พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2567
มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าขานกันแถวตะวันออกกลางว่า มีชายคนหนึ่งเป็นคนมีน้ำใจมาก ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่นโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แล้วก็ไม่เรียกร้องอะไรจากใครเลย ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีเงินมากมายอะไร แล้วก็มีความสุข อยู่อย่างสมถะ
จนกระทั่งวันหนึ่งเทวดาทนไม่ได้ อยากจะมาช่วย อยากจะมาตอบแทนความดีของชายคนนี้มาปรากฏกายให้ชายคนนี้เห็น แล้วบอกว่าจะให้พร 3 ประการ อะไรก็ได้ขอให้บอกมา
แต่ชายคนนี้ไม่สนใจเลย บอกไม่เอา แต่ว่าเทวดาก็รบเร้า สุดท้ายชายคนนั้นก็บอกว่าขอพรข้อหนึ่งก็แล้วกัน ขอให้ข้าพเจ้าได้ทำสิ่งดีๆ โดยที่ไม่รู้ตัว
ขอให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสทำสิ่งดีๆ โดยไม่รู้ตัว เป็นพรที่ประหลาด คนที่ทำความดีก็อยาก อย่าว่าแต่ตัวเองรู้ตัวเลย อยากให้คนอื่นรู้ด้วยว่าตัวเองทำความดี แต่ชายคนนี้กลับขอว่า ขอให้สามารถทำความดีไปได้เรื่อย ๆ หรือทำสิ่งดี ๆ ได้โดยที่ไม่รู้ตัว
เทวดาก็งง ไม่รู้ทำยังไง สุดท้ายก็ตกลง เอาเป็นว่าเวลาชายคนนี้เดินไปไหน เงาของชายคนนี้ทอดไปถึงไหน ก็ทำให้คนที่ได้สัมผัสเงาของเขาหายเจ็บหายป่วย หายโศกหายเศร้า หายทุกข์
เวลาเงาของชายนี้พาดผ่านหญ้าที่มันแห้งก็ให้กลับมาเขียวขจี ต้นไม้ที่เหี่ยวก็กลับมามีชีวิตชีวาสดชื่น ชูช่ออกดอก ลำธารที่ไหนที่แห้งเนี่ยถ้าสัมผัสกับเงาของชายคนนี้แล้วก็จะกลายเป็นลำธารที่มีน้ำใส
คนที่ไม่ว่าหญิงหรือชายที่มีความทุกข์ปราศจากความสุข พอได้สัมผัสหรืออยู่ใต้เงาของชายคนนี้แล้วก็จะมีความสดชื่นเบิกบาน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้โดยที่ชายคนที่ไม่รู้ตัวเลย อันนี้ก็เป็นนิทานที่พูดถึงคนคนหนึ่งซึ่งมีความดีแล้วก็มีน้ำจิตน้ำใจ เหมือนกับเป็นนักบุญเลย แต่ที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นนักบุญก็ได้ ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราก็สามารถทำสิ่งดีๆ ได้โดยไม่รู้ตัว ถ้าหากว่าเรามีน้ำใจ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แล้วก็ใส่ใจในสิ่งที่เราทำ คือทำอะไรก็ทำให้มันดี
อย่างมีผู้ชายคนหนึ่ง เช้าวันนั้นแกเห็นวัยรุ่นคนหนึ่งเดินผ่านหน้าบ้านก็เลยทัก แล้วก็ถามว่า กินอะไรมาหรือยัง ถ้ายังไม่กินก็เข้ามาในบ้านเลย มากินอะไรด้วยกัน ชายคนนี้เคยเห็นวัยรุ่นคนนี้เพราะว่าบ้านอยู่ไม่ไกลกัน
ที่จริงก็รู้จักวัยรุ่นคนนี้ตั้งแต่ยังเด็ก แต่ว่าทั้งสองคนก็ไม่เคยเจอกันเพราะว่าตัวเขาเองก็ไปทำงานต่างจังหวัดนี่เพิ่งเกษียณกลับมา พอเห็นวัยรุ่นคนนี้จำได้ก็เลยทักทาย แล้วก็ชวนมากินข้าว ระหว่างที่กินข้าว ก็ทักทายพูดคุยอย่างดีเลย ใส่ใจไต่ถามทุกข์สุข
ชายคนนี้ไม่รู้ว่า หนุ่มคนที่อยู่ตรงนี้กำลังจะเดินไปที่ห้างสรรพสินค้าพร้อมกับปืนในกระเป๋า ตั้งใจว่าจะไปกราดยิงผู้คนในห้างสรรพสินค้านั้น เพราะว่าคับแค้นกับชีวิตมาก ตั้งแต่เด็กก็ถูกพ่อแม่ด่าว่า เพราะพ่อแม่ทะเลาะกันแล้วก็มาลงที่ลูก ลูกจะไปโรงเรียนก็เรียนไม่ค่อยดีสมองทึบ ถูกเพื่อนล้อ ครูก็ว่า สอบตกแล้วสอบตกอีก
ใครๆ ก็ดูถูก ตัวเองก็เลยกลายเป็นคนที่ชอบชกต่อย ทะเลาะเบาะแว้งกับเพื่อนเป็นประจำ สุดท้ายก็ถูกส่งไปดัดสันดานที่สถานอบรมเยาวชน กลับมาก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะว่าใครๆ ก็หยามว่าเป็นคนที่เกเร อันธพาล ไม่ได้เรื่อง รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าเลย ทุกข์มาก
หันไปกินเหล้า เล่นยา ยิ่งทำให้ชีวิตย่ำแย่ ใครๆ ก็มองติดลบ ไม่ไว้ใจ ดูถูก บางทีก็รุมทำร้ายเพราะว่าติดยาเมามาย แกมีชีวิตที่เรียกว่าติดลบมาก รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าเลย แล้วก็อยากจะแก้แค้นโลกทั้งโลก อยากจะทำร้ายโลกทั้งโลก เช้าวันนั้นตั้งใจจะไปกราดยิงผู้คน แต่ว่ายังไม่ทันได้ไปทำอย่างที่ตั้งใจ ชายเจ้าของบ้านก็เรียก
นอกจากที่ชายคนนี้ไม่รู้ว่าหนุ่มคนนี้จะไปทำอะไรแล้ว เขายังไม่รู้ด้วยว่าการที่เขามีน้ำใจเอื้อเฟื้อกับเด็กหนุ่มคนนี้ ทำให้หนุ่มคนนี้เปลี่ยนใจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่าอยู่บ้าง อย่างน้อยก็มีคน ๆ หนึ่งที่สนใจให้ความสำคัญ มีน้ำใจ
เขารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ไม่ใช่เป็น Nobody แต่ว่าเป็น Somebody อย่างน้อยก็ในสายตาของใครบางคน ได้สติขึ้นมา เปลี่ยนใจจากแผนที่คิดจะไปยิงคนที่ห้างสรรพสินค้า หรือว่าโรงเรียนที่อยู่ใกล้ๆ เกิดเปลี่ยนใจ ได้สติ เพราะรู้ว่ามันไม่ถูกต้อง
เพียงแค่ความมีน้ำใจของคน ๆ หนึ่ง มันสามารถที่จะช่วยชีวิตของคนอีกหลายคนไว้ได้ และทำให้เจ้าตัวซึ่งคิดจะไปทำร้ายใครต่อใคร ตอนหลังก็เปลี่ยนใจกลายเป็นคนดี แล้วก็พยายามพูดชักชวนผู้คนให้เข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่เป็นผู้แพ้ ให้คนเหล่านี้ได้รับความใส่ใจ
รวมทั้งพูดให้คนที่อยากจะทำร้ายแก้แค้นโลกทั้งโลกได้ตระหนักว่าตัวเองก็มีคุณค่าเหมือนกัน มันเป็นการช่วยชีวิตคนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลย เจ้าตัวที่ว่านี้คือชายคนนั้น นอกจากเปลี่ยนชีวิตของวัยรุ่นคนหนึ่งแล้ว ยังช่วยชีวิตของคนอีกมากมาย อันนี้ถือว่าเป็นการทำสิ่งดีๆ โดยไม่รู้ตัว แล้วเจ้าตัวนี้ก็คงจะไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่มีน้ำใจ ไม่ดูถูกแม้จะเห็นวัยรุ่นที่ซอมซ่อ แต่ก็รู้ว่าเขาก็เป็นคนที่ควรได้รับความใส่ใจ
มีคนที่ทำความดีโดยไม่รู้ตัว แล้วสามารถช่วยชีวิตของผู้คนไว้ได้เยอะเลย เพียงเพราะว่าตัวเองมีความเมตตากรุณา หรือแม้กระทั่งคนบางคนแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี อย่างเช่นมีช่างทำผมคนหนึ่งแกทำผมเก่งมาก ลูกค้าเยอะ
วันหนึ่งมีลูกค้าคนหนึ่งบอกว่าจะมาขอทำผมเย็นนี้ได้ไหม ที่จริงแกไม่ว่างแล้ว แต่ว่าฟังน้ำเสียงของคนที่โทรมาแล้ว แกอยากจะมาทำผม ก็เลยบอกว่า 4 โมงเย็นมาเลย ลูกค้าคนนั้นพอมาถึง โอ แต่งตัวสวยเลย แต่งตัวดีมาก มาทำผมกับช่างคนนี้
ช่างทำผมก็เอาใส่เอาใจใส่ สัมผัสเรือนผมด้วยความนุ่มนวล แล้วก็ชมว่า ผมสวยแล้วผิวคุณก็ดี หญิงคนนั้นก็พูดคุยเล่าอะไรหลายๆ อย่าง ช่างทำผมก็ฟังแล้วก็ให้กำลังใจ พอเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไป
สองวันต่อมาช่างทำผมได้รับจดหมายจากผู้หญิงคนนี้ เธอบอกว่า “จริงๆ แล้ววันนั้นเธอตั้งใจว่าจะเป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเธอ เพราะเธอตั้งใจว่าจะปลิดชีวิตตัวเองแต่ไหน ๆ จะตายทั้งที ในวันสุดท้ายก็อยากจะแต่งตัวให้มันดี ก็เลยมาทำผมที่ร้านคุณ แต่ว่าพอได้รับสัมผัสถึงความมีน้ำใจ ความใส่ใจของคุณแล้ว มันทำให้ฉันรู้สึกมีคุณค่า ความคิดที่จะฆ่าตัวตายก็เลยหมดไป ฉันมีกำลังใจที่จะมีชีวิตแล้วก็สู้กับปัญหาและอุปสรรคต่อไป ต้องขอบคุณด้วย”
ช่างทำผมคนนั้นงงมากเลย เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรพิเศษ แต่ว่าเขามีความตั้งใจในการทำงานของตัว ทำด้วยความใส่ใจ ไม่ว่าเขาจะมีปัญหาส่วนตัว ไม่ว่าเขาจะมีความเครียดอะไรก็วางเอาไว้ ไม่เอามารบกวนจิตใจในขณะที่ทำผมให้กับลูกค้า ในใจของเขาที่มีความผ่องใส มีความรู้สึกตัว มีสติ มันสามารถจะช่วยให้ลูกค้าคนหนึ่งเปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตายได้
อันนี้ก็เหมือนกัน เป็นการทำสิ่งดีๆ โดยไม่รู้ตัว แล้วเราทุกคนก็สามารถทำได้ ถ้าหากว่าเรามีน้ำใจ ใส่ใจกับผู้คน รวมทั้งทำสิ่งที่เราทำให้มันดีที่สุด แล้วความดีที่เราทำมันก็จะส่งผลที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้ ช่วยคนทุกข์ให้เขาหายทุกข์หรือไม่ไปก่อความทุกข์ให้กับผู้อื่น.