พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 9 ตุลาคม 2567
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า ยี่ เจีย ฟาง ตอนที่เธออายุประมาณ 50 เธอได้บรรลุถึงสิ่งที่มุ่งหวังหลายอย่างในชีวิต
กิจการก้าวหน้าด้วยดี มีกินมีใช้ ลูกชายซึ่งมีคนเดียวกำลังไปได้ดี เรียนที่ประเทศญี่ปุ่นและเรียนได้ดีด้วย ใกล้จะสำเร็จการศึกษา ใกล้จะกลับมาอยู่กับพ่อแม่ เธอคิดถึงการเกษียณแล้ว หน้าที่ต่อลูกใกล้จะสิ้นสุดแล้ว ส่วนเรื่องการงานก็ใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
แต่ปรากฏว่าพอเธออายุ 51 ก็เจอข่าวร้าย ลูกชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ประเทศญี่ปุ่น เธอช็อกเลย เป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แผนชีวิตต่าง ๆ ที่วาดหวังเอาไว้แทบจะพังทลาย
แต่ในขณะที่เธอเศร้าโศกอยู่พักใหญ่ เธอก็ระลึกได้ถึงความใฝ่ฝันของลูกชาย ลูกชายบอกว่า เมื่อกลับมาประเทศจีนแล้วอยากจะช่วยปลูกป่าให้มีต้นไม้เขียวขจี เพราะว่าลูกรักธรรมชาติมาก และลูกมีความมุ่งหวังว่าจะไปปลูกป่าที่ประเทศมองโกเลีย เพราะว่ามีทะเลทราย ทะเลทรายกินพื้นที่เข้าไปเรื่อย ๆ
พอนึกถึงความฝันของลูกชาย เธอจึงตัดสินว่าเธอจะสานต่อความฝันของลูกชาย ลูกชายทำไม่ได้ แม่จะทำเอง เธอขายทรัพย์สินและกิจการทั้งหมดที่เซี่ยงไฮ้ ส่วนเงินประกันชีวิตของลูกชายก็เอามาตั้งเป็นองค์กรสาธารณกุศลหรือที่เราเรียกว่า NGO ชื่อว่า Green Life เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
แต่เธอไม่ได้ทำแค่นั้น เธอตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่มองโกเลียเพื่อสานต่อความฝันของลูกชายให้เป็นจริง ไม่ใช่แค่สร้างองค์กรหรือมูลนิธิเท่านั้น แต่ลงมือปลูกป่าเลย
ไม่ใช่ง่าย ปลูกต้นไม้ในทะเลทราย ขนาดบ้านเรา รอบ ๆ เขียวขจี แต่พอเราจะปลูกต้นไม้ ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรม ยากมาก ป่าสุคะโต ป่าภูหลง กว่าจะปลูกต้นไม้ให้เป็นป่าได้ ใช้เวลานาน เพราะอันตรายมีเยอะ รวมทั้งไฟด้วย ยังไม่พูดถึงความแห้งแล้ง
ยี่ เจีย ฟาง มีความอุตสาหะ และหาความรู้ว่าพืชชนิดใดที่เหมาะกับทะเลทราย คนอายุ 55 ควรจะเกษียณได้แล้ว แต่ว่ากลับไม่ยอมหยุดพัก เพราะอะไร เพราะความรักลูกชาย อยากจะให้ความฝันของลูกชายเป็นจริง
ทุ่มเทปลูกป่าที่มองโกเลีย 12 ปี ต้นไม้ที่ปลูกประมาณ 2 ล้านต้น และไม่ได้ปลูกเฉย ๆ ดูแลด้วย องค์กรที่เธอก่อตั้ง Green Life ก็มาช่วย ปรากฏว่าถึงวันนี้ทะเลทรายได้กลายเป็นป่าไปแล้ว ที่แห้งแล้งก็ชุ่มชื้น ที่แห้งกรอบก็กลายเป็นเขียวขจีด้วยใบไม้
นี่เป็นแบบอย่างของคนที่ทำให้ความตายของลูกหรือคนที่ตัวเองรักมีคุณค่า คนที่เรารักเมื่อเขาจากไป เป็นความสูญเสียไปครั้งใหญ่ในชีวิต โดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็นแม่ แต่เราสามารถทำให้ความตายของลูก ของคนที่เรารักมีคุณค่าขึ้นมาได้ ด้วยการอาศัยความตายของลูกและความรักลูกเป็นแรงผลักดันให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นมา โดยเฉพาะถ้าเป็นความดีที่ลูกเคยใฝ่ฝันจะทำ
หลายคนเวลาคนรักเสียชีวิต เราไม่ค่อยได้คิดถึงการทำให้ความตายของเขามีคุณค่า กลับปล่อยตัวปล่อยใจให้จมดิ่งอยู่ในความเศร้า กลายเป็นว่าความตายของลูกสร้างความเสียหาย สร้างความทุกข์ให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง ผู้ที่จากไปเขาคงจะไม่อยากจะให้ความตายของเขาทำร้ายคนที่เขารัก ไม่ว่าจะเป็นแม่ เป็นพ่อ เป็นคู่รัก
การทำให้ความตายของคนที่เรารักมีคุณค่าทำได้หลายอย่าง และการที่ทำให้ธรรมชาติฟื้นตัวขึ้นมาก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่มีความหมายมากสำหรับยุคปัจจุบัน
เรื่องของผู้หญิงจีนคนนี้คล้าย ๆ กับเรื่องของผู้หญิงจีนอีกคนหนึ่ง ลูกสาวของเธอไปเรียนต่อที่นอร์เวย์ และลูกสาวไปเห็นป่าที่นอร์เวย์แล้วประทับใจมาก คนนอร์เวย์เขาอนุรักษ์ป่า เขาสร้างป่าร่มรื่น จึงบอกแม่ว่า “หนูกลับมาเมืองจีน หนูจะปลูกป่า ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมบนเขาของบ้านเรา”
เธอมาจากชนบท แต่ว่าต้นไม้บนเขารอบหมู่บ้านของเธอหายหมด ภูเขาเป็นภูเขาหัวโล้น อยากจะไปฟื้นฟู เพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้านเกิดเมืองนอนของตน
แต่ไม่ทันได้ทำก็ตายจากอุบัติเหตุเสียก่อน แม่เศร้าเสียใจมาก แต่สุดท้ายเมื่อนึกถึงลูกก็อยากจะสืบต่อความฝันของลูกให้เป็นจริง ไม่ใช่แค่ทำฮวงซุ้ยให้ลูก หรือว่าทำบุญให้ลูกเท่านั้น แต่ว่าอยากจะทำอะไรให้ยิ่งกว่านั้น
และทุกวันเธอก็หิ้วน้ำ หาบน้ำขึ้นเขา เพื่อไปรดต้นไม้ที่เธอได้ปลูกเอาไว้ ภูเขาหัวโล้น ไม่ง่ายเลย นอกจากแห้งแล้วยังต้องปีนขึ้นเขา หาบน้ำไปรดน้ำดูแลต้นไม้ที่ละต้น ๆ
แต่แม้จะเหนื่อยกาย เธอมีความสุข เพราะเวลาปลูกต้นไม้ ดูแลต้นไม้ ต้นกล้า เธอรู้สึกเหมือนกับว่าลูกสาวยังอยู่ใกล้ ๆ
การคิดถึงลูกสาวไม่ได้ทำให้คนเราเศร้าเสมอไป ถ้าหากว่านึกถึงในขณะที่ทำความดีก็รู้สึกอิ่มเอิบ ทุกวันก็อยากจะไปที่เขาลูกนั้น เพราะจะได้มีโอกาสพบลูก ลูกที่อยู่ในสภาพของต้นกล้าที่กำลังบอบบางและต้องการการดูแล ความรักลูกทำให้เธอยอมตะเกียกตะกายขึ้นเขาไปปลูกต้นไม้ ดูแลต้นไม้
ทำอย่างนี้ทุกวัน วันแล้ววันเล่า ชาวบ้านหาว่าเธอบ้า แก่แล้วยังไม่หยุด ควรจะเกษียณได้แล้ว แต่เธอไม่ยั้งเลย ทำทุกวัน ไม่ได้รีบ ไม่ได้เร่ง และไม่ได้มีความทุกข์ เพราะว่าต้นไม้โตช้า ไม่ได้มีความทุกข์เพราะว่าป่ายังฟื้นตัวหรือป่ายังไม่ค่อยเติบโตเท่าไร เพราะว่าทุกวันที่เธอขึ้นไปบนเขาดูแลต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ เธอมีความสุขแล้ว เพราะว่าได้อยู่ใกล้ลูก และนึกภาพว่าลูกคงจะยิ้มให้เธอที่แม่ทำความใฝ่ฝันของลูก
10 กว่าปีผ่านไป เขาลูกนั้นเปลี่ยนสภาพจากเขาหัวโล้นกลายเป็นเขาที่มีต้นไม้แน่นขนัด และทำให้ธรรมชาติที่เคยวิกฤตในหมู่บ้านละแวกนั้นเปลี่ยนไป ลำธารก็มีน้ำ สิงสาราสัตว์ก็มาพักอาศัย มีเสียงนกร้อง และชาวบ้านก็อาศัยพืชผลของต้นไม้ ของป่าในการยังชีพได้
นี่เป็นการทำให้ความตายของคนที่เรารักมีคุณค่า มีความหมาย ตัวเองก็หายเศร้าโศก แทนที่จะจมอยู่กับความเศร้าโศก หรือว่าทำอะไรไม่ได้เลย กลับตื่นขึ้นมาทุกเช้ามีชีวิตชีวา ความเศร้าโศกหายไป ความสดชื่นสดเกิดขึ้นมา
และไม่ใช่แค่จิตใจของตัวเองที่สดชื่น ป่าก็สดชื่น ผู้คนก็ผ่องใสที่ได้ชื่นชมเห็นธรรมชาติฟื้นฟู มีต้นไม้เขียวขจี เกิดประโยชน์มากมาย
และเชื่อว่าผู้ที่จากไป ถ้าได้เห็นคงจะยินดีที่แม่นอกจากไม่เศร้าโศกเสียใจแล้ว แถมยังมีกำลังในการทำความดี ยังทำให้เกิดประโยชน์ ผู้คนก็พลอยได้รับประโยชน์สมเจตนา รวมทั้งธรรมชาติก็ได้ฟื้นฟูอย่างที่ใฝ่ฝันเอาไว้
เราควรคิดเรื่องแบบนี้บ้างเวลาสูญเสียคนที่เรารัก.