พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 21 กันยายน 2567
ช่วงนี้มีคนบ่นว่าเศรษฐกิจแย่ รายได้ชนเดือนต่อเดือน หรือบางทีไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่ก็แปลก เขาพบว่าประมาณหนึ่งในสามของคนไทยใช้จ่ายเงินเกินตัว ที่ใช้จ่ายไม่ใช่เพื่อเอาไปซื้อข้าวปลาอาหารที่จําเป็นต่อชีวิต หรือเพื่อผ่อนบ้าน หรือเป็นค่าเช่าบ้าน แต่ว่าหมดเงินไปกับสินค้าที่ฟุ่มเฟือยหรือว่าติดหรู
เขาพบว่าประมาณกว่าครึ่งของคนที่ใช้ชีวิตแบบติดหรูมีเงินเดือนไม่ถึง 50,000 บาท แต่ว่า 10-30 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนหมดไปกับของที่เป็นสินค้าแบรนด์เนม ถ้าไม่ใช่สินค้าแบรนด์เนม ก็เป็นพวกอาหารเครื่องดื่มสุดฮิต เป็นที่นิยม ใคร ๆ ต้องไปกัน ซึ่งแน่นอนว่าราคาแพง อันนี้รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้วย
ผู้ชายใช้เงินไม่น้อยไปกับพวกของหรูประเภทเทคโนโลยี แอปเปิ้ล โทรศัพท์มือถือ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ใช้ไปกับอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสําอางราคาแพง ๆ และอย่างว่า อาหารเครื่องดื่มที่ไม่ใช่อาหารประเภทที่จําเป็นต่อชีวิตหรือว่าราคาไม่แพง แต่ว่าเป็นของที่สุดฮิต เช่น ถ้ากินกาแฟก็ต้องสตาร์บัคส์
เหตุผลเพราะอะไร เพราะอยากให้คนอื่นยอมรับ อยากให้รู้สึกว่าตัวเองโดดเด่น อันนี้เป็นเหตุผลสำคัญ พูดง่าย ๆ คือว่า เวลาซื้ออาหาร ซื้อเครื่องดื่ม ไม่ได้ซื้อหรือติดใจในรสชาติความเอร็ดอร่อย อันนั้นเป็นเรื่องรอง แต่ที่ซื้อจริง ๆ คือ ซื้อภาพลักษณ์ และภาพลักษณ์ก็มากับแบรนด์เนม
เพราะว่าถ้าซื้อของแบรนด์เนม ไม่ใช่แค่แอปเปิ้ล หรือโทรศัพท์ แต่รวมถึงกระเป๋าหลุยส์วิตตอง นาฬิกาโรเล็กซ์ หรือว่าเสื้อผ้าดิออร์ อย่างพวกนี้เป็นสินค้าแบรนด์เนมที่จะพ่วงมากับภาพลักษณ์ อาจจะไม่สวยในสายตาของหลายคน แต่ว่ามันดูเท่
ซื้อภาพลักษณ์อะไร ภาพลักษณ์ความเป็นชาย ความเป็นคนมาดมั่น ความเป็นหญิงเก่ง ความเป็นนักกีฬาที่เก่งกล้า อย่างรองเท้า ถ้าเป็นรองเท้ากีฬา ไม่รู้สมัยนี้แบรนด์เนมอะไรที่เด่นดัง แต่ว่าสมัยเมื่อสัก 20-30 ปีก่อน ต้องไนกี้ เพราะว่าให้ภาพลักษณ์ของคนใส่ว่าเป็นผู้ชนะ เพราะว่านักกีฬาดัง ๆ ระดับโลก ไมเคิล จอร์แดน เขาใช้กัน หรือเขาเป็นพรีเซ็นเตอร์
อยากเป็นอย่างเขาบ้าง แต่ว่าความสามารถจะไม่ถึง ถ้าใช้ไนกี้ที่มีนักกีฬาเด่นดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ทำให้รู้สึกยืดอกขึ้นมาได้ เกิดความมั่นใจ และบางทีถึงขั้นไปขโมย ไปปล้น บางคนตายเพราะว่าสวมรองเท้าไนกี้ เพราะว่าคนอื่นเห็นแล้วอยากได้ ขอดี ๆ ไม่ยอม จึงทำร้ายถึงตาย และเอารองเท้าไนกี้ไป
ที่จริงไม่ใช่รองเท้ายี่ห้อนี้เท่านั้น รองเท้ายี่ห้ออื่นที่ดังตอนนี้ก็เหมือนกัน ใคร ๆ ก็อยากได้ ถ้าไม่ได้ด้วยวิธีที่ถูกต้อง ก็ใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง แต่วิธีที่ถูกต้องแม้จะเป็นเงินของตัว แต่ถ้าหากว่าเป็นเงินที่เกินฐานะหรือว่าเกินรายได้ก็ก่อให้เกิดโทษเหมือนกัน เพราะว่าพอใช้เงินซื้อของพวกนี้เยอะ ๆ แล้วไม่พอใช้ ทำอย่างไร ก็เล่นการพนัน พนันออนไลน์
หรือไม่เช่นนั้นก็โกง ทุจริต มีเยอะ โกง ทุจริตเพื่อที่จะมีเงินมาซื้อสินค้าแบรนด์เนมราคาแพง ๆ เสื้อตัวละหลายหมื่น เข็มขัดราคาเป็นหมื่น นาฬิการาคา 10 ล้าน 20 ล้าน อันนี้เราเห็นได้ในนักการเมืองที่ชื่อเสียงไม่ค่อยสะอาดเท่าไร จะสังเกตได้ว่านิยมใช้ของราคาแพง ๆ แบบนี้ แต่นักการเมืองเป็นคนส่วนน้อย ส่วนใหญ่ที่พูดถึงคือคนทั่วไปนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย
ของพวกนี้ถ้าเราไปให้ความสำคัญกับมันมาก มันจะมาเป็นนายเหนือเรา ทีแรกเราคิดว่ามันเป็นของเรา แต่ไป ๆ มา ๆ เราเป็นของมัน ยอมตายเพื่อมันได้ ใครมาจี้มาปล้นก็ไม่ยอม ไม่ยอมให้ ยอมต่อสู้ขัดขืน บางทียอมตายเพื่อจะได้รักษามันเอาไว้ เรียกว่ายอมตายเพื่อมัน เมื่อคนเรายอมตายเพื่อมัน มันจะเป็นของเราได้อย่างไร เราเป็นของมันต่างหาก
มีเรื่องเล่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผู้ชายคนหนึ่งขับรถเร็วมากแถว ๆ ถนนวิภาวดี ปรากฏว่ารถไปชนเสาไฟฟ้าพังยับเยิน คนที่อยู่ใกล้ ๆ ไปช่วยเขาออกมา ทุลักทุเลพอสมควรเพราะรถยับเยินมาก ชายคนนั้นพอออกมาจากรถ เห็นสภาพรถก็ร้องขึ้นมา “โอ้ย เบนซ์ของฉัน” เขาทำใจไม่ได้ที่รถเบนซ์ของตัวเองพังยับเยิน
มีคุณลุงคนหนึ่งบอกว่า “พ่อหนุ่มอย่าไปสนใจรถเลย สนใจตัวเองดีกว่า นั่น แขนของเธอกระเด็นไปโน่นแล้ว”
ชายคนนั้นพอมองไปที่แขนก็ร้อง “โอ้ย โรเล็กซ์ของฉัน” สนใจโรเล็กซ์มากกว่าสนใจแขน
อันนี้เรียกว่าเขาเป็นของมันไปแล้ว ไม่ใช่มันเป็นของเขา บางคนยอมสละชีวิต ยอมสละอวัยวะเพื่อสินค้าแบรนด์เนมเหล่านี้
ที่จริงพระพุทธเจ้าสอนไว้แล้วว่า พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ เพิ่งสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และพึงสละชีวิตเพื่อรักษาธรรม
แต่เดี๋ยวนี้ตรงกันข้าม สละอวัยวะหรือสละชีวิตเพื่อรักษาทรัพย์ โดยเฉพาะทรัพย์ที่เป็นสินค้าแบรนด์เนมราคาแพง ไม่ห่วงร่างกาย ไม่ห่วงชีวิต ขนาดมือกระเด็นไปโน่น แขนกระเด็นไปนี่แล้ว ยังไม่ได้ห่วงเลย ห่วงโรเล็กซ์ว่าพังยับเยิน แขนหลุด แขนกระเด็นไปไม่ห่วง ห่วงโรเล็กซ์แทน ร่างกายจะเป็นอย่างไรไม่เป็นไร แล้วที่เศร้าคือรถเบนซ์ของตัวพังยับเยิน เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้กัน
เพราะฉะนั้น ถ้าเราปล่อยให้ทรัพย์ครองใจจนกระทั่งมันกลายเป็นเรา หรือไปยึดว่ามันเป็นของเรา สุดท้ายเราก็เป็นของมัน
บางทีรถราคาแพง ๆ พอลูกขีดข่วนแล้วโมโหลูก ตีลูกอย่างแรง ลืมไปว่ามือที่ตีกําลังถือประแจเอาไว้ด้วย ปรากฏว่าลูกไม่ใช่โดนตีอย่างเดียว โดนประแจฟาด กระดูกหักเลย นี่เพราะความโกรธจนลืมตัวของพ่อที่รักรถมากกว่ารักลูก
อันนี้ต้องให้ระวังมากเพราะเราขาดสติ ฉะนั้น ต้องตั้งสติให้ได้ แล้วรู้จักใช้มัน อย่าให้มันใช้เรา.