พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 4 ตุลาคม 2567
คนเราเวลาป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาลติดต่อกันหลายวัน หรือแม้จะไม่กี่วันก็ตาม นอกจากหมอและพยาบาลแล้วนั้น สิ่งที่จะช่วยเขาได้มากอีกประการหนึ่งก็คือผู้ดูแล
ผู้ดูแลนั้นอาจจะเป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นลูก เป็นหลาน หรือว่าเป็นสามีภรรยา เมืองไทยเรายังดีเวลาใครป่วยมักจะไม่ค่อยขาดผู้ดูแล แต่ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ ถ้าเกิดป่วยอยู่ในห้องรวมหรือไอซียู ผู้ดูแลจะมีปัญหาเรื่องที่พัก เพราะต้องมาเยี่ยมทุกวัน มาให้กำลังใจเช้าเย็นและบังเอิญบ้านก็อยู่ไกล
ถ้าเกิดป่วยอยู่แถวศิริราช ก็ต้องหาที่พักใกล้ ๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง เพราะอย่างที่เราทราบว่ากรุงเทพถ้าบ้านอยู่ไกล เช่น บ้านอยู่เมืองนนท์ หรือรังสิต จะมาเยี่ยมลูกที่ป่วยรักษาตัวที่ศิริราช ต้องใช้เวลานานมาก 2- 3 ชั่วโมง ไปกลับก็ 5- 6 ชั่วโมง เหนื่อย ทำอย่างนี้ไม่ได้ทุกวัน ยิ่งบางทีผู้ป่วยต้องการความดูแลเอาใจใส่ เป็นเวลา 10 วัน 15 วัน หรือ 1 เดือน
มีผู้ชายคนหนึ่ง ลูกประสบอุบัติเหตุที่ขาต้องผ่าตัด ก็เข้าโรงพยาบาลศิริราช ไม่มีปัญหาเรื่องการรักษาตัวแต่ว่าต้องใช้เวลาในการพักฟื้นเป็น 10 วัน คนที่เป็นพ่อก็หาที่พักแถวศิริราช พบว่าห้องพักแต่ละคืน ๆ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 800 – 1,000 เขาก็ไหว ถ้าหากต้องพักถึง 10 วัน ราคาก็เป็น 10,000 เขาก็ยังพอไหว แต่เขาคิดไปถึงคนอื่นถ้ามีรายได้น้อยกว่าเขาจะทำอย่างไร
ค่าที่พักแถวนั้นก็ราคาแพง บางคนมาจากต่างจังหวัดไม่มีสิทธิ์กลับบ้านเลยถ้าจะดูแลผู้ป่วย เขาก็เลยคิดว่า น่าจะทำหอพักที่เรียกว่า “โฮสเทล” โฮสเทลเดี๋ยวนี้มีเยอะแต่ส่วนใหญ่รับนักท่องเที่ยว แต่ผู้ชายคนนี้แกทำโฮสเทลเพื่อที่จะรับผู้ดูแลที่มีลูก มีหลาน ป่วยอยู่ที่ศิริราช เพราะเจอประสบการณ์ด้วยตัวเองว่าการมีที่พักเป็นเรื่องสำคัญมาก
ตอนหลังเขาก็มาทำโฮสเทล และทำอย่างดีด้วย เน้นเรื่องความสะอาด ความสบายแต่ปลอดภัยและราคาถูก ตอนหลังก็เริ่มมีคนมาใช้บริการ ส่วนใหญ่พอจะมีเงินอยู่บ้าง และพบว่าการที่เปิดโฮสเทล และการดูแลเอาใจใส่ผู้ที่มาใช้บริการนั้น ให้ความรู้สึกที่ดีมาก
เขาบอกว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง ภรรยามาคลอดลูกที่ศิริราช ปรากฏว่าภรรยาป่วยอาการหนักมากเพราะเส้นเลือดในสมองแตก ต้องผ่าตัด ผู้เป็นสามีก็มาพักที่โฮสเทลนี้ วันแรก ๆ สีหน้าไม่ดีเลย เครียด ไม่พูดไม่จา
หลังจากนั้น 2-3 วัน เขาเริ่มที่จะบอกเล่าความรู้สึกให้กับเจ้าของโฮสเทลฟังว่าภรรยาอาการหนักมาก แต่ลูกปลอดภัย ไม่รู้ว่าภรรยาจะเป็นอย่างไร เจ้าของโฮสเทลฟังแล้วก็ให้กำลังใจ แต่ที่จริงแค่ฟังอย่างเดียวก็ช่วยได้มากแล้ว
ผ่านไป 10 วัน สีหน้าของแขกคนนี้ก็ดีขึ้น เขาบอกว่า “ตอนนี้ผมป้อนข้าวให้ภรรยาได้แล้วครับ” เขาเริ่มมีรอยยิ้มแล้ว ผ่านไปอีก 5-6 วัน คราวนี้ยิ้มเลย “หมอบอกว่าภรรยาผมกลับบ้านได้แล้วครับ” เขามีความสุขมาก เจ้าของโฮสเทลก็มีความสุขด้วย
เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเวลาที่คนเรามีความสุข อยากจะบอกใครสักคน และเขาภูมิใจมากที่เขาได้เป็น 1 ในคนเหล่านั้น ที่จริงไม่ใช่แค่มีความสุขแล้วอยากบอกความในใจให้กับใคร แต่เวลาความทุกข์แล้วถ้าอยากบอกความในใจให้กับใคร แสดงว่าเขาให้ความไว้วางใจ
เจ้าของโฮสเทลก็รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก การที่เราช่วยคนอื่น มันดีแบบนี้ คือพอคนอื่นมีความสุข เราก็พลอยมีความสุขด้วย หรือเวลาเขามีความทุกข์ เราฟังความทุกข์ของเขา เขาก็รู้สึกดีขึ้น ก็ทำให้เขามีกำลังใจในการทำโฮสเทล
เขาบอกว่าถึงแม้เงินทุนเราจะน้อย แต่เรามีรากที่หยั่งลึก รากที่หยั่งลึกก็หมายถึงความรัก ความห่วงใย ความเอาใจใส่ เพราะเวลาเขารับลูกค้าหรือผู้มาพัก เขาไม่ใช่เพียงให้ที่พักอย่างเดียว แต่ให้ความใส่ใจ พูดคุยสนทนาด้วย เพราะรู้ว่าคนที่มาพักแต่ละคนนั้นมีความทุกข์ทั้งนั้น เนื่องจากคนรักของตัวป่วยอยู่ที่ศิริราช
ใครที่ต้องพาลูก พาหลาน พาพ่อ พาแม่มารักษาตัวที่ศิริราชนานๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีความทุกข์ และพบว่าสิ่งที่เขาช่วยได้ไม่ใช่เพียงแค่ให้ที่พักที่สะอาด ปลอดภัย สบาย มีสัดส่วน ราคาไม่แพงเท่านั้น แต่คิดว่าการให้ความรัก ความห่วงใยก็มีความหมายมาก
ตอนหลังก็เจอคนที่ไม่มีเงินหรือมีเงินน้อย เช่น มีแม่คนหนึ่งลูกป่วยหนัก ที่จริงป่วยตั้งแต่เล็กแล้ว เป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับและต้องใช้การรักษาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเด็กอายุ 2 ขวบ วันหนึ่งแม่ก็พาลูกมาที่หอพักและบอกว่า 2 คนขอพักเตียงเดียวได้ไหม เขามีเตียงแบบห้องรวม
เจ้าของก็รู้เลยว่าแม่คงจะไม่ค่อยมีเงิน ขนาดมากัน 2 คนแต่ขอพักแค่เตียงเดียว เพราะว่าลูกไม่ได้แอดมิดเข้าเป็นผู้ป่วยใน มาเพียงหาหมอ หาหมอเสร็จก็ต้องกลับ วันรุ่งขึ้นก็มาใหม่ไม่ได้แอดมิดนอนโรงพยาบาล เพราะฉะนั้นก็ต้องหาที่นอน ก็เลยมาใช้บริการโฮสเทลนี้ แต่ไม่มีเงิน ก็ขอนอนเตียงเดียว 2 คน
เจ้าของก็บอก ถ้าอย่างนั้นไม่คิดค่าพัก ให้ฟรีเลย และตอนหลังก็บริการแบบนี้สำหรับใครที่ไม่มีเงินอยากจะมาพัก หาที่พักไม่ได้ก็มาพักที่นี่ได้ ไม่คิดค่าพัก แถมคูปองให้กินอาหารฟรีเพราะมีคูปองจากโครงการปันกันอิ่มของมูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา ที่ให้คนที่ไม่มีเงินซื้ออาหาร เอาคูปองนี้ไปรับอาหารฟรีจากร้านอาหารใกล้ๆโฮสเทลนี้ได้
เขาพบว่า พอเล่าเรื่องนี้ให้กับคนที่ติดตามทาง Facebook ซึ่งชื่อว่า เอกเขนกโฮสเทล ปรากฏว่ามีคนสนใจน้ำใจดีบริจาคเงินมาช่วยโฮสเทลนี้ เพื่อจะได้มีทุนรองรับผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยหรือผู้ดูแลที่ไม่มีเงิน ก็เลยเกิดเป็น โครงการปันน้ำใจ
ปันน้ำใจคือ พร้อมที่จะรองรับผู้ดูแลหรือญาติผู้ป่วยที่ไม่มีเงินและต้องการหาที่พักใกล้ ๆ รพ.ศิริราช เพื่อจะได้ดูแลผู้ป่วยที่เป็นลูก เป็นหลาน เป็นพ่อ เป็นแม่ จึงกลายเป็นโครงการที่เรียกว่าเปิดโอกาสให้คนได้ทำความดี เปิดโอกาสให้คนได้ช่วยกันปันน้ำใจให้กับคนที่เดือดร้อน ยากไร้
อันนี้นำมาเล่าสู่กันฟังเผื่อว่าใครที่สนใจ เวลามีใครที่พาลูกพาหลานมารักษาตัวที่ศิริราชหลาย ๆ วันไม่มีที่พักก็ติดต่อไปที่เอกเขนกโฮสเทล บอกต่อ ๆ กันไป หรือใครที่มีจิตศรัทธาอยากจะช่วยเหลือโครงการปันน้ำใจนี้ ก็สามารถติดต่อได้โดยตรงที่ Facebook เอกเขนก hostel
หรือจะสนับสนุนโครงการปันกันอิ่มของมูลนิธิพุทธิกาก็ได้ จะได้มีกำลังช่วยเหลือคนที่ไม่มีเงินซื้อข้าว ตอนนี้ดีที่มีโครงการแบบนี้รองรับผู้คนที่ต้องการมารักษาตัวที่โรงพยาบาล
ที่จริงยังมีปัญหาที่เกิดกับคนอีกกลุ่มหนึ่งคือพระ มีพระจำนวนมากที่มารักษาตัวที่รพ.ศิริราช หมอนัดไว้ 8 โมงเช้า ปกติถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็จะออกเดินทางตั้งแต่เที่ยงคืนมาสว่างที่ศิริราช บางคนสุขภาพย่ำแย่อยู่แล้ว แต่ต้องเดินทางไกล อดหลับอดนอน
ตอนนี้มีมูลนิธิสันติภาวันของพระอาจารย์วิชิต ที่ทำโครงการช่วยเหลือพระอาพาธระยะสุดท้าย ท่านมีโครงการใหม่ที่กำลังริเริ่ม คือหาที่พักให้กับพระที่จะมารักษาตัวในโรงพยาบาลในกรุงเทพ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ศิริราช อาจจะเป็นรพ.รามา รพ.จุฬาก็ได้
แทนที่พระจะเดินทางตี 4 ตี 5 หรือเที่ยงคืนเพื่อให้มาถึงโรงพยาบาลแต่เช้า มารับการตรวจ ก็มาพักที่สถานที่ว่านี้ก่อนได้ ซึ่งขณะนี้ ท่านหาที่ได้แล้วอยู่แถวเตาปูน ใกล้หมอชิต แต่ว่ายังไม่เปิดให้บริการ สถานที่ว่านี้ทำขึ้นเพื่อรองรับผู้ป่วยจากต่างจังหวัดที่เป็นพระ
ในส่วนผู้ป่วยที่เป็นฆราวาสนั้น ก็คงจะมีบริการทำนองนี้อยู่อย่างที่เคยเล่าให้ฟังมาแล้ว ส่วนเอกเขนกโฮสเทลนั้นเป็นโครงการที่รองรับผู้ดูแล ซึ่งตอนนี้ก็มีมากโดยเฉพาะที่มาจากต่างจังหวัดและยากจน ก็เป็นโครงการที่น่าอนุโมทนามาก.
(สนใจร่วมทำบุญในโครงการปันกันอิ่มเพื่อช่วยเหลือค่าอาหารให้กับผู้เข้าพัก มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา ที่บัญชี 086-1-75986-5 ธ.กสิกรไทย สาขาศิริราช )