แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
คนไทยเรามีนิสัยที่ชอบทำบุญ เรียกว่าเป็นประเพณีเลยก็ว่าได้ ถ้าเป็นเรื่องการทำบุญแล้วก็เต็มที่ เวลาพระที่ไปต่างประเทศสิ่งที่ญาติโยมนึกถึงก่อนคือการทำบุญ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ดังนั้นเวลาที่พูดถึงการทำบุญ ส่วนใหญ่จะนึกว่าจะไปทำบุญที่วัดไหนดี ทำบุญกับพระรูปไหนดี แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยนึกถึงเรื่องการทำบุญที่ใจ นึกถึงแต่จะไปทำบุญที่วัดนั้นวัดนี้ พระรูปนั้นรูปนี้ ซึ่งก็ดีมีอานิสงส์ แต่การทำบุญที่ใจก็อย่ามองข้าม ทำบุญที่ใจหมายความว่าอย่างไร ถ้าพูดสั้นๆ คือทำใจให้เป็นบุญ
หลายคนเวลาไปทำบุญกับถวายทานที่วัดนั้นวัดนี้ แต่ไม่ค่อยดูแลจิตใจให้เป็นบุญเท่าไร เช่นระหว่างที่ทำจิตใจก็กังวลว่าหลวงพ่อจะฉันอาหารของเราไหม จะห่มจีวรที่เราถวายหรือไม่ หรือบางทีก็คอยดูว่าคนอื่นจะถวายมากกว่าเราไหม ถ้าเขาถวายมากกว่าเราจะรู้สึกไม่สบายใจ ถวายไปใจก็หม่นหมอง แบบนี้เรียกว่าใจไม่เป็นบุญแล้วถึงแม้ว่าจะกำลังทำบุญอยู่ก็ตาม บางทีทำจิตใจไม่เป็นสมาธิ คอยดูว่ามีช่างกล้องมาถ่ายรูปตอนที่เราถวายอาหารประเคนของหรือไม่ ไปกังวลแบบนั้นใจก็ไม่ผ่องใส แบบนี้เรียกว่าจิตใจไม่เป็นบุญเท่าไร
ทำใจให้เป็นบุญ มีความหมายว่าทำให้ใจของเราปลอดจากกิเลส ปลอดจากเครื่องเศร้าหมอง ทำให้ใจของเราผ่องใสเบิกบาน ไม่ว่าจะเป็นช่วงระหว่างทำบุญหรือดำเนินชีวิตประจำวันก็แล้วแต่ ถ้าเราปล่อยใจให้เศร้าหมอง กลัดกลุ้ม รุ่มร้อน แบบนั้นเรียกว่าใจเรากำลังเป็นบาป หรือกำลังมีอกุศลครอบงำ ทำอะไรต่ออะไรมากมายแต่ปล่อยใจให้เศร้าหมอง หนักอกหนักใจ รุ่มร้อนอิจฉาพยาบาท อย่างนั้นเรียกว่าเรากำลังละเลยหน้าที่ของเราแล้ว หน้าที่ต่อจิตใจรวมทั้งหน้าที่ในฐานะที่เป็นชาวพุทธ ต้องหมั่นทำบุญที่ใจตนด้วย ทำใจให้เป็นบุญ รวมทั้งทำสิ่งดีๆ หาสิ่งดีๆมาให้กับจิตใจของเรา
หลายคนขวนขวายในการถวายของประณีตแก่พระสงฆ์โดยเฉพาะครูบาอาจารย์ ของดีๆของประณีตก็หามา ลำบากแค่ไหนก็หามาถวายจนได้ แต่อาจจะละเลยในการที่จะเอาสิ่งดีๆมาให้กับจิตใจของเรา สิ่งดีๆที่ว่านั้นคืออะไร ไม่ใช่ของ ไม่ใช่อาหารที่อร่อย ไม่ใช่เพลงที่ไพเราะ เหล่านั้นอย่างมากก็ให้ความสุขชั่วคราวแล้วบ่อยครั้งก็สิ้นเปลืองด้วย การรู้จักหาสิ่งดีๆมาให้กับจิตใจของเราไม่ต้องใช้เงินใช้ทองอะไร ยกตัวอย่างเช่นการที่ให้ใจของเราได้สัมผัสกับธรรมะ ได้ฟังธรรมบ้าง การฟังธรรมตามกาลข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด อย่างที่เราได้สวดเมื่อสักครู่ "กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง" การฟังธรรมตามกาลข้อนี้เป็นมงคลอันสูงสุด และคนไทยที่เป็นชาวพุทธ ถ้าพูดเรื่องการถวายอาหารพระจะทำเต็มที่เลย
สมัยตอนที่อาตมาอยู่วัดอมราวดีที่ประเทศอังกฤษ เมื่อสักยี่สิบปีก่อน เสาร์อาทิตย์จะมีคนไทยตามเมืองต่างๆ หรือจากลอนดอนไปถวายเพล อาหารอย่างดีเลย พวกเราที่เป็นพระพอถึงวันเสาร์อาทิตย์ก็รู้แล้วว่าจะได้ฉันอาหารที่ประณีต ถ้าเป็นวันธรรมดาก็อาหารไม่ค่อยมากเท่าไร แต่ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์เตรียมท้องไว้ได้เลยเพราะว่าคนไทยมาถวายมาก แต่พอถวายเสร็จพอถึงเวลาบ่ายโมงพระจะแสดงธรรม คนไทยหายหมดเลยเหลือแต่ฝรั่ง ฝรั่งมาฟังธรรม ฝรั่งมาวัดตัวเปล่าไม่ได้มีอาหารที่จะมาถวายพระเท่าไร แต่เขาอยากจะมาฟังธรรม นอกจากได้ทานอาหารฟรีแล้วยังได้ฟังธรรมแล้วก็ได้นั่งสมาธิด้วย แต่พอถึงเวลาฟังธรรมรวมทั้งนั่งสมาธิคนไทยเหลือน้อยมาก
แล้วยิ่งถ้ามีคอร์สปฏิบัติธรรม หลวงพ่อสุเมโธท่านตั้งใจอยากจะจัดคอร์สให้คนไทยมาปฏิบัติ ๕ วัน ๗ วัน แต่มักจะไม่ค่อยสำเร็จเพราะว่าคนไทยไม่ค่อยมา แต่ฝรั่งมากันมาก จองคิวกันเป็นเดือนๆล่วงหน้า นั่นคือยี่สิบปีที่แล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม ไปเยี่ยมวัดสาขาของหลวงพ่อสุเมโธที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วัดธรรมปาละ ที่เมืองคานเดอร์สเต็ก (Kandersteg) ทิวทัศน์สวยงามมาก จะหาวัดทางพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทที่มีที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่สวยงามแบบวัดนี้หายาก มองออกไปเห็นเขา ยอดเขามีหิมะปกคลุมขาวโพลน สองข้างก็เป็นเขาแต่ว่าเตี้ยหน่อย มีต้นไม้เขียวขจีสวยงาม ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าคนไทยก็มาเหมือนกัน มามากด้วยโดยเฉพาะถ้าเป็นการทอดผ้าป่าทอดกฐินหรือมาทำบุญถวายสังฆทาน แต่ถ้าพูดเรื่องการฟังธรรมหรือการปฏิบัติธรรมเจริญสติสมาธิแล้วน้อย เรื่องนี้คือเมื่อไม่นานมานี้เอง
อย่างนี้เรียกว่าละเลยในการทำบุญที่ใจ ละเลยในการที่จะมอบสิ่งดีๆ เป็นทานให้กับจิตใจของตน ส่วนใหญ่ไปขวนขวายในการหาของดีของแพงมาให้กับร่างกาย อาหารที่แพง เสื้อผ้าที่หรู หาบ้านมาให้คุ้มหัว ทำความสุขสะดวกสบายให้กับร่างกายของตน แต่จิตใจไม่ค่อยคิดที่จะหาสิ่งประณีตมาดูแลรักษาเกื้อกูลจิตใจเท่าไร สิ่งประณีตสำหรับใจคือธรรมะ คือบุญกุศล เปิดใจของเราให้ได้ฟังธรรมะบ้าง แล้วขณะเดียวกันก็เสริมสร้างธรรมะให้กับจิตใจของเราด้วย ไม่ใช่แค่เฉพาะฟังธรรมอย่างเดียว การที่เรามาเจริญสติสมาธิคือการที่หาของดีมาให้กับจิตใจของเรา ของดีสำหรับจิตใจ เช่นสติหรือสมาธิมีคุณมีอานิสงส์มากทีเดียว เพราะเมื่อมีสติก็เท่ากับว่ามีของดีมารักษาใจ
พระเครื่องวัตถุมงคลถ้าดีจริงก็ดีเฉพาะในการรักษาร่างกายให้ปลอดภัย แต่ไม่สามารถจะช่วยรักษาใจให้หายทุกข์ได้ แต่สติวิเศษกว่าพระเครื่องไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม แม้แต่พระขุนแผนหรือสมเด็จวัดระฆัง ก็ไม่สามารถที่จะรักษาใจของเราให้เป็นสุขปลอดจากความทุกข์ ได้ดีเท่ากับสติหรือสมาธิรวมทั้งความรู้สึกตัวด้วย ต้องหมั่นขวนขวายในการที่หาสิ่งเหล่านี้มาให้กับจิตใจของเรา อย่ามัวแต่ไปดิ้นรนไปหาพระเครื่องราคาแพงๆ ดั้นด้นไปวัดไหนๆ บางทีก็ไปถึงแม่ฮ่องสอน ไปไกลเหลือเกินขนเงินไปมากมาย เพื่อที่จะได้พระเครื่องวัตถุมงคลมาคุ้มครองร่างกาย แต่จิตใจกลับปล่อยปละละเลย สตินี้เป็นเครื่องรักษาใจที่วิเศษมาก เพราว่าไม่มีสติผู้คนถึงมีความทุกข์ กลุ้มอกกลุ้มใจ หรือมีความโกรธแค้น เศร้าโศก อิจฉาพยาบาทสารพัด เพราะไม่มีสติรักษาใจ ปล่อยให้ใจถูกกลุ้มรุมทำร้าย
สติเปรียบเหมือนกับยามที่รักษาประตูเมือง สร้างกำแพงเอาไว้สูงแน่นหนายังไม่พอ เพราะจุดอ่อนที่สำคัญของเมืองคือประตู กำแพงปิดตายแต่ประตูเข้าออกได้ ฉะนั้นต้องมีทหารยามที่คอยเฝ้าไว้ จิตใจเราก็เหมือนนครเหมือนเมืองที่มีประตูที่ศัตรูจะเข้าได้ คือทางทวารทั้งหก ทวารก็แปลว่าประตู ทวารทั้งหกคือจุดอ่อนหรือช่องว่างที่ศัตรูจะเข้ามาเล่นงานจิตใจเรา ศัตรูได้แก่กิเลส ได้แก่ความทุกข์ ได้แก่อารมณ์เศร้าหมอง หรือไฟแห่งความโกรธ ไฟเผาบ้านเผาเมืองฉันใดความโกรธก็เผาใจฉันนั้น เหตุนี้ทวารทั้งหกก็ต้องมียามที่คอยรักษา นั่นคือสติ ไม่มีสติใจเราก็มีจุดอ่อนมาก และที่กำลังทุกข์ขณะนี้หรือที่เคยทุกข์แล้วหรือกำลังจะทุกข์ต่อไป ก็เพราะว่าไม่ได้สร้างสติให้มาดูแลจิตใจ
การเจริญกรรมฐานหรือการปฏิบัติธรรม คือการทำบุญที่ใจอย่างหนึ่ง และเป็นการทำบุญที่มีอานิสงส์มากด้วย จำเป็นมากเลยที่เราจะต้องหมั่นมาดูแลจิตใจ คอยปัดกวาดให้สะอาด คนที่ไปทำความสะอาดตามวัดต่างๆ ไปวัดไหนก็ทำความสะอาดดูแลวัดนั้นอย่างดี แต่ที่บ้านของตัวกลับปล่อยให้สกปรก บางทีปล่อยให้พ่อแม่ทำ ซักผ้าทำความสะอาดบ้านปล่อยให้พ่อแม่ทำ แต่ตัวลูกไปทำบุญตามวัดต่างๆ แล้วก็ดีใจกลับมาก็เอาบุญมาฝากพ่อแม่ แต่ไม่เคยช่วยงานพ่อแม่เลย คือไม่เคยดูแลบ้านของตนจริงจังปล่อยให้เป็นภาระของพ่อแม่ อย่างนี้ก็ไม่ดี ที่ไม่ดีพอๆกันคือไม่สนใจปัดกวาดดูแลจิตใจของตัวเอง ปล่อยให้รกปล่อยให้สกปรก เสร็จแล้วสัตว์ร้ายพวกแมลง งู ตะขาบ หนู มันก็เข้ามาอาศัย ไม่ต้องพูดถึงแมลงสาบอันนี้ของตายอยู่แล้ว ทำอย่างนั้นก็เรียกทำร้ายจิตใจตนเอง
ทำร้ายจิตใจตนเองเพราะว่าจิตใจพอไม่ได้รับการดูแลแล้ว สัตว์ร้ายอันตรายต่างๆก็มาปรากฏขึ้นกับจิตใจของเรา ทำร้ายจิตใจไม่พอมันก็ทำร้ายร่างกายด้วย คนที่โกรธคนที่มีความพยาบาทสุขภาพก็ไม่ดี ความดันขึ้นปวดหัวปวดท้องสารพัด บางทีก็เกร็งไปทั้งตัวโดยที่ไม่รู้สาเหตุ พวกนี้พอสาวไปจริงๆ ไม่ใช่ความผิดปกติทางร่างกาย แต่เป็นเพราะว่าจิตใจถูกความโกรธเผาลน แบบนี้เรียกว่าไม่รักษาตัว เขาเรียกว่าไม่รักตัวเอง ถ้าไม่รักษาใจมันกลายเป็นโทษกับตัวเอง ผู้คนจำนวนมากแม้จะบอกว่ารักตัวเองแต่กลับทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว ด้วยการปล่อยจิตใจให้กิเลสให้ความทุกข์เข้ามาครอบงำ ไม่ค่อยปัดกวาดดูแลจิตใจ หรือนำสิ่งดีๆ มาให้กับใจของตัวเองเท่าไร
เวลาพูดว่าธรรมทาน ธรรมทานคือการให้ธรรมะเป็นทาน คนมักจะนึกถึงการให้ธรรมะเป็นทานแก่ผู้อื่น เราคงทราบดีอยู่แล้วว่าธรรมทานเป็นเลิศกว่าการให้ทานทั้งปวง จะให้ทานด้วยวัตถุอย่างไรก็ไม่เลิศเท่ากับการให้ธรรมทาน แต่ธรรมทานไม่ได้หมายความเฉพาะพิมพ์หนังสือหรือปั้มซีดีแจก ถวายพระไตรปิฎกตามวัดต่างๆเท่านั้น ยังรวมถึงการให้ทานแก่จิตใจของตัวเองด้วย ให้ทานให้ธรรมแก่จิตใจของตัวเองไม่ได้เกิดจากการไปซื้อหาอะไรมา แต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติ ต้องปฏิบัติด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ สิ่งนั้นถึงจะเกิดธรรมทานให้กับตัวเองได้ ซึ่งรวมถึงการสอนใจตัวเองด้วย
นอกจากการฟังธรรม เปิดเทป เปิดซีดี หรือดูยูทูบ แบบนี้ก็เป็นธรรมทานอย่างหนึ่งสำหรับใจของตัว แต่ไม่พอและไม่ดีเท่ากับการพยายามที่จะสอนใจตัวเองอยู่เสมอ เพราะว่าการฟังธรรมอาศัยเหตุปัจจัยภายนอก ต้องมีครูบาอาจารย์หรือไม่ก็ต้องมาวัดถึงจะได้ฟังธรรม หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องมีซีดี มีเครื่องเล่นซีดี มีอินเทอรเน็ต ถึงจะได้ดูยูทูบที่เป็นการแสดงธรรมของครูบาอาจารย์ได้ สิ่งนั้นเป็นเรื่องเฉพาะกิจเฉพาะครั้ง หรือมีข้อจำกัดด้วยอุปกรณ์ด้วยเวลา แต่ถ้าเรารู้จักสอนใจตัวเองฝึกใจตัวเองอยู่เสมอ ทำได้ตลอดตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ไม่ว่าทำอะไรก็สามารถสอนใจตัวเองได้ เรามีจิตมีใจแล้วใจของเราสามารถที่จะสอนได้ ถ้าไม่สอนใจของเราก็จะกลายเป็นสัตว์ป่า หรือจะกลายเป็นยักษ์มารก็ได้
มนุษย์เราได้ชื่อว่าเป็นเวไนยสัตว์ เวไนยสัตว์คือสัตว์ที่ฝึกได้และก็ฝึกได้อย่างยิ่งด้วย ที่จริงสัตว์อื่นก็ฝึกได้เหมือนกันแม้แต่สัตว์ที่เราคิดว่าโง่ เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วไปอบรมที่สุพรรณบุรี ใกล้ๆในบริเวณเดียวกันเป็นหมู่บ้านควาย ชื่อเต็มว่าหมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย เดี๋ยวนี้ควายเป็นของหายากแล้วแต่ก่อนเห็นได้ทั่วไป ถ้าออกต่างจังหวัดจะเห็นควายตามท้องทุ่ง แต่เดี๋ยวนี้ควายเป็นของหายาก บนหลังเขาไม่รู้ว่ามีควายอยู่หรือเปล่า มีแต่วัวหาควายยากแล้ว เด็กไทยเดี๋ยวนี้หลายคนจำนวนมากเห็นหมีแพนด้าเป็นๆ แต่ไม่เคยเห็นควายไทยเป็นๆเลย ทั้งที่หมีแพนด้าอยู่ไกล ถามว่าเคยเห็นหมีแพนด้าไหม เด็กไทยหลายคนบอกเคยเห็น แต่ถามว่าเคยเห็นควายไหม เด็กบอกไม่เคยเห็น
เดี๋ยวนี้เขาก็เลยมีการอนุรักษ์ควายไทยที่สุพรรณบุรี เขาก็ตั้งใจทำ บางทีไปซื้อควายมาจากตามโรงเชือดโรงฆ่าสัตว์ หรือไม่ก็มีคนเอามามอบให้ ไปไถ่วัวไถ่ควายเขาเน้นควาย ก็มามอบให้หมู่บ้านนี้มีเป็นร้อยๆเลย แต่ส่วนหนึ่งเขาก็เอาไปแจกจ่ายให้ชาวนาไปใช้ทำนา ชาวนาที่ไม่ต้องการใช้เครื่องจักร ส่วนหนึ่งเขาก็เอามาฝึกโชว์ให้เราดู นักเรียนมาดูทุกวันเลยเพราะนักเรียนไม่เคยเห็นควาย ฝึกให้ควายมาไถนาให้ดู ไถคราดให้ดู หรือบางทีฝึกว่าเขานวดข้าวกันอย่างไร แล้วเขาก็ฝึกหลายอย่างแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับการทำนา บอกให้ควายยกขาหน้าขาขวา มันก็รู้ตรงไหนขวาซ้าย
คนบางคนยังไม่รู้เลยซ้ายขวา ตรงไหนมือซ้ายมือขวา แต่ควายมันรู้ ยกขาขวาสิมันก็ยกได้ถูก ยกขาซ้ายสิมันก็ยกได้ถูก บอกให้มันนอนมันก็นอน บอกให้มันแกล้งตายมันก็แกล้งตายจริงๆ บอกให้ยิ้มสิมันก็ยิ้ม ขนาดควายยังฝึกได้ แล้วเราซึ่งมีจิตใจและจิตใจเราก็มีความสามารถพิเศษด้วย ยิ่งสามารถฝึกได้ใหญ่ ที่ทุกข์ ที่กำลังกลุ้มอกกลุ้มใจ ที่วิตกกังวลก็เพราะว่าเราไม่ได้ฝึกใจ หรือเราฝึกทางตรงข้ามคือฝึกใจให้เป็นคนขี้วิตก ฝึกใจเป็นคนขี้โกรธ สิ่งนี้ก็เป็นการฝึกแบบหนึ่งเหมือนกันแต่ไม่รู้ตัว หรือทำไปโดยที่ไม่เห็นโทษของมัน แต่เราสามารถฝึกให้ตรงข้ามได้ เวลามีความโกรธเกิดขึ้น เวลามีความกลุ้มอกกลุ้มใจ วิตกกังวล เราสามารถที่จะสอนใจเราให้รู้จักปล่อยรู้จักวาง
การทำบุญให้กับใจของเราส่วนหนึ่งคือการที่ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ไปจากใจ เราต้องรู้จักสงสารใจเราบ้างว่า ใจเราแบกความทุกข์ไว้มากเหลือเกิน ใจเราถูกกิเลสเผาลนมากเหลือเกิน ต้องรู้จักปลดเปลื้องบ้าง ถ้าเรารักตัวเอง รักใจของเรา ต้องใส่ใจในการปลดเปลื้องความทุกข์ ปลดเปลื้องกิเลสออกไปจากใจของเรา และถ้าเราฉลาด นอกจากการรู้จักป้องกันรักษาใจไม่ให้กิเลสครอบงำแล้ว ถึงเวลาเราต้องรู้จักใช้มันให้เป็นประโยชน์ได้ด้วย กิเลสถ้าเราใช้มันให้เป็นประโยชน์ก็มีอานิสงส์ แต่ส่วนใหญ่เราปล่อยให้กิเลสใช้เรา เราไม่ค่อยได้รู้จักใช้กิเลสบ้าง หลายคนสงสัยว่าใช้กิเลสได้อย่างไร กิเลสถ้าใช้เป็นมีประโยชน์
ในสมัยพุทธกาลมีคนยากจนเข็ญใจคนหนึ่ง แกหากินด้วยการรับจ้างไปวันๆ ก็เหนื่อยยาก วันหนึ่งเห็นพระบิณฑบาตก็สนใจขึ้นมาว่า พระไม่ต้องทำอะไรเลย แค่บิณฑบาตก็มีคนเอาอาหารมาให้ ไม่เหนื่อยเลย ก็เลยสนใจ ตอนหลังมาบวชพระ บวชพระเพราะว่ารักสบายไม่ต้องทำมาหากินให้ลำบาก จีวรก็มีใส่ ที่นอนก็มี แต่บวชพระไปแล้วมีวินัย มีข้อบังคับ มีสิกขาบทให้ต้องดูแล เกิดเบื่อขึ้นมาเกิดท้อขึ้นมา อยากจะสึก ลืมบอกไปว่าตอนที่ชายยากจนเข็ญใจนี้จะบวชยังเสียดายเสื้อผ้า เสื้อแม้กระทั่งปุปะขาดก็ยังไม่ทิ้ง เอามาแขวนไว้ในป่าเผื่อว่าสึกหาลาเพศไปจะได้มีเสื้อใส่ ครั้นคิดจะสึกก็เข้าไปในป่า แล้วพอมองเห็นเสื้อปุปะที่ตัวเองใส่ก็ระลึกได้ถึงความยากลำบากสมัยที่เป็นโยมเป็นฆราวาส ความกระสันจะสึกก็หายไป เปลี่ยนใจออกมาจากป่าและก็อยู่ต่อ พออยากจะสึกเมื่อไรจะเข้าไปในป่า แล้วก็ไปพิจารณาจากเสื้อนั้น ไม่อยากลำบากเหมือนตอนเป็นฆราวาสก็เลยไม่สึก ทำอย่างนี้อยู่หลายครั้ง
จนกะทั่งภายหลังตั้งใจปฏิบัติแล้วก็บรรลุธรรม แต่ก่อนตอนที่เข้าไปในป่าออกมาเพื่อนพระจะถามว่าไปทำอะไร ท่านบอกว่าไปหาอาจารย์ ตอนหลังพอบรรลุธรรมแล้วเพื่อนพระก็ทักว่าเดี๋ยวนี้ไม่ไปหาอาจารย์หรือ ท่านตอบว่าเราไม่ต้องการอาจารย์แล้วไม่เกี่ยวข้องกับอาจารย์แล้ว เพื่อนพระก็หาว่าท่านอวดอุตริอ้างว่าบรรลุธรรม แล้วไปฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเรียกตัวมาถาม ท่านก็อธิบายอย่างที่เล่ามานี้ พระพุทธเจ้าสรรเสริญแล้วบอกว่า “บุคคลต้องหมั่นเตือนตนด้วยตน ต้องมีสติรักษาตน” แล้วพระพุทธเจ้าตรัสว่า "อัตตาหิ อัตตโนนาโถ" บุคคลต้องมีตนเป็นที่พึ่ง พวกเราก็ต้องหมั่นเตือนตน หมั่นรักษาตน ด้วยการดูแลจิตใจให้ดี ทำใจให้เป็นบุญ