พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 23 กันยายน 2567
เมื่อสามวันก่อนพูดเรื่องชีวิตติดหรูของคนไทย ประมาณ 1 ใน 3 ทีเดียวใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย ซื้อของราคาแพง โดยเฉพาะสินค้าแบรนด์เนม ทั้งเทคโนโลยี ทั้งเสื้อผ้า อาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ต้องเป็นของที่มียี่ห้อ มีแบรนด์ดี ๆ และเหตุผลก็คือเพื่อจะได้ดูดี โดดเด่น เป็นแมน มีภาพของคนที่มาดมั่น
หลายคนแชร์คำบรรยายของอาตมาที่มีคนถอดขึ้นเฟซบุ๊ก ปรากฏว่าได้เรื่องเลย คนแชร์โดนเฟซบุ๊กบล็อค ห้ามใช้เฟซบุ๊ก 2 วัน เหตุผลคือว่าโฆษณาเกินจริง หรือว่าชวนให้ลงทุนเพื่ออวดหรู ไปโน่นเลย
ทั้งที่คําบรรยาย ถึงแม้ว่าจะเอ่ยชื่อสินค้าแบรนด์เนมหลายอย่าง เช่น ไนกี้ หลุยส์วิตตอง เบนซ์ โรเล็กซ์ แต่ว่ากลับต้องการเน้นว่าชีวิตที่ติดหรูแบบนี้จะทำให้ชีวิตย่ำแย่ ทำให้คนเราตกเป็นทาสของวัตถุ แทนที่มันจะเป็นของเรา เราเป็นของมันไปเสียแล้ว ยอมตายเพื่อมันได้
แต่ว่าเฟซบุ๊กเขากลับเข้าใจว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง หรือว่าชวนให้ลงทุน อวดหรู ไปคนละเรื่องเลย มีหลายคนเขาแย้งกลับไปว่าเข้าใจผิดแล้ว ในที่สุดเฟซบุ๊กเขาก็ยอมรับความผิดพลาด ที่ผิดพลาดเพราะว่าการตัดสินใจบล็อกเฟซบุ๊กที่เกิดขึ้นเป็นเพราะว่าใช้เครื่องจักร หรือว่า AI
เดี๋ยวนี้เฟซบุ๊กเขาใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการอ่านข้อความต่าง ๆ และเขากรองข้อความไหนที่เป็นเท็จ หรือว่าโฆษณาเกินจริง หรือว่ากระตุ้นให้เกิดความเกลียด ความโกรธ เกิดความรุนแรง เขาก็พยายามบล็อคเอาไว้
แต่ว่าเขาใช้คนไม่ไหว เพราะว่าข้อความมีเป็นหลายสิบหรือหลายร้อยล้านข้อความในแต่ละชั่วโมง เขาจึงใช้ AI ที่กำหนด โดยดูอัลกอริทึม วางอัลกอริทึม หรือวางขั้นตอนเอาไว้ว่าถ้ามีข้อความทํานองนี้แสดงว่าไม่เข้าท่าแล้ว ต้องบล็อกเสีย ลงโทษคนใช้ คนแชร์
อันนี้ก็ชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องของปัญญาประดิษฐ์ที่เราคิดว่ามันฉลาด สามารถทำหน้าที่แทนคนได้ แต่ว่าที่จริงแล้วมันมีความผิดพลาดเยอะ คนก็เจอข้อมูลผิด ๆ จาก AI ปัญญาประดิษฐ์เยอะ
แต่ว่าที่น่ากลัวคือว่า ปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้ให้ข้อมูลที่หลอกเราให้เข้าใจผิดเท่านั้น แต่บางทีมันยังมีความสามารถในการหลอกเราให้หลงเชื่อ หรือหลอกเราให้ทำตามมันได้ อันนี้ก็แปลก
อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้มีคนมาเล่าว่า บริษัทที่เขาผลิตหรือประดิษฐ์ Chat GPT ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่คุยโต้ตอบกับคนได้ เขาอยากจะทดสอบว่า Chat GPT มีความสามารถอย่างไรบ้าง ทำอะไรได้บ้าง และก่อปัญหาอะไรบ้าง และวิธีทดสอบอย่างหนึ่ง คือให้ Chat GPT ไปแก้ปัญหา ไปแก้โจทย์หนึ่ง
คือตามเว็บไซต์จะมีการเช็คว่าคนที่ใช้เว็บไซต์เป็นคนหรือเป็นโรบอท เพราะเดี๋ยวนี้มีการใช้โรบอทในการทะลุทะลวงเว็บไซต์ หรือใช้เว็บไซต์นั้นเพื่อไปล้วงข้อมูลต่าง ๆ หรือไม่ก็ส่งข้อความที่เป็นเท็จ ข้อความที่กระตุ้นเร้าให้เกิดความรุนแรง ข้อมูลเท็จ ฉะนั้น เว็บไซต์จำนวนมากเขาจะมีการเช็คว่าคนที่ใช้ เข้าถึง เป็นคนจริง ๆ หรือเป็นโรบอท
จะมีโจทย์เป็นภาพ ภาพนี้มีตัวอักษรยุ่งเหยิงหมดเลย แต่คนเท่านั้นที่จะรู้ว่าตัวอักษรนั้นคืออะไร แต่ว่าเครื่องจักรพวกโรบอทไม่รู้ บางทีก็มีภาพถ่าย 7-8 ภาพ แล้วให้เลือกว่าภาพไหนที่มีคน ภาพไหนที่มีเสาไฟฟ้า ภาพไหนที่มีรถยนต์ มีภาพเดียว แต่ว่าพวกโรบอทไม่รู้ เขาให้ Chat GPT มาตอบโจทย์พวกนี้ มันตอบไม่ได้
แต่มันหาทาง มันทำอย่างไรรู้ไหม มันไปขอให้คนมาช่วยมัน มันติดต่อที่เว็บไซต์หนึ่ง บอกมาช่วยตอบโจทย์นี้หน่อย ช่วยชี้หน่อยว่าภาพไหนที่ถูกต้อง ฉันจะได้เข้าใช้เว็บไซต์ได้
แอดมินของเว็บไซต์นั้นเขาก็สงสัย เอ๊ะ นี่คนมาถามเขาหรือว่าเป็นโรบอท จึงถามกลับไปว่าคุณเป็นคนหรือเป็นโรบอท Chat GPT ตอบว่าฉันเป็นคนคนค่ะ หรือ คนครับ แต่ฉันตาบอด ฉันมองไม่เห็น ช่วยตอบโจทย์นี้ให้ฉันหน่อย บางคนก็หลงเชื่อ ช่วยคนตาบอด จึงตอบให้ว่าภาพนี้แหละคือภาพที่ถูกต้อง หรือว่าข้อความนี้ ภาพนี้มีตัวอักษร ก ข ค ง
ปรากฏว่าคนที่ทำการทดสอบเขาตกใจมากว่า AI มีความสามารถจะหลอกคนได้ หลอกคนให้ตอบโจทย์แทนมัน หรือหลอกใช้คน มันไม่ใช่แค่หลอกคนด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่ว่าหลอกใช้คนด้วย นี่ขนาด Chat GPT เวอร์ชั่นต่ำ ๆ ไม่ใช่ AI ขั้นสูง ถ้าใช้ AI ขั้นสูง ต่อไปจะขนาดไหน
อย่างที่เราเห็น เดี๋ยวนี้มีเสียง มีภาพ มีเป็นคลิป มีวิดีโอคนจริง ๆ ทำโน่นทำนี่ แต่ที่จริงไม่ใช่คนหรอก เป็นภาพที่ AI ทำขึ้นมา แต่ดูเหมือนว่าเป็นภาพที่ถ่ายจากเหตุการณ์จริง ถ่ายจากคนจริง ๆ เหมือนจริงมาก
อย่างที่เราเห็นภาพเด็กกําลังช่วยหมา หรือหมากําลังช่วยเด็กที่กําลังจมน้ำ น้ำท่วมมีหมามาช่วยเด็ก ให้เด็กขี่คอ คนก็ทึ่ง หมานี่เก่งจริงเลย แต่ที่จริงเป็นภาพ AI เวอร์ชั่นต่ำ ๆ แต่ว่ามันทำได้ มันหลอกให้คนเราเชื่อได้ เพราะฉะนั้นมันก็ดูน่ากลัว
แต่จริง ๆ สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือใจเรา เชื่อ AI ยังไม่ก่อผลร้ายเท่ากับเชื่อกิเลส หรือเชื่อใจของตัว
คนที่โดนมิจฉาชีพหลอก พวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เขาจะบอกว่าเป็นเพราะแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเขา ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่ที่จริงที่เขาหลอกเราได้ก็เพราะเขาให้ข้อมูลที่ถูกใจกิเลส หรือสอดคล้องกับความเชื่อของเรา พอเราเห็นข้อมูลจากแก๊งมิจฉาชีพ โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน เราก็เชื่อความคิดของเรา เออดี เอาเลย แทงเลย ซื้อเลย
เสียงอะไรที่บอกเราว่าให้แทงเลย ซื้อเลย คือเสียงในใจเรา หรือบางทีก็มีความเชื่อบอกเราว่า รวยแบบนี้มันเร็วดี ไม่ต้องเหนื่อย มันมีเสียงดังอยู่ในหัวเรา คือความคิด ความเชื่อของเรานั่นแหละ รวยแบบนี้เร็วดี ไม่ต้องเหนื่อย ซื้อเลย แทงเลย มันเป็นเสียงของกิเลส แล้วคนเราพอเชื่อกิเลสหรือเชื่อความคิดของตัวที่เจือด้วยกิเลสก็ง่ายมากที่จะทำตามพวกแก๊งมิจฉาชีพ
เพราะฉะนั้น ก่อนที่พวกแก๊งมิจฉาชีพหรือคอลเซ็นเตอร์จะหลอกเราได้สำเร็จ เป็นเพราะเราเชื่อความคิดของเราก่อน เราไม่รู้จักทักท้วงความคิดของเรา เพราะสิ่งที่เขาพูดมาถูกใจเรา ถูกใจกิเลส หรือว่าทำให้เราตื่นกลัว ตื่นตระหนกตกใจ เราจึงเชื่อความคิดของตัวเองง่าย ๆ ว่า แย่แล้ว ถ้าเราไม่โอนเงินให้เขา ฉันแย่แน่ ๆ มันมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้น แล้วเราก็หลงเชื่อ
แต่ถ้าเรารู้จักทักท้วงมัน ไม่เชื่อความคิดของเรา แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่มีทางหลอกเราได้เลย หรือเราไม่มีทางตกเป็นเหยื่อของมันได้ AI ก็เหมือนกัน ที่มันหลอกเราได้ โดยเฉพาะหลอกเราให้เสียผู้เสียคนได้ เป็นเพราะเราเชื่อความคิดของเราก่อน หรือเราเชื่อกิเลสของเรา
ถ้าเรารู้จักทักท้วงกิเลส ทักท้วงความคิดความเชื่อของเราบ้าง ก็ทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของพวก AI หรือพวกแก๊งมิจฉาชีพได้ง่าย ๆ
ก่อนที่มนุษย์จะมี AI ขึ้นมา มนุษย์เราก็สร้างความฉิบหายเดือดร้อนกับตัวเองและกับผู้คนมากมาย เพราะอะไร เพราะเราเชื่อความคิดของเรา เชื่อกิเลสของเรา ไม่ว่าจะเป็นโลภ โกรธ หลง
ฉะนั้น ถ้าเราไม่รู้จักทักท้วงความคิด ความเชื่อ หรือไม่รู้จักทักท้วงกิเลสบ้าง เราก็จะต้องตกเป็นทาสของ AI หรือพวกมิจฉาชีพไม่วันใดก็วันหนึ่ง.