าต้องดิ้นรนในการทำมาหากิน ที่จริงยากมาตั้งแต่เกิดแล้ว กว่าจะออกมาจากท้องแม่นี่ยากเพียงใด มันเจ็บปวดทรมาน บางคนก็ออกมาไม่ได้ ตายกันทั้งแม่ทั้งลูก บางคนก็ต้องใช้วิธีผ่าเอาออกมา และเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วนั้นก็ต้องอยู่ด้วยความยากลำบาก ถ้าเราไม่มีพ่อแม่ดูแลตอนที่เป็นทารกก็คงตาย เพราะว่าเราไม่เหมือนพวกวัวหรือว่ากวาง ช้าง ที่พอเกิดขึ้นมาคลอดออกมาแล้วก็สามารถที่จะยืนได้ สามารถที่จะช่วยตัวเองได้ตั้งแต่วันแรกๆ ของการเกิด แต่เรานี่ช่วยตัวเองไม่ได้นานเป็นปี ก็เรียกว่ายากทั้งตัวเราซึ่งเป็นทารก และยากทั้งพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ที่ดูแล เกิดมาแล้ว โตมาแล้วก็ต้องทำมาหากิน ต้องแข่งขันดิ้นรน แม้ประสบความสำเร็จ มีการงานที่มั่นคงก็ยังยากในการที่จะรักษางานนั้นให้ต่อเนื่อง และไม่ว่าได้อะไรมาก็ต้องรักษาไว้ เพราะว่ามันจะสูญหายไปตลอดเวลาได้ทุกเมื่อ และยังต้องเจอกับความพลัดพรากสูญเสียที่จะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ไม่ว่าในขณะที่เราเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ เป็นลูก หรือเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว
เมื่อวานนี้ไปแสดงธรรมที่กรุงเทพฯ ตอนเช้ากับตอนบ่ายคนละที่ แสดงธรรมตอนเช้าจบ ก็มีคนหนึ่งมาเล่าว่า เขารู้จักนักศึกษาคนหนึ่ง ซึ่งก็มีฐานะดีมาก แต่ว่าเพิ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ด้วย แม่นั้นเสียใจมาก เขานึกเสียดายที่คนเป็นแม่นั้นไม่ได้มาฟังธรรมนั้นด้วย ก็ยังอยากจะหาโอกาสถ้าอาตมาจะไปแสดงธรรมที่ไหนอีก จะชวนเขาไปฟังธรรม ตอนบ่ายบรรยายที่วัดยานนาวาจบ ก็มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาหา หน้าตาเศร้าและก็บอกว่าเพิ่งเสียลูกไป ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ แต่เพราะว่าสามียิงภรรยาซึ่งเป็นลูกของเธอตาย จริงๆ นี่คนที่มาหาอาตมาไม่ได้มาบอกรายละเอียด แค่บอกว่าเพิ่งเสียลูกไป แต่ว่ามีคนมาบอกไว้ก่อนแล้วว่าเหตุการณ์ที่เสียลูกเป็นเหตุการณ์ที่เป็นข่าวใหญ่ แต่ก็ไม่มีรายละเอียดมาก แม่ก็เสียใจที่ลูกต้องมาตายกะทันหัน ถ้าตายเพราะอุบัติเหตุก็คงพอทำเนา แต่เพราะตายด้วยน้ำมือคนอื่นโดยเฉพาะที่เป็นสามี โดยที่สามีก็ฆ่าตัวตายไปด้วย มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า และเธอก็โทษตัวเองว่าดูแลลูกไม่ดี เวลาลูกตาย คนที่เป็นแม่กับคนที่เป็นพ่อจะรู้สึกแบบนี้เสมอว่าตัวเองทำได้ไม่ดีพอ โทษตัวเองว่ามีส่วนทำให้ลูกตาย ทั้งๆ ที่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกันเลย อันนี้แหละที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าการครองชีวิตเป็นของยาก แม้ว่าจะร่ำรวยมีเงินมีทอง ไม่ต้องทำมาหากินเลย ก็ยังต้องเจอความพลัดพรากสูญเสียแบบนี้ ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกคนไม่ว่ารวยหรือจน ไม่ว่ายิ่งใหญ่หรือว่าต่ำต้อย
ฉะนั้นการที่จะอยู่แล้วครองชีวิตได้อย่างมีความสุขนั้น มันเป็นเรื่องที่ยากมาก แม้ว่ามีเงินมีทอง แม้ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต ก็ไม่ใช่เป็นหลักประกันเลย แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้เราผ่านความผันผวนแปรปรวนและความสูญเสียเหล่านี้ไปได้ก็คือธรรมะ ซึ่งการอุบัติของพระพุทธเจ้า เกิดขึ้นมาเพราะเหตุนี้ เพื่อให้มนุษย์ได้สามารถผ่านพ้นความทุกข์ไปได้ แม้ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องพลัดพรากสูญเสีย แต่ไม่ทุกข์ก็ได้ แม้แก่แต่ใจไม่ทุกข์ เป็นไปได้ แม้ป่วยแต่ใจไม่ทุกข์ เป็นไปได้ แม้พลัดพรากสูญเสีย แต่ใจไม่ทุกข์นั้นเป็นไปได้ ทำได้และเมื่อความตายใกล้เข้ามาใจก็ไม่ทุกข์ ใจเป็นกุศล ปีติอิ่มเอิบในความดีก็ทำได้ ถ้าหากว่าเราให้โอกาสแก่ตัวเองในการที่จะเปิดรับธรรมะและนำธรรมะไปปฏิบัติทั้ง กาย วาจา ใจ เริ่มต้นตั้งแต่การที่รู้จักมอง รู้จักสดับตรับฟังคำของเทวทูต หรือว่ารู้จักเตือนใจตัวเองเมื่อเห็นเทวทูต
หลายคนสงสัยว่าเทวทูตคืออะไร พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า คนชั่วเมื่อตายไปยมบาลก็จะถามว่า เจ้าเคยเห็นเทวทูตไหม ถ้าคนชั่วนั้นตอบว่าไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก ยมบาลก็ถามว่า เคยเห็นคนเกิดไหม เคยเห็นคนแก่ไหม เคยเห็นคนเจ็บไหม เคยเห็นคนที่ทำผิดแล้วได้รับอาชญาหรือเปล่าหรือได้รับการลงโทษไหม แล้วเคยเห็นคนตายไหม ถ้าหากคนชั่วนั้นบอกว่า คนเกิดก็เคยเห็น คนแก่ก็เคยเห็น คนเจ็บก็เคยเห็น คนที่ทำผิดแล้วถูกลงโทษก็เคยเห็น คนตายก็เคยเห็น ยมบาลก็บอกว่านั่นแหละเทวทูต และก็จะถามต่อไปว่าเมื่อเจ้าเห็นคนเกิดแล้ว เคยคิดไหมว่าเราจะทำความดี เมื่อเห็นคนแก่เคยคิดไหมว่าสักวันหนึ่งเราต้องแก่ เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งหน้าตั้งตาทำความดี เมื่อเจ้าเห็นคนเจ็บเคยคิดไหมว่าสักวันจะต้องเจ็บ เพราะฉะนั้นจะต้องทำความดี เมื่อเห็นคนทำผิดแล้วได้รับอาชญาได้รับการลงโทษ เคยคิดไหมว่าสักวันหนึ่งเราทำผิดก็ต้องโดนอย่างนี้บ้าง เพราะฉะนั้นต้องตั้งหน้าตั้งตาทำความดี และเมื่อเห็นคนตายก็คิดว่า ระลึกว่า ตระหนักว่าสักวันหนึ่งเราจะต้องตาย เพราะฉะนั้นต้องขวนขวายทำความดี แต่ว่าเจ้านี่เห็นเทวทูตอยู่ทั้ง ๕ แล้วยังไม่ทำความดีเลย เพราะฉะนั้นจะโดนโทษหนัก คนชั่วนี้จะโดนโทษหนักเพราะว่าเห็นเทวทูตแล้วยังไม่ขวนขวายทำความดี
เราอย่าไปรอให้ยมบาลถามว่าเคยเห็นเทวทูตไหม ให้เราระลึกว่านั่นแหละเมื่อเราเห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนที่ถูกลงโทษเพราะทำความผิดหรือคนตาย เหล่านี้แหละคือเทวทูต เขากำลังมาเตือนเรา เขากำลังมาสอนเราว่าชีวิตมันไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นต้องทำความดีเสียแต่วันนี้ ไม่ต้องรอฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็ได้เพราะคนเกิดก็ดี ทารกทั้งหลาย คนที่แก่ก็ดี คนที่เจ็บป่วยก็ดี หรือแม้เราจะไม่เห็นคนที่ทำผิดถูกลงโทษก็คงจะได้ยินได้ข่าวหรือเคยเห็นคนตาย นั่นแหละเขาสอนธรรมกับเราแล้ว สอนธรรมเรื่องอนิจจัง ความไม่จีรังยั่งยืน ถ้าหากว่าเห็นคนเรานั้นแล้ว ไม่เกิดสำนึก ไม่เกิดความสำเหนียก อันนี้เป็นปัญหาแล้ว ปัญหาทั้งชีวิตนี้และชีวิตหน้า เจอยมบาลไม่รู้จะตอบอย่างไรและก็จะโดนลงโทษหนักสถานเดียว ที่จริงไม่ใช่บุคคล ๕ ประเภทเท่านั้นที่เตือนใจให้เราทำความดี ให้เราไม่ประมาท มีสิ่งต่างๆ มากมายเมื่อเกิดขึ้นกับชีวิตเราแล้วนั้น เขาสอนธรรมให้กับเรา อย่างเช่นเวลาเงินหายของหาย คนจำนวนไม่น้อยเอาแต่คร่ำครวญ แต่ไม่รู้จักใคร่ครวญเลยว่าเหตุการณ์มันบอกอะไรเรา มันกำลังบอกว่าไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง มันไม่เพียงแต่บอกถึงความไม่เที่ยงเท่านั้น แต่มันยังบอกถึงความที่ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง อันนี้ภาษาพระเรียกว่าอนัตตา
ของทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเงิน ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ทอง มันอยู่กับเราเพียงแค่ชั่วคราว แต่เป็นเพราะความหลง เราก็เลยไปสำคัญมันว่าเป็นของเรา เป็นของเรา แต่นั่นชั่วคราวเท่านั้น สักวันหนึ่งมันก็ต้องไป ถ้าไม่จากเป็นก็จากตาย จากตายคือว่าเมื่อถึงเวลาที่เราตาย ของเหล่านั้นก็ตกเป็นของคนอื่น ไม่มีทางที่จะเป็นของเราได้เลย ไม่มีทางที่จะเอาไปได้เลย ของเหล่านั้นเมื่อมันหายไป มันเป็นสัญญาณเตือนว่าวันนี้หายเท่านี้ วันหน้าจะเจอหนักว่านี้ เราเคยสำเหนียกหรือว่าเคยมองแบบนี้บ้างไหม เคยได้ยินว่าของเหล่านี้มันสอนธรรมดังกล่าวให้กับเราหรือเปล่า วันนี้หายแค่โทรศัพท์แต่วันหน้าจะหนักว่านี้ อาจจะเสียบ้านไป อาจจะเสียคนรัก อาจจะล้มละลาย และเมื่อถึงวันที่เราตาย มีเท่าไหร่ก็เสียหมด มีแสนก็เสียแสน มีล้านก็เสียล้าน มีร้อยล้านก็เสียทั้งร้อยล้าน ดังนั้นของหายเงินหายนี่มันสอนธรรมให้เรา และมันก็เตือนใจให้เราไม่ประมาทด้วย
เมื่อสิบปีก่อนมีผู้ชายคนหนึ่งทำโทรศัพท์หาย โทรศัพท์เครื่องนั้นมีราคาแพงและข้อมูลเยอะ ร้อนใจมาก อยากได้โทรศัพท์คืนก็เลยไปหาเกจิอาจารย์ ไปหาหลวงพ่อท่านหนึ่ง ซึ่งท่านมีกิตติศัพท์ว่านั่งทางในเก่ง ไปหาท่านเพื่อที่จะให้ท่านนั่งทางในและบอกว่าจะหาเจอได้อย่างไร จะหาเจอได้ที่ไหน หลวงพ่อท่านแทนที่จะถามว่ายี่ห้ออะไรหายเมื่อไหร่ ท่านกลับถามว่า มีรถไหม มีครับ อีกไม่นานก็ไป มีบ้านไหม มีครับ อีกไหมนานก็ไปเหมือนกัน มีแฟนไหม มีครับ สักวันหนึ่งก็ไปเหมือนกัน พอเจอเท่านี้แหละ แกกราบหลวงพ่อเลย ไม่ถามต่อ ไม่ใช่ว่ากลัวว่าจะเจอจะโดนทักหนักว่านี้ แต่ว่าเข้าใจแล้วว่าที่หลวงพ่อต้องการจะบอกก็คือว่า โทรศัพท์หายมันเป็นเรื่องธรรมดา และก็ดีที่ยังหายแค่นี้ คือหายแค่โทรศัพท์ ต่อไปจะต้องเจอความสูญเสียที่หนักกว่านี้ เพราะมันเป็นเรื่องที่หนีไม่พ้นเพียงแต่คนไม่ได้ตระหนัก แต่ว่าเราสามารถที่จะตระหนักได้จากการที่ของหาย โทรศัพท์หาย เงินหาย ต้องมองให้เป็น อันนี้ก็เทวทูตเหมือนกัน เทวทูตนี่ไม่ใช่แค่คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนถูกลงโทษเพราะทำผิด หรือว่าคนตาย แต่เทวทูตอยู่รอบตัวเราเลย และก็มีมาเรื่อยๆ
คนฉลาดเมื่อเงินหาย ของหาย เขาได้สติ หรือเวลาเขาเจ็บ เขาป่วย เขาได้สติแล้ว เอาความเจ็บป่วยมาสอนว่าสังขารไม่เที่ยง สังขารไม่ใช่ตัวเราของเรา ถ้าเป็นตัวเราของเราต้องบังคับได้ไม่ให้ป่วย เมื่อวานนี้ยังเดินได้อยู่เลย มาวันนี้เดินไม่ได้แล้ว มันไม่เที่ยง มันไม่จีรังจริงๆ และก็มันยังเป็นสัญญาณเตือนว่าวันนี้เท่านี้ วันหน้าหนักกว่านี้ วันนี้ยังพอที่จะพูดคุยได้ พอที่จะเดินเหินได้ แต่วันหน้าอาจจะพูดไม่ได้เพราะว่ามีท่อใส่ มีสายระโยงระยาง เคยเฉลียวใจบ้างไหม เวลาเจ็บป่วย เวลาปวดหัวปวดท้อง ว่านี่เขากำลังสอนธรรมให้กับเรา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และเขากำลังเตือนเราว่าวันหน้าจะหนักกว่านี้ เพราะฉะนั้นถ้าหายจากปวดหัว หายจากปวดท้องแล้วอย่านิ่งดูดาย ต้องรีบทำความดี
แม้ว่าทำวัตรเช้าจะต้องตื่นมาตั้งแต่ตี ๓ ก็อย่าบ่น พยายามขวนขวาย เพราะว่ายังมีโอกาส วันนี้ยังมีโอกาส วันนี้ยังสามารถที่จะเดินได้ด้วยตัวเอง วันหน้านี่อยากจะมาแต่เดินไม่ได้ ป่วย พิการ อัมพฤกษ์ อัมพาตหรือว่าอยู่โรงพยาบาลแล้ว แต่ไม่ต้องรอให้หายปวดหัวปวดท้องแล้วถึงค่อยขวนขวาย แม้ในขณะที่ปวดหัวปวดท้องนี่แหละก็ระลึกว่าตอนนี้ยังพอทำอะไรได้ ยังพอปฏิบัติ ยังพอทำความดีได้ก็ทำเสีย เพราะถ้าหนักกว่านี้อาจจะทำไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นธรรมะหรือสิ่งเตือนใจไม่จำเป็นต้องมาจากปากของพระก็ได้ สิ่งที่เราเห็นอยู่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย เงินหาย ของหาย หรือข่าวคราวที่คนนี้เขาเสียลูก คนนี้เขาเสียแม่ไปนี่เป็นเครื่องเตือนใจเราอย่างดี อีกไม่กี่วัน มะรืนนี้ก็จะวันแม่แล้วแต่แม่หลายคน อย่างน้อยก็สองคนแล้ว เมื่อวานนี้ที่เขาเสียลูกไป เป็นวันแม่ แต่ลูกตายนี่มันน่าเศร้ามาก แต่ว่าสิ่งที่น่าเศร้าพอๆ กันก็คือว่าเป็นวันแม่แต่ลูกเสียแม่ไป ไม่ทันได้กราบ ไม่ทันได้ดูแลท่านอย่างเต็มที่ ไม่มีเวลาที่จะไปเยี่ยมเยียนท่านด้วยซ้ำ เพราะว่าเวลาหมดไปกับอะไรต่ออะไรมากมาย ทั้งการเที่ยว การเล่น การทำงาน บางคนก็ปล่อยให้แม่นอนซมอยู่ที่บ้านบ้าง อยู่ที่โรงพยาบาลบ้าง ส่วนใหญ่นอนซมระยะยาวอยู่ที่บ้าน ก็ไม่สนใจ
มีเพื่อนคนหนึ่งมาตัดพ้อว่า ทำไมทำความดีไม่มีคนเห็นเลย เขาดูแลแม่คนเดียว ขณะที่พี่สี่คนไม่สนใจเลย ลูกคนสุดท้องนี่ดูแลแม่เพราะอัลไซเมอร์ ไม่มาเยี่ยมไม่พอ เงินทองก็ไม่ให้ ให้ลูกคนสุดท้องออกเอง คนที่ดูแลจะขอนั่นขอนี่ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ พี่ไม่ยอมให้ทั้งพี่สาวพี่ชาย รอแต่เพียงว่าวันที่ ๑๒ สิงหาคมก็จะเอาดอกไม้เอาพวงมาลัยมากราบแล้วก็หาย เงินทองก็ไม่ค่อยส่งหรือให้แบบเสียไม่ได้ คนเหล่านี้เขาไม่ตระหนักเลยว่าเขามีโอกาสแล้วเขาไม่ทำความดีให้กับแม่ โอกาสทองกำลังหายไปเรื่อยๆ อันนี้ก็เป็นเพราะว่าไม่ได้รู้จักสำนึกสำเหนียก ขนาดแม่ของตัวเองมาเตือนมาบอกด้วยอาการที่เจ็บป่วยก็ยังไม่รู้สึก อย่างนี้ก็ยากที่จะนำพาชีวิตให้ผ่านอุปสรรคได้ ก็จะต้องเจอกับความยากกับการครองชีวิต และยากที่จะเผชิญกับความแก่ ความเจ็บ ความป่วยและความตายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองในอนาคตได้