พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 3 ตุลาคม 2567
วันนี้เป็นวันแรกของเทศกาลที่สำคัญเทศกาลหนึ่ง โดยเฉพาะคนที่มีเชื้อสายจีน หรือที่เรียกว่าลูกจีน คือ เทศกาลกินเจ ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นที่นิยม ไม่เฉพาะลูกจีน แต่ว่าลูกไทย ลูกมอญก็เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น
เทศกาลกินเจระยะเวลา 9 วัน จนถึงวันที่ 11 แต่บางคนก็เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ล้างท้อง
เทศกาลกินเจส่วนใหญ่เรานึกถึงการกินอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ แต่ที่จริงแล้วมีความหมายมากกว่านั้น เพราะว่านอกจากการงดเว้นอาหารที่มาจากสัตว์แล้ว แม้แต่ผักที่มีกลิ่นฉุน กลิ่นแรง เช่น หอม ต้นหอม กระเทียมก็งด รวมทั้งการกินอาหารรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด หวานจัด ซึ่งหลายคนโปรดปรานมาก ก็ต้องงดในเทศกาลนี้
และนอกจากนั้น บุหรี่ เหล้าก็งดเหมือนกัน อันนี้หลายคนอาจจะไม่รู้ ไปคิดว่างดเฉพาะแต่เนื้อสัตว์ ที่จริงแม้จะไม่ใช่เนื้อสัตว์ เป็นของที่มาจากธัญพืชล้วน ๆ เช่น สุรา บางคนบอกว่าเป็นมังสวิรัติ ไม่ใช่ เทศกาลกินเจเขาก็งด งดบุหรี่ด้วย
นอกจากนั้นยังควบคุมไปถึงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น คําพูด พูดโกหก พูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระ พูดนินทา ยุแยงคน ก็ต้องงดด้วยเช่นกัน
เพราะฉะนั้น ถ้าเราดูแล้ว เทศกาลกินเจไม่ใช่แค่เว้นเนื้อสัตว์อย่างเดียว คือ เทศกาลแห่งการขัดเกลา ทั้งกาย วาจา และใจ ทำให้กาย วาจา และใจ สะอาด
สะอาดอย่างแรกคือ สะอาดที่กาย บางคนไปเข้าใจว่าสะอาดที่กายหมายความว่าไม่กินอาหารที่มาจากสัตว์ซึ่งมาพร้อมกับการฆ่า การทำร้ายชีวิต พอเรากินอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ กายเราก็สะอาด แต่ที่จริงแล้วความสะอาดของกายรวมถึงพฤติกรรมทางกายด้วย ไม่ไปเบียดเบียนใคร ไม่ไปทำร้าย ใคร
นอกจากไม่เติมอาหารจากสัตว์แล้ว สิ่งที่ทำให้มัวเมา เช่น บุหรี่ เหล้า ไม่ต้องพูดถึงกัญชา ยาเสพติดก็งด อันนี้ไม่ใช่แค่ทำให้กายสะอาดจากสิ่งที่เป็นสารพิษ แต่ยังทำให้พฤติกรรมทางกายของเราเป็นไปในทางที่ถูกต้อง เพราะมีสติ
วาจาก็ต้องสะอาดด้วย ไม่ใช่กินเจเคร่ง แต่ปากยังนินทา แม้ปากจะไม่ได้กินอาหารสัตว์เลย แต่ว่านินทาว่าร้าย ยุแยงตะแคงรั่ว หรือว่าชอบบ่น ชอบโวยวาย พูดจาเพ้อเจ้อ อันนี้ถือว่าวาจาไม่สะอาดแล้ว ต้องขัดเกลาให้สะอาด
ใจก็เหมือนกัน ใจต้องสะอาดด้วย สะอาดอย่างแรกคือลดละ ลดละอะไร ลดละความอยาก อยากกินเนื้อสัตว์ เพราะเดี๋ยวนี้อาหารที่เรากินมีเนื้อสัตว์เยอะ ขาดไม่ได้ บางทีอ้างเหตุผลว่าถ้าไม่มีเนื้อสัตว์กิน เดี๋ยวจะไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง ไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงไปทำอะไร เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้ทำไร่ทำนา
ที่จริงแม้กระทั่งชาวนาชาวไร่ที่กินเจเขาก็มีเยอะ เขาสามารถทำงานได้ มีกําลังวังชาได้ ยิ่งคนสมัยนี้ทำงานนั่งโต๊ะ ไม่ต้องใช้พลังงานมากอยู่แล้ว และที่จริงกินอาหารที่เป็นผักก็ยังมีเรี่ยวมีแรง เพราะเดี๋ยวนี้อาหารเขามีโปรตีน ยังไม่ต้องพูดถึงไขมัน คาร์โบไฮเดรต แม้จะเป็นอาหารเจ อาหารมังสวิรัติ
และไม่ใช่แค่ลดละความอยากในเนื้อสัตว์ จริง ๆ แล้ว ต้องลดละความอยากหรือติดในรสอร่อยด้วย บางคนกินเจ แต่ติดในรสชาติมาก เติมแต่ง ปรุงแต่งอาหารเจให้มันอร่อย บางทีทำให้เหมือนกับเนื้อสัตว์ เนื้อไก่ เนื้อหมู การลดละยังไม่ได้ใส่ใจเท่าไร ไปติดที่รูปแบบ คือไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ว่าข้างในต้องลดละด้วย ข้างในคือใจ ใจที่ลดละความยึดติดในรสชาติ ในความเอร็ดอร่อย
เพราะฉะนั้น หลายคนจะรู้สึกต้องฝืนใจกินอาหารที่มีรสไม่เข้มข้น ไม่จัด ไม่ว่าจะเป็นรสเผ็ด รสเค็ม รสหวาน รสเปรี้ยว แต่นั่นคือการฝึก ฝึกใจให้ไม่ติดยึดในรสชาติ ในความเอร็ดอร่อย และมันก็ดีต่อสุขภาพ เพราะว่าเดี๋ยวนี้เรากินรสจัดกันมาก กันเป็นประจำ สุดท้ายร่างกายเราก็แย่ ไตเราก็พัง บางคนเป็นเบาหวานเพราะว่ากินหวานเยอะ กินหวานมาก กินหวานหนัก
ฉะนั้น เทศกาลกินเจเป็นเทศกาลของการลดการละที่บางคนอาจจะไม่ค่อยได้นึกถึงเท่าไร หรือจะลดจะละก็หมายถึงลดละเรื่องเนื้อสัตว์ แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องการลดละที่ละเอียดลึกซึ้ง อันนั้นคือความอยาก ความอยากในรสอร่อย
และลดละที่ลึกไปกว่านั้นคือ ลดละความยึดติดในตัวตนว่า กูประเสริฐ กูบริสุทธิ์ หลายคนพอกินเจจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดี คนประเสริฐ ฉันไม่เบียดเบียนสัตว์เลย เห็นใครกินเนื้อ กินอาหารเนื้อ จะเขม่นเขาว่าร่างกายเขาไม่สะอาด จิตใจเขาสกปรก ชีวิตเขาขุ่นมัว เพราะเขาไปเบียดเบียนสัตว์
การที่เราไม่กินเนื้อสัตว์เป็นเรื่องดี เพราะว่าลดการเบียดเบียนสัตว์ไปได้เยอะ ที่จริงก็น่าพิจารณาว่าพอถึงช่วงเทศกาลกินเจมีการฆ่าสัตว์น้อยลงเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นไก่ หมู แต่คิดว่ามีผลมาก โดยเฉพาะในประเทศหรือในถิ่นที่มีการกินเจเยอะ ๆ กินเจต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาลกินเจ ลดการเบียดเบียนสัตว์ได้เยอะ และมีผลดีต่อสุขภาพด้วย
อันนี้เป็นเรื่องที่หลายคนหันมาสนใจ อยากจะกินเจเพื่อการทำบุญ เพื่อสุขภาพ อันนี้ดีแล้ว แต่ว่าบุญในพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่การกระทำทางกายและวาจาอย่างเดียว อยู่ที่ใจด้วย
เพราะใจยังมีความยึดติดว่าฉันบริสุทธิ์ ฉันสะอาดเพราะฉันกินเจ ใครที่ไม่กินเจไม่บริสุทธิ์ ไม่สะอาด เป็นคนต่ำ เป็นยักษ์เป็นมาร อันนี้ถือว่าเรากําลังเพิ่มกิเลสเข้าไปในใจแล้ว ไม่กินเนื้อสัตว์ แต่ว่าเพิ่มกิเลสในใจ คือความหลงตัวลืมตน หรือว่าความรังเกียจเดียดฉันท์คนอื่น
แทนที่จะมีเมตตาต่อสัตว์ ขยายความไปถึงมนุษย์ที่คิดต่างจากเราหรือว่ามีการบริโภคต่างจากเรา ก็ไปรังเกียจเขา อันนี้ทำให้ใจเราไม่สะอาด กายอาจจะสะอาด แต่ว่าใจไม่สะอาดแล้ว เผลอ ๆ คําพูดก็ไม่สะอาดด้วย เพราะไปพูดจาดูถูกเขา ไปดูหมิ่นเขา
และอันหนึ่งที่ควรจะระมัดระวังคือ การที่ไปเคร่งกับความบริสุทธิ์มากจนกระทั่งบางทีไปใช้ภาชนะหรือช้อนที่มีการแปดเปื้อนไม่ได้ แปดเปื้อนคือแปดเปื้อนอาหารที่มีเนื้อสัตว์ บางคนเคร่งมาก ถ้าช้อนแปดเปื้อนอาหารที่มีเนื้อสัตว์ หรือภาชนะแปดเปื้อน จิตใจหม่นหมองเลย ฉันไม่บริสุทธิ์แล้ว ฉันพร่องแล้ว อย่างนี้ก็เรียกว่าไม่รู้จักปล่อยรู้จักวาง เพราะบางทีพอเราไปเคร่งมากเราก็จะทุกข์ง่าย
และการที่เราปล่อยให้ความทุกข์ครอบงำใจ เช่น รู้สึกผิดที่ใช้ภาชนะที่แปดเปื้อน ทำให้เราทุกข์ใจ แสดงว่าการลดการละยังไม่ได้ทำเท่าไร การลดการละที่ใจ รวมทั้งความรู้สึกผิดว่าฉันกินอาหารที่ไม่บริสุทธิ์ หรือบางทีกลัวคนอื่นว่า ทําไมเอาช้อนเอาภาชนะที่แปดเปื้อนมาให้ฉันใช้ โกรธเขาอีก อยากจะให้กายสะอาด แต่ใจไม่สะอาดแล้วใจหม่นหมอง เพราะความโกรธ โกรธคนอื่น หรือโมโหตัวเอง เป็นการลดการละที่ยังทำได้ไม่ครบถ้วน
เพราะฉะนั้น ในเมื่อเราจะสมาทานการกินเจ ให้จับหลักให้ได้ว่า ไม่ใช่เพื่อลดการเบียดเบียนสัตว์ หรือเพื่อสุขภาพกายอย่างเดียว แต่เพื่อให้ใจเราสะอาดด้วย
และสะอาดได้ไม่ใช่เพราะลดละความอยากในรสชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลดละความถือตัวถือตน หรือว่าการไม่ยอมให้ความโกรธมาครอบงำใจเพราะคนอื่นทำให้เราบริสุทธิ์น้อยลง จะบริสุทธิ์หรือไม่อยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่ว่าอาหารที่เรากิน หรือภาชนะที่เราใช้มีการแปดเปื้อนหรือเปล่า ต้องเข้าใจตรงนี้ด้วย.