พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567
เมื่อต้นเดือนที่แล้วมีข่าวว่ามหาเศรษฐีชาวอินเดีย คือ ราทัน ทาทา (Ratan Naval Tata) เสียชีวิต
ทาทา
เป็นชื่อของบริษัทใหญ่ที่สุดในอินเดียก็ว่าได้ และตัวราตทันเป็น CEO ดูเหมือนจะเป็นรุ่นที่ 2 ของตระกูลทาทา และทำให้ทาทาขยายกิจการใหญ่โต ไม่ใช่แค่ในอินเดีย แต่ว่าไปซื้อกิจการในยุโรป อังกฤษ อเมริกาหลายแห่ง เรียกว่ารวยมหาศาล
พอเขาเสียชีวิตก็มีคนรอดูว่าพินัยกรรมของเขาจะมอบทรัพย์สินหรือมรดกให้กับใครบ้าง เพราะว่าตัวราทันมีเงินระดับหมื่นล้าน แสนล้านเลยทีเดียว คนใกล้ตัวก็รอว่าตัวเองจะได้รับมรดกจากมหาเศรษฐีคนนี้มากแค่ไหน
แต่พอเขาเปิดพินัยกรรมเมื่อสัก 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็เป็นข่าวใหญ่โต สร้างความประหลาดใจให้กับคนมาก เพราะเงินก้อนใหญ่ที่สุด 4,000 ล้านบาท เขายกให้หมาที่เป็นเพื่อนเขาหรือว่าอยู่ใกล้ชิดกับเขา นอกนั้นก็ให้ผู้ช่วยคนสนิทและพ่อครัว ส่วนพี่น้องและหลานได้น้อยมาก เขาไม่มีลูกเพราะว่าเขาไม่ได้แต่งงาน แต่เขามีพี่มีน้อง และแน่นอนต้องมีหลาน
มีคําถามว่าทำไมพี่น้องหรือว่าหลาน ๆ ได้น้อยมาก จากมรดกที่ว่าน้อยนี้อาจจะมากสำหรับเรา แต่สำหรับคนทั่วไปแล้วถือว่าสัดส่วนน้อย อาจจะเป็นเพราะว่าพี่น้องและหลาน ๆ มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับเขาเท่าไร ที่ไม่ดีอาจจะเป็นเพราะว่าประพฤติตัวไม่ดี เกกมะเหรกเกเร หรือว่าเอาแต่เที่ยว ไม่ทำงาน หรือว่าหวังจะฮุบมรดกจากตัวเขา
เป็นเรื่องผิดสังเกตว่ามรดกมหาศาลไม่ได้ยกให้กับพี่น้อง ญาติ หรือว่าลูกหลาน แต่ว่าให้กับลูกน้อง และมากที่สุดคือหมา
ในแง่หนึ่งเหมือนกับเป็นการประจานพี่น้องและหลาน ๆ ว่าไม่สมควรจะได้รับมรดก คงจะเสียหน้ากันไปเยอะทีเดียว แต่มองในแง่หนึ่ง เป็นไปได้ว่าที่พี่น้องและหลาน ๆ ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวราทัน อาจจะเป็นเพราะตัวราทันเองเป็นคนที่ไม่น่ารัก ไม่น่าคบ
เพราะว่าเศรษฐีจำนวนไม่น้อยเอาแต่ทำงานหาเงิน และบางคนก็อารมณ์ร้าย ชอบใช้อำนาจกับคนใกล้ตัว บางทีพี่น้องอาจจะทนไม่ได้ หรือว่าหลาน ๆ อาจจะทนไม่ไหว หรือว่าระอาก็ได้ เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์จึงไม่ค่อยดีกับตัวผู้ตาย
แต่ที่แน่ ๆ คือว่า ไม่ว่าจะเป็นเพราะว่าความสัมพันธ์ไม่ดีเกิดจากพฤติกรรมของใคร แต่คิดว่าที่มีส่วนอย่างมากคือ การที่เขาไม่มีเวลา ไม่ได้ใส่ใจกับความสัมพันธ์ในครอบครัว
พอไม่ให้ความสำคัญหรือใส่ใจกับความสัมพันธ์ในครอบครัว ความสัมพันธ์ย่อมเหินห่างเป็นธรรมดา จะเรียกว่าเขาอยู่อย่างเหงา ๆ ก็ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหมาเป็นเพื่อน
การที่เขาเลือกให้มรดกกับใครก็สะท้อนถึงวิถีชีวิต นิสัยใจคอของเขา น่าเห็นใจ รวยมหาศาล แต่ว่ามีหมาเป็นเพื่อนเท่านั้น นอกนั้นก็เป็นลูกน้อง คือมีพวกผู้ช่วยคนสนิท กับคนครัว อันนี้จะเรียกว่าเขาประสบความสำเร็จในการงานก็จริง ประสบความสำเร็จในวิชาชีพ แต่เรียกไม่ได้ว่าประสบความสำเร็จในชีวิต
เพราะว่าถ้าคนเราประสบความสำเร็จในชีวิตจะมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นต่อคนใกล้ตัว ถ้ามีลูก ลูกก็รัก หรือว่าดูแลเอาใจใส่ มีปัญหาก็มาปรึกษา หรือว่าตัวเองยามแก่เฒ่าก็มีลูกหลานมาคอยดูแล มาเป็นเพื่อน
แต่ว่าเขาแม้จะร่ำรวยมหาศาล แต่ในแง่ของชีวิตไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จ
หลายคนมักจะเข้าใจว่าความสำเร็จในอาชีพกับความสำเร็จในชีวิตเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ที่จริงไม่ใช่เลย คนบางคนแม้จะมีเงินไม่มาก อาจจะเป็นยาจก อาชีพเก็บขยะ กวาดถนน
แต่ว่าลูกรัก ภรรยารัก คนรอบข้างเคารพ เพราะว่ามีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อย่างนี้เรียกว่ามีชีวิตที่อึบอุ่น เรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต
เพราะว่าความสำเร็จในชีวิตวัดจากความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความสุขภายใน ซึ่งมักจะสะท้อนจากการที่มีครอบครัวที่อบอุ่น มีมิตรสหาย มีคนนับหน้าถือตา แม้ว่าจะไม่ร่ำรวย แต่ก็เคารพยกย่องในความมีน้ำใจ
ทุกวันนี้ผู้คนสนใจแต่ความสำเร็จในอาชีพ แต่ว่าสุดท้ายไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต บางคนรวยมหาศาล แต่เหงาะเดียว ทาทาอาจจะไม่ถึงกับตายคนเดียว เพราะว่ามีหมาอยู่ด้วย มีลูกน้อง เช่น ผู้ช่วยคนสนิท และพ่อครัว แต่ว่าคงไม่ใช่ชีวิตที่ผู้คนส่วนใหญ่ปรารถนา มีแต่ลูกน้องที่เชื่อฟัง รวมทั้งหมา
แต่ถ้าเรามีคนใกล้ชิดที่เขาเอื้อเพื่อเผื่อแผ่ มีความเกื้อกูลต่อกัน มีลูก ลูกก็รัก มีภรรยาหรือสามี เขาก็รัก อย่างนี้ดีกว่า พอตายก็ไม่ได้ตายคนเดียว หรือว่าอย่างน้อยก็มีคนอยู่ใกล้ ๆ มาให้กําลังใจ
ถ้าเรามองดี ๆ นี่เป็นข้อคิดสำหรับจุดหมายของชีวิตเรา แต่เวลาเราดูข่าวแบบนี้เราจะสนใจแต่ว่า เขารักหมามากเลย ยกเงิน 4,000 ล้านให้หมา แต่ที่จริงเป็นหมาที่อยู่ใกล้เขา ถ้าเป็นหมาตัวอื่นเขาก็ไม่ได้สนใจ อันนี้สะท้อนในหลาย ๆ อย่าง
ฉะนั้น อ่านข่าวนี้แล้ว เราลองถามตัวเราเองว่า เราอยากจะเป็นมหาเศรษฐีอย่างทาทาหรือเปล่า หรือว่าอยากจะเป็นคนที่แม้จะไม่ร่ำรวย แต่ว่ามีความอบอุ่น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน รวมทั้งมีน้ำจิตน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ไม่รู้ว่ามรดกของทาทายกให้ส่วนรวมแค่ไหน เขาทำอะไรเพื่อช่วยเหลือส่วนรวม องค์กรการกุศล มูลนิธิต่าง ๆ ได้รับมรดกจากเขาแค่ไหน หรือว่าเขาไม่ได้ให้เลย อันนี้ยิ่งแสดงว่าเขาสนใจแต่ตัวเอง รวยก็จริง แต่ว่าไม่มีน้ำใจ
อันนี้ดูจากข่าว อาจจะไม่ใช่เช่นนั้นก็ได้ แต่ว่าถ้าเราพิจารณาข่าวแบบนี้แล้ว มันสะท้อนอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็นบทเรียนกับเราว่า เราอยากจะเป็นอย่างเขา ประสบความสำเร็จในอาชีพ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตหรือเปล่า.