พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 28 ตุลาคม 2567
ที่ประเทศจีนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน มีครอบครัวหนึ่งมีกันพ่อแม่แล้วก็ลูก ลูกเป็นผู้ชายมีสองคน ครอบครัวนี้ก็ทำงานหนักมาก ขยันขันแข็งแล้วก็มีความหวังกับลูกชายมาก โดยเฉพาะลูกชายคนโต
เพราะลูกชายคนโตเป็นคนที่เรียบร้อย สุภาพ แล้วก็เรียนเก่ง พ่อแม่ก็หวังฝากฝังชีวิตว่าจะดีขึ้นเมื่อลูกชายได้เรียนจบแล้วก็ทำมาหากิน เรียกว่าทุ่มเทกับลูกชายมาก
จนกระทั่งลูกชายเรียนถึงมัธยมปลาย เตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ครอบครัวนี้ก็หวังให้ลูกชายได้เรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ลูกชายก็ขยันขันแข็งทุ่มเทมากกับการเตรียมสอบ
แต่แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ ถังแก๊สที่บ้านมันรั่วแล้วก็ระเบิด ปรากฏว่าลูกชายคนโตอยู่ในครัวก็เสียชีวิต
ตอนที่เกิดเหตุแม่ก็อยู่ใกล้ๆ แต่ว่าไม่เป็นอันตราย แต่แม่ตกใจมากพอรู้ว่าลูกประสบอุบัติเหตุก็พยายามไปดึงตัวลูกออกมาจากห้องครัว แต่ว่าตัวเองก็เกิดหกล้มแล้วก็กระแทกกับกำแพงสมองได้รับการกระทบกระเทือนกลายเป็นอัมพาตไปเลย อัมพาตแบบที่ยังไม่ถึงกับนอนติดเตียง แต่ก็ต้องนั่งรถเข็น แล้วความจำนี่ก็เลอะเลือนไป
จากครอบครัวซึ่งเหมือนจะมีอนาคต จู่ๆ เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น เหตุการณ์ก็แปรเปลี่ยนไป ลูกชายคนโตก็ตาย เมียก็เป็นอัมพาต แต่เมียหลังจากที่ได้รับการเยียวยารักษาจนดีขึ้น ทำกายภาพบำบัดก็สามารถจะใช้ชีวิตเกือบปกติได้ ยกเว้นแต่ว่าเดินไม่ได้ ต้องนั่งรถเข็น
แล้วแกก็เฝ้าถามหาลูกชาย ว่าทำไมไม่เห็นลูกชายเลย แกไม่รู้ว่าลูกชายตายแล้ว เพราะตอนนั้นสมองเกิดกระทบกระเทือนมากจนลืมเหตุการณ์นั้นไป
ฝ่ายสามี ชื่อเซี่ยก็ไม่กล้าบอกความจริงว่าลูกชายตายแล้ว ก็บอกว่า ลูกชายไปเรียนหนังสือต่างจังหวัด ภรรยาซึ่งชื่อเหลียงก็เชื่อ แล้วก็เฝ้าถามถึงลูกชายอยู่เรื่อย สามีก็ไม่ยอมบอกความจริง ก็แต่งเรื่องไปเรื่อยๆ ว่ากำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ไม่ว่าง เรียนหนัก ไม่มีเวลาที่จะกลับบ้านเลย
ผ่านไป 4-5 ปีก็แต่งเรื่องว่า ลูกชายตอนนี้กำลังทำงาน งานหนักมาก เวลาผ่านไป 11 ปีผู้เป็นแม่ก็ได้แต่ถามหาลูกชายว่าไม่เห็นหน้าลูกชายเลย 11 ปีแล้ว เกิดความสงสัยว่า ไปเรียนหนังสือยังไงไม่กลับมาเยี่ยมบ้าน แล้วก็ทำมาหากินยังไงไม่เคยกลับมาเยี่ยมบ้านเลย
ฝ่ายสามีสุดท้ายก็รู้ว่าคงจะโกหกไม่สำเร็จแล้ว จำเป็นต้องบอกความจริง เพราะว่ามันผ่านมาตั้ง 11 ปีแล้ว ไม่เคยเห็นหน้าลูกชายเลย
แต่ก็มีคืนหนึ่งก่อนที่สามีจะบอกความจริงให้ภรรยารู้ว่า ลูกชายคนโตตายแล้ว สองคนนี้บังเอิญได้ดูโทรทัศน์มีรายการข่าว แล้วก็มีการสัมภาษณ์ตำรวจคนหนึ่ง ตำรวจคนนั้นหน้าตาเหมือนลูกชายมากเลย เซี่ยที่เป็นสามียังเชื่อเลยว่าเหมือนกับลูกชาย ก็ยังบอกภรรยาเลยว่านั่นลูกชาย ลูกชายเรา แต่ว่าภาพที่เห็นมันก็มีแค่ไม่กี่วินาที แล้วก็หายไป
ตัวสามีก็เลยคิดสงสัยว่า เป็นลูกชายเราหรือเปล่า ก็พยายามสืบหาติดตาม ไปสอบถามสถานีโทรทัศน์ ว่าพอจะรู้จักตำรวจคนนั้นมั้ย ใช้เวลานาน สุดท้ายก็เจอตัว
แล้วสถานีโทรทัศน์ก็เลยไปแจ้งให้ตำรวจคนนั้นทราบว่า คุณน่ะเหมือนกับลูกชายของครอบครัวหนึ่งเลยซึ่งอยู่ที่มณฑลชานซี ไกลมาก แล้วก็เล่าเรื่องราวของครอบครัวนี้ให้ฟัง
ตำรวจคนนั้นบอกยินดีเลย ยินดีรับบทบาทเป็นลูกชายเพื่อความสุข ความสบายใจของครอบครัวนี้ เพราะหน้าที่ของเราคนเป็นตำรวจ นอกจากรักษาสวัสดิภาพของผู้คนแล้วก็ต้องช่วยเหลือบริการผู้คนให้เขามีความสุขด้วย ในเมื่อครอบครัวนี้เขาต้องการลูกชาย ผมก็ยินดีรับบทเป็นลูกชาย
สถานีโทรทัศน์เลยจัดให้มีการพบปะกัน ระหว่างตำรวจคนนี้ชื่อเจียงกับครอบครัวนี้ แล้วก็มีการเรียกว่าถ่ายทอดทางโทรทัศน์เลยว่า พ่อแม่ลูกได้มาพบกัน คนก็ชื่นชมมาก
เซี่ยเห็นหน้าตำรวจคนนี้ก็เชื่อจริงว่าเป็นลูกชายเรา ส่วนภรรยานี้ก็เชื่อเหมือนกันว่าลูกชายเรา ได้เจอกันแล้ว 11 ปี
แต่มันไม่จบแค่นั้น เพราะหลังจากนั้น เจียงซึ่งเป็นตำรวจแกก็ไม่เพียงแต่สวมบทบาทนี้ แต่ว่าแกเอาจริงเอาจังกับความสัมพันธ์ใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่เพียงแค่ยอมพาตัวมาปรากฏทางรายการโทรทัศน์ แล้วก็พบปะครอบครัวนี้ แต่หลังจากนั้นก็ยังติดตามข่าวคราว ติดต่อสอบถามทุกข์สุขของครอบครัวนี้ ถึงวันตรุษจีนก็ส่งของขวัญไปให้
ตอนหลังเซี่ยเกิดป่วย เจียงซึ่งรับบทลูกชายก็ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล เดินทางไกลเลย แถมมอบเงินให้ด้วยเป็นค่ารักษาพยาบาล บอกขอมอบให้พ่อ เซี่ยก็ซาบซึ้งมากเลย แล้วตอนหลังก็รับเอาเจียงเป็นลูกชายจริงๆ
ส่วนเหลียงซึ่งเป็นภรรยาเชื่ออยู่แล้ว ครอบครัวซึ่งเคยเหงาหงอยก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย เพราะมีลูกชาย ตอนหลังเจียงตำรวจก็ไปเยี่ยมครอบครัวนี้ถึงบ้านเกิดเมืองนอนชานซี แล้วก็ไปหลายครั้ง เรียกว่ารับบทเป็นลูกชาย แต่ไม่ใช่รับบทอย่างเดียว แต่รู้สึกเลยว่าเป็นลูกเป็นพ่อกัน
ตอนหลังมีคนรู้ข่าวแล้วก็เอาไปบอกเล่าทางสื่อ เรื่องราวของเจียงกับเซี่ยก็เลยเป็นที่รู้จักกัน แล้วคนก็ชื่นชมมากว่า เจียงเป็นตำรวจที่ดีมากเลย รับสมอ้างเป็นลูกชายให้กับครอบครัวที่เขามีความทุกข์มาก
แต่เจียงก็บอกว่า มันไม่ใช่เป็นแค่หน้าที่ มันเป็นความรู้สึกที่เขามีความสุขด้วย เพราะว่าผมมีความสุขมากเลยที่เป็นลูกชายของครอบครัวนี้ ทีแรกคิดว่าทำตามหน้าที่ หน้าที่ต้องบริการเอื้อเฟื้อคนที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือคนที่ประสบความทุกข์ แต่ตอนหลังก็พบว่าตัวเองก็ได้รับความสุขด้วย
อันนี้ก็เรียกว่าผู้ให้ความสุขย่อมได้รับความสุข ทีแรกอยากจะช่วยครอบครัวนี้ แต่ตอนหลังกลายเป็นว่าครอบครัวนี้ก็ช่วยให้ตัวเองมีความสุขด้วยเหมือนกัน
ที่จริงเจียงก็ไม่ใช่ลูกกำพร้า แต่เขาก็มีความสุขที่มีพ่อมีแม่คนใหม่ แล้วก็มีความรักความผูกพันมีความเมตตาเอื้อเฟื้อกัน ความเมตตาที่เรามีกับใครก็ตามสุดท้ายมันก็ส่งผลให้เรามีความสุข เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจมาก