พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567
ที่ประเทศอินเดีย มีร้านตัดผมร้านหนึ่ง ช่างตัดผมซึ่งเป็นเจ้าของคงจะเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี และฝีมือดีด้วยและราคาคงจะไม่แพงจึงมีลูกค้าเยอะ พอลูกค้าเยอะหลายคนก็ต้องคอย คอยว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวของตัวที่จะได้ตัดผม
ร้านตัดผมส่วนใหญ่ไม่อยากให้ลูกค้าที่รอคิวอยู่เกิดความเบื่อความเซ็ง เกิดความหงุดหงิดที่ต้องรอคอย ก็มักจะเปิดโทรทัศน์ หรือว่าฉายหนังเปิดวิดีโอให้ลูกค้าที่คอยได้ชมขณะที่ยังไม่ถึงคิวของตัว
แต่ว่าช่างตัดผมคนนี้แกไม่เหมือนใคร แทนที่จะเปิดโทรทัศน์ให้ลูกค้า แกทำชั้นหนังสือเป็นห้องสมุดน้อย ๆ หนังสือนี้ก็เต็มชั้นเลย 4-5 ชั้น มีหลากหลายเพื่อให้ลูกค้าได้หยิบหนังสือไปอ่าน แต่ถ้าทำเท่านี้ก็คงจะมีลูกค้าน้อยคนที่จะสนใจหยิบหนังสือไปอ่าน อาจจะไถมือถือมากกว่า
แกก็เลยมีวิธีเชิญชวนให้ลูกค้าสนใจอ่านหนังสือที่แกเอามาวางไว้ เชิญชวนยังไง เชิญชวนว่าถ้าใครอ่านหนังสือในห้องสมุดหรือในชั้นหนังสือของแกนี้จะได้ลดครึ่งราคา
ปรากฎว่าลูกค้าหลายคนสนใจหยิบหนังสือมาอ่าน แต่ก็มีบางคนที่แค่หยิบมาดูเฉย ๆ หรือว่าทำทีเหมือนกับอ่านหนังสือ ช่างตัดผมคนนี้คงจะรู้ว่ามีลูกค้าแบบนี้อยู่ที่แกล้งอ่านเพื่อจะได้จ่ายค่าตัดผมแค่ครึ่งเดียว แกก็จะใช้วิธีสอบถามพูดคุยกับลูกค้าขณะที่ตัดผมว่าอ่านหนังสือแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้เช็คให้แน่ใจว่าลูกค้านี้อ่านจริง ๆ หรือเปล่า
ลูกค้าที่แกล้งทำเป็นอ่านหนังสือพอเจอไม้นี้เข้า ครั้งต่อไปก็คงจะตั้งใจอ่านหนังสือจริง ๆ เพื่อที่จะได้มาคุยกับช่างตัดผมได้ระหว่างตัดผมว่าเนื้อหาหนังสือเป็นยังไง ซึ่งจะทำกันได้นี้ช่างตัดผมก็ต้องอ่านหนังสือเหล่านี้มาแล้ว รู้เลยว่าแต่ละเล่ม แต่ละเล่มเนื้อหาเป็นอย่างไร แล้วสามารถจะชวนคุยกับลูกค้าคุยเกี่ยวกับเนื้อหาของหนังสือ อันนี้เป็นวิธีที่ช่วยส่งเสริมคนให้รักการอ่าน
ในอินเดีย คนที่ไม่รู้หนังสือก็เยอะ หรือที่รู้หนังสือแล้วก็ไม่ค่อยสนใจอ่านหนังสือก็มาก อันนี้มันเหมือนกับเมืองไทย ช่างตัดผมคนนี้แกก็มีวิธีการที่จะช่วยส่งเสริมให้คนรักการอ่าน ด้วยการหาวิธีสร้างแรงจูงใจด้วยการเอาค่าตัดผมลดครึ่งหนึ่งราคาเป็นแรงจูงใจให้อ่านหนังสือ
และปรากฏว่ามันก็ช่วยได้เยอะ เพราะว่าพอได้หยิบหนังสือมาอ่าน อาจจะไม่ใช่เล่มแรกที่อ่าน อาจจะหยิบมาเล่มนั้นเล่มนี้ แล้วก็เกิดถูกใจเล่มหนึ่งขึ้นมา แม้จะอ่านได้ประเดี๋ยวประด๋าวแต่ว่าพอได้พูดคุยสนทนากับช่างตัดผม ก็ทำให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นสนใจอ่านมากขึ้น
มันเป็นวิธีที่ช่วยเหลือสังคมที่น่าสนใจ ช่างตัดผมคนนี้เขาก็ชี้ให้เห็นว่าแม้จะเป็นแค่ช่างตัดผม แต่ก็สามารถจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หรือว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมให้เกิดขึ้นได้ด้วยการส่งเสริมให้คนรักการอ่าน อาจจะได้ผลยิ่งกว่าครูที่พยายามกระตุ้นให้นักเรียนไปค้นหนังสืออ่านหนังสือในห้องสมุดโดยการเอาคะแนนเป็นเครื่องล่อ
แต่เด็กอ่านแล้วพอไม่มีการพูดคุยกับครูก็อาจจะหมดความสนใจ แต่ว่าในกรณีของช่างตัดผมคนนี้ แกไม่ได้คิดแต่ทำงานหาเงินอย่างเดียว เพราะถ้าแกคิดจะหาเงินอย่างเดียวแกก็คงจะรวยไปแล้ว หรืออย่างน้อยก็คงจะไม่มีการลดราคาให้กับลูกค้า ลูกค้ามาเยอะยิ่งดี
แต่ว่าแกเห็นว่าลูกค้า ในเมื่ออุตส่าห์เสียเวลารอคอยแล้ว อย่าให้เวลานั้นเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ก็อ่านหนังสือดีกว่า คนเรานี้ถ้ารักการอ่านแล้วก็รู้จักเลือกอ่าน มันเปลี่ยนแปลงชีวิตได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์ หรือการทำตนให้มีคุณค่า หรืออย่างน้อยไม่เป็นภาระแก่สังคม
และมีช่างตัดผมหลายคนที่เขาสามารถจะช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ได้มากมายเลย ทั้งที่ก็เป็นแค่ช่างตัดผม แต่ว่าไม่ได้ทำงานแค่ตัดผมเพื่อจะได้มีเงินค่าจ้าง อย่างบางคนเขารู้ว่าลูกค้าชอบพูดชอบคุย ช่างตัดผมบางคนก็ชวนลูกค้าคุยระหว่างตัดผม คุยไปคุยมาก็อาจจะรู้ว่าคนนี้เขามีความทุกข์ คนนี้เขามีอาการซึมเศร้า คนนี้เขามีสัญญาณว่าอยากจะฆ่าตัวตาย
สิ่งที่ช่างตัดผมเหล่านี้ทำก็คือว่า ชวนคุยแล้วก็ฟังเขาเล่า แค่ฟังคนที่มีความทุกข์ระบายนี้มันช่วยคน ๆ นั้นได้เยอะเลย โดยที่ช่างตัดผมนี้ไม่จำเป็นต้องไปแนะนำอะไร
มีช่างตัดผมที่เขาช่วยคนให้เลิกคิดฆ่าตัวตายก็หลายคนแล้ว อันนี้เป็นช่างตัดผมที่ประเทศอังกฤษแล้วก็หลายประเทศ หลายคนมาขอบคุณช่างตัดผม ขอบคุณที่ทำให้เขาได้คิดตัดสินใจไม่ฆ่าตัวตายทั้งที่ก่อนที่จะมาหาช่างตัดผม ก่อนที่จะมาตัดผมนี้มันมีความคิดแบบนี้อยู่แล้ว แต่พอได้มีโอกาสพูดคุย เล่าระบาย
บางทีช่างตัดผมไม่ต้องทำอะไร แค่ชวนคุยชวนให้เขาเล่า พอลูกค้าได้เล่าได้ระบายความทุกข์มันบรรเทาเบาบางก็เกิดสติขึ้นมา ความทุกข์นี้ถ้ามันท่วมท้นจิตใจบางทีมันคิดสั้นได้ง่าย แต่พอได้ระบายไปบ้างไม่ท่วมท้นจิตใจ ก็ทำให้มีช่องว่างที่เกิดสติขึ้นมา สตินี้สำคัญทำให้ไม่คิดฆ่าตัวตาย มีความหวังในการที่จะสู้ชีวิตสู้อุปสรรคต่อไป
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเรามีอาชีพอะไรก็ตาม ไม่จำเป็นจิตอาสาที่นั่นที่หลังจากที่ทำงานอาชีพของเราแล้ว ทำอาชีพของเรานี้ถ้าทำให้ดีมันก็ช่วยชีวิตผู้คน หรือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ และสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขา หรือเกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ไม่น้อยเลย.