แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567
ผ่านไปหนึ่งวันเต็มๆ สำหรับผู้ที่มาปฏิบัติที่นี่ แล้วคงจะพบว่ามันไม่ง่าย และไม่สบายเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะอากาศร้อนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะว่ามีความรู้สึกต่างๆ ปนเป และล้วนแต่รบกวนจิตใจ รวมทั้งมีความคิดหรือข้ออ้างต่างๆ มากมายที่อยากจะชวนให้เราเลิกปฏิบัติบางทีเราก็ไปนึกถึงโทรศัพท์มือถือ หรือว่านึกถึงคนที่เราอยากจะไปคุยด้วย นึกถึงอะไรต่ออะไรมากมายที่จะดึงเราออกจากการปฎิบัติ ยังไม่นับความเบื่อความง่วง ความฟุ้ง สารพัด จนทำให้เราเกิดความท้อแท้ อยากจะเลิกปฏิบัติ หรืออยากจะกลับบ้าน อันนี้ก็ธรรมดา ขอให้เราระลึกหรือย้ำเตือนตัวเองว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องฟันฝ่าไปให้ได้ ถ้าเราปรารถนาจะรักตัวเอง แต่พอพูดอย่างนี้แล้วหลายคนก็จะเถียงว่าฉันรักตัวเองอยู่แล้ว และไม่อยากจะให้ตัวเองมาลำบากอย่างที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ที่จริงถ้าเรามีอะไรรบกวนจิตใจ มันคงบอกไม่ได้ว่าเรารักตัวเอง หลายคนก็จะรู้ว่าฉันรักตัวเอง รักตัวเอง แต่ถ้าเรารักตัวเองก็ย่อมยินดีที่จะอยู่กับตัวเอง มีความสุขที่ได้อยู่กับตัวเอง
แต่คนส่วนใหญ่เวลาอยู่กับตัวเองจะรู้สึกทุกข์ รู้สึกกระวนกระวาย กระสับกระส่ายหรือรู้สึกทรมานด้วยซ้ำ ซึ่งมันผิดวิสัยการรักตัวเอง
เวลาเรารักอะไรก็ตาม เราก็อยากจะอยู่กับสิ่งนั้น รักลูกก็อยากอยู่กับลูก รักแฟนก็อยากอยู่กับแฟน รักรถก็อยากอยู่กับรถ รักพระเครื่องก็อยากอยู่กับพระเครื่อง แต่ทำไมรักตัวเองถึงไม่อยากอยู่กับตัวเอง อยากหาอะไรต่ออะไรที่พาออกจากตัวเอง ทุกวันนี้เราพยายามหนีตัวเองโดยไม่รู้ตัว ถ้าอยู่คนเดียวเมื่อไหร่ก็จะไปหาคนมาคุย หยิบโทรศัพท์มาไถ ถ้าไม่มีโทรศัพท์อยู่ใกล้มือการอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่ทรมานมาก ต้องมีอะไรทำ ต้องมีอะไรเสพ การที่คนเรานิยมกิน ดื่ม เที่ยว เล่น ช็อป รวมทั้งพูดคุยคลุกคลี ลึกๆ เป็นเพราะอยากจะหนีตัวเอง เพราะถ้าอยู่กับตัวเองเมื่อไหร่จะมีความรู้สึกกระสับกระส่าย กระวนกระวาย หงุดหงิด งุ่นง่าน เราสังเกตใจของเราหรือเปล่าเวลาอยู่คนเดียว มันมีความสุขหรือมีแรงผลักที่อยากจะออกไปกิน ดื่ม เที่ยว เล่น ช็อปหรือแม้แต่ทำงาน หลายคนบอกว่าเวลามาเดินจงกรมหรือสร้างจังหวะปฏิบัติธรรมทั้งวัน มันอยากจะทำงาน อยากจะหาข้ออ้างไปทำนั่นทำ แม้แต่กวาดใบไม้ หรือไปซักผ้า เวลาไม่ได้ปฏิบัติ เรื่องพวกนี้ไม่ได้สนใจ บางทีก็ผัดผ่อน ยิ่งถ้าปฏิบัติแบบเข้มงวดไม่ให้พูดคุยกันเลยไม่ให้หยิบโทรศัพท์มาเล่นมาไถ มันอยากจะทำโน่นทำ การทำโน่นทำมันก็เป็นข้ออ้างเพื่อที่จะหนีตัวเอง
ถ้าคิดแต่จะหนีตัวเองจะเรียกว่ารักตัวเองได้อย่างไร
หลายคนถึงกับต้องพยายามหาคู่ เพราะถ้าไม่มีคู่หรือเป็นโสด มันว้าเหว่เคว้งคว้าง ทั้งๆ ที่สามารถจะไปหาอะไรทำเพื่อหนีตัวเอง ไถโทรศัพท์ดูซีรี่ส์ ไปเที่ยวแต่ก็ยังรู้สึกเหงาเคว้งคว้าง อยากมีคู่ จะอ้างว่าเป็นเพราะมีความรัก แต่ที่จริงแล้วมันเกิดจากการพยายามหนีตัวเองมากกว่า หนีตัวเองไม่พอ พยายามหาความทุกข์มาใส่ตัว ชอบซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเอง คนเราถ้ารักตัวเองเรามีแต่จะปกปักรักษาไม่ให้ความทุกข์มาใส่ตัว บ่อยครั้งเราเบียดเบียนทำร้ายตัวเอง หยาบๆ ก็คือกินเหล้าสูบบุหรี่ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งบั่นทอนสุขภาพ หรือกินอาหารที่ก่อผลเสียต่อร่างกาย ทั้งที่รู้ว่าไม่ดีกับสุขภาพ อาหารรสจัด หวานมาก ไขมันสูง หรือมีเกลือเยอะ แต่ก็ยังไม่ยอมเลิก อันนี้เรียกว่าเป็นการทำร้ายตัวเอง
แต่เราทำร้ายตัวเองแบบแนบเนียนละเอียดอ่อนกว่านั้น คือ การชอบเก็บสะสมอารมณ์ที่เป็นพิษ หรือไขว่คว้าหาอารมณ์ที่เป็นอกุศลมาทำร้ายจิตใจ เรื่องใดที่ทำให้เราโศกเราเศร้า ก็จะหวนคิดถึงเรื่องนั้นไม่ยอมเลิกรา เงินหาย ของหาย คนรักจากไป เศร้าซึม นั่งเจ่าจุกอยู่อย่างนั้น ใครจะมาชวนไปเที่ยวก็ไม่ไป ฉันจะขอเศร้าเจ่าจุกอยู่อย่างนี้ หรือโกรธใครไม่ชอบการกระทำคำพูดของใครก็เอาแต่คิดถึงการกระทำคำพูดเหล่านั้น ปล่อยให้ความโกรธมันเผาลนใจ เกลียดใครก็จะครุ่นคิดคิดถึงคนนั้น ปล่อยให้อารมณ์เกลียดมันแทงใจ วิตกกังวลเรื่องอะไรก็เหมือนคิดถึงเรื่องนั้น ซึ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มความหนักอกหนักใจ ซ้ำเติมตัวเอง บางทีทำอะไรที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานการหรือกับคนรักผู้มีพระคุณ ก็จะไปคว้าเอาความรู้สึกผิดมากรีดแทงใจ หรือไปคว้าอารมณ์ต่างๆมาเผาลนใจกรีดแทงใจ โบยตีจิตใจนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งที่เราเลือกที่จะไม่ทำอย่างนั้นก็ได้ แต่เราก็ทำอย่างนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกินไม่ได้นอนหรือนอนไม่หลับ จนเกิดอาการซึมเศร้า หรือเกิดความเจ็บป่วยทางร่างกาย ความดันสูงปวดโน่นปวด ซึ่งล้วนเกิดจากการหมักหมมอารมณ์ต่างๆ
เวลาเสียทรัพย์ แทนที่จะปล่อยให้เสียแต่ทรัพย์ ก็ซ้ำเติมใจให้เสียหรือเป็นทุกข์ไปด้วย เวลาป่วยแทนที่จะป่วยแต่กายก็ปล่อยให้ใจป่วยหรือซ้ำเติมใจหายป่วยด้วย คือสิ่งที่เราทำกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันแล้ววันเล่า ถ้าเราทำอย่างนั้นกับตัวเองจะบอกว่าเรารักตัวเองได้อย่างไร ที่บอกว่ารักตัวเองรักตัวเองที่จริงไม่ใช่หรอก มันรักตัวกูมากกว่า รักตัวเองกับรักตัวกูมันต่างกัน พฤติกรรมที่เราบั่นทอนทำร้ายสุขภาพตัวเอง หรือทำร้ายจิตใจตัวเองมันก็เป็นเพราะรักตัวกู คนเราพอรักตัวกูขึ้นมาก็อยากจะหาสิ่งต่างๆ มาปรนเปรอตัว มาพะนอตัวกู หรือมาส่งเสริมความยิ่งใหญ่ของตัวกู ครั้นไม่ได้อย่างนั้นก็เกิดความทุกข์ เกิดความโกรธแค้น เกิดความเศร้าโศก
แม้กระทั่งเวลาที่เราบอกเรารักใคร จริงๆแล้วเราไม่ได้รักเขาหรอก เรารักตัวกูมากกว่า
ที่บอกว่ารักใครไม่ว่าจะเป็นลูก คนรัก ส่วนใหญ่แล้วเป็นการรักกู อยากให้เขามาพะนอตัวกู อยากให้เขาพูดดีกับเรา ทำดีกับเรา หรืออยากให้เขาเห็นความสำคัญของเรา อยากให้เรากลายเป็นคนสำคัญที่สุดของเขา นี้ล้วนเป็นการพะนอตัวกูหรือปรนเปรอตัวกูทั้งนั้น แม้กระทั่งพ่อแม่ที่บอกว่ารักลูก ถ้ารู้ว่าลูกรักพ่อมากกว่าแม่ หรือรักแม่มากกว่าพ่อ คนที่รู้สึกว่าตัวเองได้รับความรักน้อยกว่าก็จะโกรธ เสียใจ บางทีถึงกับไม่พอใจลูก ดังนั้นความรักของพ่อแม่ที่บอกว่ารักลูก จริงๆ แล้วก็รักตัวกูมากกว่า ถ้าลูกไม่เชื่อฟังกู หรือไม่ทำตามที่กูบอก ก็จะโกรธ หรือเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ
เช่นเดียวกับการรักแฟน คนรัก คู่ครองก็เหมือนกัน เขาต้องรักเราคนเดียว เราต้องเป็นเบอร์หนึ่งของเขา ถ้าเขารักคนอื่นด้วย ปันใจให้คนอื่นด้วย จากรักจะกลายเป็นโกรธ จากการพูดกลายเป็นด่าหรือทำร้าย ต้องตบตี อย่างนี้จะเรียกว่ารักได้อย่างไร จะเรียกว่ารักก็ได้แต่ไม่ใช่รักเขา เรียกว่ารักตัวเองมากกว่า เพราะฉะนั้น เวลาเราบอกว่ารัก แม้กระทั่งรักตัวเอง เวลาเราบอกรักใครก็ตาม ดูดีๆ มันคือรัก “ตัวกู” และเมื่อไหร่ก็ตามที่ตัวกูไม่ได้รับการตอบสนอง ไม่ได้รับการพะเน้าพะนอการปรนเปรอมันก็จะเกิดการไม่พอใจ เกิดความงุ่นง่าน เกิดความกระสับกระส่าย เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับหลายคนตอนนี้ เพราะว่าตัวกูมันอยากจะหาสิ่งเสพหาสิ่งเร้า เพื่อทำให้เกิดความเพลิดเพลินยินดี พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราทำไปตามอำนาจของกิเลส ตัณหา มานะทิฐิ หรือรู้สึกเป็นทุกข์เพราะไม่ได้ทำ หรือสนองอำนาจของตัณหา มานะทิฐิ มันก็เพราะว่าเรารักตัวกู แล้วพอตัวกูไม่ได้รับการตอบสนองมันก็เกิดอาการโวยวาย พยศ หรือปั่นป่วนขึ้นมา
อาการที่เกิดขึ้นกับเรามันเกิดจากการปั่นป่วนของตัวกู อยากจะหาสิ่งเสพมาปรนเปรอตัวกู หรืออยากจะทำอะไรตามที่ตัวกูเคยทำ พอไม่ได้ทำอย่างนั้นก็เกิดอาการปั่นป่วนวุ่นวาย เกิดความหงุดหงิด คร่ำครวญ ให้รู้เถอะว่าอาการที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะเราไม่ได้ตอบสนองความต้องการของตัวกู และถ้าเรารักตัวเองอย่างแท้จริง มันก็จะเห็นความสำคัญของการไม่ปล่อยให้ตัวกูมาครอบงำ กำกับจิตใจของเรา รักตัวเองก็คือความใส่ใจในการดูแลรักษากายและใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราพยายามดูแลกายดูแลใจ อันนั้นถึงจะเรียกว่ารักตัวเอง ดูแลกายด้วยการกินอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ได้ตามใจกิเลส รู้จักออกกำลังกายเป็นประจำโดยไม่สนใจว่า จะมีเสียงโวยวายจากข้างใน เพราะตัวกูอยากจะสบาย รู้จักพักผ่อน แทนที่จะเอาแต่กินดื่มเที่ยวเล่น หรือเสพ ความสุขที่สนองตัวกู และนอกจากการดูแลกายให้ดีแล้วสำคัญที่สุดคือการดูแลใจ
ถ้าเรารักตัวเองอย่างแท้จริง เราต้องรู้จักรักษาใจไม่ให้ความทุกข์มาครอบงำ
การปฎิบัติ การฝึกสติของเราก็เป็นวิธีการสำคัญในการที่เราจะรักตัวเองอย่างแท้จริง เพราะถ้าใจเรามีสติก็จะมีเครื่องคุ้มกันรักษาใจไม่ให้อารมณ์ต่างๆ มาครอบงำ จะเป็นความโศกความเศร้า ความโกรธ ความเกลียด ความอิจฉา ความน้อยเนื้อต่ำใจ จะไม่ยอมปล่อยให้ตัวกูเข้ามาครอบงำกำกับกายและใจของเรา บั่นทอนกายและใจเพื่อสนองหรือปรนเปรอตัวมัน และที่สำคัญคือถ้าหากเรารักตัวเองอย่างแท้จริงเราจะเห็นความสำคัญของการไม่ไปคว้าเอาอารมณ์ต่างๆ ที่เป็นอกุศลมาเผาลน ทิ่มแทง หรือโบยตีจิตใจ ซึ่งที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ มันเกิดขึ้นจากการที่เราปล่อยให้ความคิดเกิดขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว หรือด้วยความหลง คิดถึงเรื่องใดก็จะมีอารมณ์เกิดขึ้นตามมา
คิดถึงเรื่องความสูญเสียคนรักก็จะเกิดความเศร้าโศกและคับแค้น คิดถึงการกระทำและคำพูดของใครบางคนที่คิดร้ายต่อเรา ก็จะเกิดความโกรธ เกิดความอาฆาตพยาบาท คิดถึงความผิดที่เคยทำก็จะเกิดความรู้สึกผิด ซึ่งคอยเฆี่ยนตีโบยตีจิตใจของเรา ฉะนั้นถ้าหากเรารักตัวเอง เราจะไม่ไปคว้าเอาเรื่องราวเหล่านี้มาทำร้ายใจ และยังรู้จักปล่อยรู้จักวาง สลัดอารมณ์หรือความทรงจำต่างๆเหล่านี้ออกไปจากใจ แม้จะระลึกนึกถึงมันแต่ก็ระลึกนึกถึงอย่างมีสติ ไม่ปล่อยให้อารมณ์มาเผาลนจิตใจ เวลานึกถึงงานการ เราก็นึกโดยไม่ปล่อยให้ความหนักอกหนักใจมาซ้ำเติมจิตใจของเรา ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ก็เพราะการฝึกฝนจิตใจ รวมทั้งรู้จักรับรู้สิ่งต่างๆ ที่จะช่วยทำให้ใจเกิดความรู้สึกเป็นกุศลขึ้นมา
ถ้าไม่มีสติ มันเห็นอะไรมันก็จะมองแต่ในแง่ลบ
เวลาคิดอะไรก็จะคิดในทางลบทางร้าย โดยเฉพาะเวลาคิดถึงเรื่องอนาคต คิดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดก็จะนึกถึงแต่เรื่องลบเรื่องร้าย เสร็จแล้วก็เกิดความทุกข์ขึ้นมา เวลามองสิ่งรอบตัว แทนที่จะเห็นสิ่งดีๆ ที่มีอยู่รอบตัวก็นึกถึงสิ่งที่มันกระตุ้นโทสะ ซึ่งนั่นคือการทำร้ายจิตใจ เบียดเบียนตนอีกแบบหนึ่ง ฉะนั้นถ้าเรารู้จักรักตัวเองอย่างแท้จริง มันจะเกิดความสุขความสงบในจิตใจได้ง่าย เพราะจะไม่ไปคว้าเอาความทุกข์มาทิ่มแทงรบกวนรังควานจิตใจ และขณะเดียวกันเราก็จะมีความสุขความสงบได้ง่ายเวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับตัวเองก็ไม่มีอาการดิ้นรนพลุ่งพล่าน กระสับกระส่าย งุ่นง่าน
อยู่กับตัวเองก็คือ อยู่กับความรู้สึกตัว อยู่กับลมหายใจก็มีความสุขได้ อยู่กับความรู้สึกตัวทั่วพร้อมก็มีความสุข ไม่จำเป็นต้องออกไปเที่ยวเล่นกินดื่มชอป หรือไปคลุกคลีกับใคร ช่วงโควิดหลายคนเป็นทุกข์มากทั้งๆ ที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องงานการ กินอิ่มนอนอุ่น แต่ทุกข์เพราะไม่ได้ออกไปไหน ทั้งที่มีโทรศัพท์ มีโทรทัศน์ดู จะดูฟังเพลงเท่าไหร่ก็ได้ แต่ก็ยังหงุดหงิด หรือเหงา หรือเป็นทุกข์ เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะไม่ได้เสพสิ่งใหม่ ไม่ได้หนีออกจากตัวเองอย่างที่ต้องการ เพราะตัวกูมันต้องการสิ่งปรนเปรอ สิ่งใหม่ๆ แต่พอไม่ได้รับการปรนเปรอ ไม่ได้รับการตอบสนอง มันก็สร้างความปั่นป่วนขึ้นมาในจิตใจ เราอย่าปล่อยให้มันมีอำนาจเหนือใจเรา แม้มันจะป่วนอย่างไรก็รู้ทัน ไม่ไปตามใจมัน เหมือนกับเด็กน้อย แม้ว่าจะร้องยังไง เราก็ไม่ยอมทำตามความต้องการของเขา
และจริงๆแล้วคือ ไม่เอาความทุกข์ของตัวกูมาเป็นความทุกข์ในใจเรา ต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง ความทุกข์ของอัตตากับความทุกข์ของเรา ความทุกข์ของตัวกู มันทุกข์ก็ทุกข์ไป อย่างเช่นเวลามีคนมาต่อว่า มีคนมาตำหนิ มีคนมาทักท้วง หรือแม้มีคนไม่สรรเสริญ ตัวกูมันก็จะเกิดอาการโวยวายขึ้นมา ก็ให้รู้ว่าที่ทุกข์ไม่ใช่เราทุกข์ แต่ตัวมันทุกข์ เพียงแค่ไม่มีใครชมมันก็ทุกข์แล้ว เราอย่าเอาความทุกข์ของมันมาเป็นความทุกข์ของเรา มันทุกข์ก็ทุกข์ไป เหมือนมันโกรธก็โกรธไป แต่เราไม่ได้โกรธด้วย ทำอย่างนั้นได้เพราะเราเห็นมัน มันโกรธก็โกรธไป แต่ใจไม่ทุกข์ มันจะง่วงมันจะเบื่อยังไงก็เห็นมัน แต่ไม่เข้าไปเป็นมัน ถ้าทำอย่างนี้ได้ใจเราก็จะเป็นสุขได้ง่าย ไม่ถูกครอบงำด้วยอำนาจของตัวกู แล้วเราก็จะพัฒนาจากที่เคยรักตัวกู รักตัวกูจนชีวิตย่ำแย่ กลายเป็นรักตัวเองอย่างแท้จริง
แล้วพอรักตัวเองอย่างแท้จริง การรักคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นลูกพ่อแม่คนรักก็จะกลายเป็นรักที่แท้จริง เริ่มจากการรักตัวเองให้ได้ รักตัวเองอย่างแท้จริง สิ่งที่ผู้คนทุกวันนี้ขาดไปคือการรักตัวเอง.