พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 20 กันยายน 2567
มีชายคนหนึ่งอายุได้สัก 50 กว่าปีก็เริ่มเป็นอัลไซเมอร์ แล้วอาการก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ผ่านไป 10 ปีก็พูดไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงความจำ จำใครไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ กินเองก็ไม่ได้ ต้องมีคนป้อนข้าวให้ ไม่ต้องพูดถึงการแต่งเนื้อแต่งตัว เข้าห้องน้ำ
แต่ก็โชคดีที่มีภรรยาที่ดูแลเอาใจใส่อย่างดี ดูแลสามีเหมือนกับดูแลเด็กเลย เพราะว่าสามีช่วยตัวเองไม่ได้สักอย่าง อัลไซเมอร์นั้นไม่ใช่แค่ลืมลูกลืมเมีย ลืมชื่อตัวเอง พอเป็นหนักๆเข้าการควบคุมอวัยวะต่าง ๆ แม้กระทั่งการกินก็ยังลืม
ถ้าเป็นหนัก ๆ จะลืมแม้กระทั่งการกลืน กลืนไม่เป็น แต่รายนี้ยังดีที่ยังกลืนเป็น แต่กินไม่เป็น ผ่านไป 10 ปี วันหนึ่งภรรยาออกไปข้างนอกเพื่อไปซื้อของ ไปช้อปปิ้งเอาของเข้าบ้าน ก็ให้ลูกชาย 2 คนซึ่งเป็นวัยรุ่นช่วยดูแลพ่อ
ลูก 2 คนนี้ช่วงที่ว่างๆก็ดูโทรทัศน์ ส่วนพ่อก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ จู่ๆพ่อก็เกิดล้มลงฟุบกับพื้น แล้วผิวก็เริ่มคล้ำ หายใจติดขัดไม่เป็นจังหวะ เข้าใจว่าหัวใจคงจะหยุดเต้นหรือเริ่มจะหยุดเต้น
พี่ชายเห็นพ่อ ดูแล้วสถานการณ์ทำท่าไม่สู้ดี ก็บอกน้องชายว่าให้โทร 911 ในอเมริกานั้น 911 เป็นเหมือนกับ 191 ในเมืองไทย แต่ที่จริงถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในเมืองไทยต้อง 1669 นะ 191 จะช้าไป แต่เมืองนอกคือ 911 พี่ชายบอกให้น้องโทร 911 ทันทีเพราะอาการพ่อสงสัยจะหนักมาก
น้องชายยังไม่ทันจะไปโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมา เป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยินมานานแล้ว เสียงนั้นบอกว่า “ไม่ต้องโทร 911 ไปบอกแม่ของเธอว่า ฉันรักแม่เธอ และฉันก็ไม่เป็นไร” เสียงนั้นคือเสียงของพ่อ แล้วพ่อก็หมดลม ตาย เมื่อไปชันสูตร พลิกศพไปผ่าทางนิติเวช เพราะว่าตายที่บ้าน
ก็ต้องไปทำการผ่าเพื่อพิสูจน์ว่าตายเพราะอะไรแน่ ผ่าสมองแล้วปรากฏว่าสมองของผู้ชายคนนี้ถูกทำลายไปเพราะโรคอัลไซเมอร์จนเกือบจะหมดทีเดียว ก็เลยมีคำถามว่า ในเมื่อสมองถูกทำลายไปมาก ทำไมจึงสามารถพูดเป็นเรื่องเป็นราวได้
เรามักมีความเชื่อว่า คนเป็นอัลไซเมอร์นั้นพูดไม่ได้ เขาลืมทุกอย่างแล้ว และผู้ป่วยคนนี้ก็เป็นมา 10 ปี ไม่เคยพูดอะไรเลย แต่ว่าก่อนตายนี้เขาพูดเป็นเรื่องเป็นราว เขาจำลูกชายได้ เขาจำภรรยาได้ และพูดเป็นประโยคด้วย และที่น่าสนใจก็คือว่า สมองถูกทำลายไปหมดแล้วเขาพูดได้อย่างไร
อันนี้ก็ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับความเชื่อเดิม ๆ ว่าคนเป็นอัลไซเมอร์เขาไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว แต่ที่จริงมีโอกาสที่เขาจะรู้เรื่อง เพียงแต่เขาตอบสนองไม่ได้ เคยมีคนถามว่า ถ้าพ่อเป็นอัลไซเมอร์ แม่เป็นอัลไซเมอร์ เราจะน้อมจิตของเขาให้เป็นกุศลได้อย่างไร เพราะเขาไม่รู้เรื่องแล้ว
ก็อย่าไปคิดอย่างนั้น เพราะเขายังมีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องได้ แต่อาจจะไม่100% และในบางกรณีก็สามารถพูดได้ด้วย และก็มีกรณีแปลกๆเกี่ยวกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ อย่างมีอยู่บ้านหนึ่ง แม่เป็นอัลไซเมอร์ เป็นมาหลายปี ลูกสาวก็ดูแลแม่
วันหนึ่งเพื่อนของลูกสาวมาบอกว่าแม่ของเธอมาเข้าฝัน แต่งตัวสวยเลย แล้วแม่ที่เข้าฝันก็บอกผู้หญิงคนนั้นว่า “ช่วยไปบอกเพื่อนของเธอด้วยนะว่า พรุ่งนี้ฉันจะไปแล้ว” เพื่อนของเธอคือลูกสาวของแม่ที่เป็นอัลไซเมอร์นั่นเอง เพื่อนก็มาเล่าให้ลูกสาวของผู้ป่วยฟัง ว่าแม่ของเธอมาเข้าฝันและบอกอย่างนี้ ปรากฏว่าพอถึงเวลา วันรุ่งขึ้นผู้ป่วยก็ไปจริง
เขามีวิธีในการสื่อสารกับลูก ด้วยการเข้าฝัน แต่ว่ากรณีที่เล่าก่อนหน้านั้น มันชัดเลยไม่ได้เข้าฝัน เขาพูดตรง ๆ เลย บอกแม่ของเธอนะว่า ฉันรักแม่เธอ แต่ฉันไม่เป็นอะไร แล้วก็ขาดใจตายไปเลย ก่อนตายก็ยังพูดได้ แถมเป็นอัลไซเมอร์ด้วย
เพราะฉะนั้นจึงชี้ได้ว่าจิตกับสมองนั้น อาจจะไม่ใช่อันเดียวกันก็ได้ สมองถูกทำลายไปมากแต่จิตนั้นถ้ายังไม่ดับไป ก็ยังสามารถจะรับรู้อะไรได้ อย่าว่าแต่เป็นคนอัลไซเมอร์เลย คนที่หัวใจหยุดเต้นหรือสมองตาย อย่างในอเมริกา
มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 45 - 50 หัวใจวาย สมองขาดเลือด กว่าจะไปถึงโรงพยาบาล สมองขาดเลือดเกินกว่า 4- 5 นาทีแล้ว ก็แปลว่าสมองตาย หมอได้ทำการตรวจสอบหลายอย่าง ตั้งแต่การหยิก หยิกที่เล็บ ที่นิ้วมือ ก็ไม่มีการตอบสนอง เอาเข็มจิ้มก็ไม่ตอบสนอง พูดใส่เขาก็ไม่ตอบสนอง เปิดเปลือกตา ม่านตาก็ไม่ขยับ ทำอะไรก็ไม่มีการตอบสนอง
อย่างนี้ก็สันนิษฐานได้ว่าสมองนั้นตายแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ทำเพียงแค่นั้น เขาทำการเอกซเรย์ด้วยเครื่อง MRI (เอ็มอาร์ไอ) ปรากฏว่าสมองถูกทำลายไปเย่อะ เพราะว่าพอขาดออกซิเจนสมองจะตายเป็นจุด ๆ เพราะเห็นรอยที่สมองตายเป็นจุด ๆ เกือบ 10 จุด
นอกจากนั้น ยังตรวจคลื่นสมองปรากฏว่าแบนราบ คือคนเรานั้นถ้าหากว่ายังไม่ตาย สมองทำงานได้ มันจะมีคลื่นสมองแม้กระทั่งเวลาหลับฝัน แต่กรณีนี้คลื่นสมองแบนราบ หมอบอกว่าสมองตายแล้ว แต่ว่าญาติพี่น้องยังไม่ยอม จะให้สู้ต่อ หมอก็เกิดฮึดสู้เหมือนกัน
เผอิญไปอยู่ในโรงพยาบาลที่มีเครื่องเคราก้าวหน้ามาก มีห้อง ICU พิเศษ เรียกว่า NICU ใช้ในการดูแลสมองโดยเฉพาะเลย 4-5 เดือนต่อมาปรากฏว่าคนไข้ฟื้น และกลับมาเดิน ใช้ชีวิตได้ตามปกติหรือเกือบปกติทีเดียว
ซึ่งปกติเคสแบบนี้ ถ้าฟื้นก็ต้องเป็นผัก อยู่ได้ด้วยท่อช่วยหายใจ หรือเครื่องฟีดอาหาร แต่นี่เดินได้ปกติเลย คนป่วยคนนี้เป็นหมอ กรณีนี้เรียกว่าอัศจรรย์มาก เพราะว่าสมองตายแล้วยังฟื้นขึ้นมาได้ แสดงว่าสมองนั้นมีการฟื้นตัว
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ผู้ป่วยเล่าว่าก่อนที่หมอสันนิษฐานว่าเขาสมองตายอยู่ในภาวะดีฟโคม่าหรือโคม่าลึกนั้น เขาได้ยินทุกอย่างที่หมอและพยาบาลคุยกัน เขาจำเป็นถ้อยคำเป็นประโยค ๆ เป็นคำ ๆ ได้เลย
หมอทึ่งมากเพราะว่าตอนนั้นสมองตายแล้ว ทำไมถึงยังได้ยิน แถมยังจำได้ ทั้ง ๆ ที่พูดก็ไม่ตอบ เปิดเปลือกตา ม่านตาก็ไม่ขยับ เป็นเรื่องอัศจรรย์มากที่แสดงให้เห็นว่า แม้สมองตายแต่ถ้าจิตยังไม่ดับ ก็ยังเห็น ยังได้ยิน
และก็มีกรณีที่เห็นด้วย ไม่ใช่แค่ได้ยิน ซึ่งก็ได้เคยพูดไปแล้ว เพราะฉะนั้นชี้ให้เห็นว่าคนไข้ที่เราเห็นว่าเขาหมดหวังแล้ว เพราะว่าเป็นผักก็ดี โคม่าก็ดี สมองตายก็ดี เขารับรู้ได้ รวมทั้งคนไข้ที่เป็นอัลไซเมอร์ด้วย เขาก็ยังสามารถที่จะคิด หรือนึก หรือจดจำได้ไม่มากก็น้อย
เพราะฉะนั้นการดูแลเขาอย่าไปมองว่าเขาเป็นร่างที่ไร้วิญญาณ ให้มองว่าเขาเหมือนคนปกติ พูดคุยกับเขาด้วยเรื่องดี ๆ ที่ทำให้เขามีความสุข มีความภาคภูมิใจ หรือจิตใจน้อมไปในทางที่เป็นกุศล อันนี้คือความหวังที่เราสามารถทำให้เกิดขึ้นเป็นจริงได้.